บทที่หก ...หวานไปทั้งตัว (๒)
“ไปไหน”
“อาบน้ำเหนียวตัว” ก้มหน้าพูดเพราะน้ำสีขุ่นที่เขาฉีดมาเต็มไปหมดทั้งกลิ่นยังคลุ้งจนต้องการชำระร่างกาย พสุธายิ้มพลางคิดในใจว่าตนไม่ได้ป้องกันเพราะเธอคือภรรยาและแน่นอนว่าเขามีแผนในใจ แผนที่จะกักตัวเธอเอาไว้กับเขาไปตลอดกาล
“ไปด้วย” ว่าอย่างนั้นก็ทำเอาเธอตาโตส่ายหัวพัลวันจนผมยาวปิดหน้า มือหนาจึงเอาผมเธอทัดหูให้อย่างอ่อนโยน
“ไม่เอา” ดาริกาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ทำไม กลัวฉันต่ออีกรอบหรือ” ใครจะไปบอกว่าคิดอย่างนั้นจริง
“ไม่ต้องห่วงหรอกฉันไม่ต่ออีกรอบแน่” ฟังเขาตอบก็ไม่แน่ใจมองแววตากรุ้มกริ่มที่ส่งให้แล้วชั่งใจว่าจะทำอย่างที่ตนพูดจริงหรือเปล่า
“เพราะฉันจะต่ออีกหลายๆ รอบยังไงล่ะ” พูดไม่ทันขาดคำตัวเธอก็ลอยขึ้นโดยอ้อมแขนของสามีที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ “คืนนี้ยังอีกยาวไกลที่รัก” แล้วเธอจะทำอย่างไรได้เล่าเพราะร้องประท้วงไปแล้วเขาก็ไม่สะท้านจะทุบก็ไม่ได้เพราะมือปิดของสงวนทั้งบนและล่างเอาไว้ พสุธาพาเธอเข้าไปในห้องน้ำตามบัญชาแต่กว่าจะได้อาบน้ำเธอก็เสียเหงื่อไปอีกรอบ ทั้งยังบนเตียงอีกสองรอบกว่าจะได้นอนก็..
ฟ้าสว่างพอดี
ตื่นมาอีกทีแสงจากด้านนอกก็สาดมาใส่เธอกว่าครึ่งตัวแล้ว ม่านสีขาวไม่สามารถกันแดดไว้ได้เลย ร่างเปล่าเปลือยของดาริกามีผ้าห่มผืนหนาปิดเอาไว้และลำแขนหนากอดเอวเธอเสียแน่นจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งกับเขาอีกครั้ง
“อื้อ” พยายามเอาลำแขนหนาออกจากเอวแต่ดูจะยาก เธอหันไปมองอีกคนหลับนิ่งแล้วยกแขนพสุธาออกจากตัว ก้มลงหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาใส่กันอุจาดตาหากเดินโทงๆ ทั้งที่ไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ถึงแม้พสุธาจะบอกไม่มีคนแต่เธอก็อายผีสางที่แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้ว่ามีเหมือนกัน
“โอ๊ย” ท่อนล่างเธอแทบก้าวไม่ออกรู้สึกชาทั้งยังปวดระบมอีก หันไปมองคนต้นเรื่องก็ได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์โมโหที่เขามักมากเล่นซะเกือบเช้าดีที่ยังปล่อยให้เธอได้นอนบ้างถึงแม้จะกอดเอาไว้ทั้งคืนก็ตาม
ดาริกาเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายอีกรอบนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาแล้วเข้าห้องนอนตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่คาดว่าคงเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เธอบ้าง แล้วก็เป็นดังที่หวังเพราะมีชุดผู้หญิงพับไว้อย่างเรียบร้อยข้างกันนั้นก็มีชุดชั้นในวางไว้ด้วย ร่างบางรีบหยิบของทั้งหมดแล้วเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ ใส่ชุดชั้นในก็อดอึ้งไม่ได้ที่เขากะไซซ์เธอได้ถูก ใส่พอดีราวกับรู้ขนาดอยู่แล้ว สวมเสื้อยืดกับกางเกงเลก็เป็นอันเสร็จ
เดินออกมารับลมยามเช้าที่พอมองไปยังนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว ท้องเริ่มประท้วงเธอจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องครัวเพื่อทำอะไรรับประทาน แม้บ้านจะเป็นกระท่อมแต่เครื่องใช้ต่างๆ กลับทันสมัย ในครัวถูกมุงด้วยฟางผนังห้องก็เป็นเพียงไม้สานแต่เครื่องครัวกลับมีทั้งเตาแก๊สและหม้ออบไฟฟ้า คงเป็นเกาะห่างไกลผู้คนที่ราคาแพงพอสมควร
เปิดตู้เย็นก็พบของสดมากมายจนยิ้มออกมาคิดหาเมนูที่จะทำสองสามอย่าง สิ่งที่เธอทำก่อนคือการหุงข้าวสวยหลังจากนั้นเธอก็เอาผักและเนื้อสัตว์มาเตรียมไว้โดยตั้งใจจะทำฉู่ฉี่กุ้ง ยำทะเลรวมมิตรและไข่เจียว ลงมือตีไข่นำไปปรุงแล้วทอดลงกระทะจนได้ไข่เจียวสีเหลืองกรอบน่ากิน ก่อนหันไปทำฉู่ฉี่และปิดท้ายด้วยยำทะเล
“ทำอะไรหอมจัง” ขณะที่ก้มหน้าก้มตาทำยำทะเลรวมมิตรก็มีแรงกอดรอบเอวจากชายร่างสูงพร้อมหอมแก้มเธอเสียฟอดใหญ่
“ปากเหม็น แปรงฟันหรือยัง” หันไปมองสามีที่หน้าตายังสะลึมสะลืออยู่ผมเผ้ายุ่งจนดูไม่ได้ก็เอ่ยถามขึ้น เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มให้เธอ
“ยังเลย ได้กลิ่นหอมเลยตามกลิ่นมา”
“ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนไป น่าเกลียดจริงๆ” แม้จะเขินอายแต่ก็ระงับอาการไว้ด้วยการส่งสายตาดุ ซึ่งคนตัวสูงก็ทำตามอย่างว่าง่ายปล่อยเธอแต่โดยดีหันหลังกลับออกไปจากครัว ลับหลังร่างสูงดาริกาถอนหายใจออกมาเอามือทาบอกทันที
“เก่งมากดาว เก่งแล้ว” ชมตนเองที่พยายามทำนิ่งต่อหน้าเขาได้ทั้งที่ยากเกินเพราะใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะจนกลัวว่าจะถูกจับได้ ดาริกาทำอาหารเสร็จพอดีกับที่พสุธาเข้ามาช่วยยกออกไป สองหนุ่มสาวสามัคคีกันอย่างดีถ้าไม่ติดที่พสุธามักจะมองเธอแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
“มองบ้าอะไรนักหนา” แหวใส่ร่างสูงเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินแต่พสุธาก็เอาแต่ยิ้มจนเธอต้องตีไหล่หนา
“หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้” สั่งเสียงเข้มขณะที่ช่วยอีกฝ่ายจัดโต๊ะอาหาร
“นี่มันหน้าฉัน ฉันจะยิ้มจะร้องไห้จะหัวเราะมันก็เรื่องของฉันไง” ยิ่งพูดก็ยิ่งยิ้มมากขึ้นไปอีกดาริกาจึงทำเมินเฉยเสียแม้ว่าหน้าจะแดงขนาดไหนก็ตาม สองหนุ่มสาวนั่งกินข้าวโดยที่ร่างบางพยายามมองทะเลหรือต้นไม้แทนใบหน้าคมที่ทานไปยิ้มไปราวกับโลกนี้สดใสนักหนา
“ถ้านายไม่หยุดยิ้มฉันเอาส้อมจิ้มหน้าจริงๆ ด้วย” แววตาของพสุธาทำให้เธอแทบละลายไปกับน้ำ มันดูหวานหยดย้อยจนคนถูกมองทำตัวไม่ถูก
“โหดจังเลย คืนนี้ขอโหดๆ แบบนี้นะ” คำพูดคำจาที่ดูล่อแหลมทั้งสายตากรุ้มกริ่มดาริกาตัดสินใจวางช้อนส้อมลงทั้งที่ยังกินข้าวได้ไม่ถึงครึ่งจาน เอามือตบโต๊ะเสียงดังแล้วมองค้อน
“หยุดพูดเลยนะ จะพูดอะไรนักหนาเรื่องเมื่อคืน ฉันลืมไปหมดแล้ว” ว่าจบเดินออกไปแต่มือหนามาคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อน
“ลืมจริงหรือ มาย้ำใหม่อีกรอบไหม” ลุกขึ้นมากอดเอวบางเอาไว้จนเธอต้องเอามือยันอกเขาพร้อมยื่นหน้าออกห่าง
“หยุดเลยนะ พอเลยแค่นี้ก็ระบมไปหมดแล้ว”
“ฮ่าๆ เมื่อคืนแค่ออเดิร์ฟครับ หลังจากนี้จัดเต็มแน่นอน” ยอมปล่อยร่างบางก่อนจะนั่งลงทานข้าวอย่างอารมณ์ดี เคี้ยวข้าวไปยิ้มไปซึมซับบรรยากาศดีๆ ที่นานครั้งจะเกิดขึ้น ดาริกาเดินหนีไปในห้องก็พบว่าห้องยังเกลื่อนไปด้วยเสื้อผ้าเมื่อคืนทั้งผ้าห่มที่ยับย่น
“เฮ้อ เหมือนได้ลูกชาย” ถอนหายใจระอากับเขาแล้วก็เริ่มลงมือเก็บที่นอน เธอรื้อผ้าห่มออกแล้วจัดการเก็บห้อง เห็นน้ำสีขุ่นก็รีบเบือนหน้าหนีเก็บผ้าปูที่นอนด้วยความเขินอาย เสื้อผ้าบนพื้นหยิบลงตะกร้าสานเอาออกมาซัก
“จะทำอะไรน่ะ” ระหว่างเดินสวนกันพสุธาก็ถามขึ้น
“เอาไปเผาทิ้งมั้ง”
“โฮ เสียดายแย่เลยถือเป็นความทรงจำระหว่างเราไปเผาทิ้งก็เสียของแย่สิที่รัก” วางแขนบนไหล่เธอกระซิบข้างหูจนหญิงสาวต้องมองค้อนตาเขียว
“เลิกเล่นเลย ตื่นขึ้นมารู้จักเก็บข้าวของบ้างไหม ผ้าห่มไปทางหมอนไปทาง ไหนจะเสื้อผ้าอีกแล้วดูสิน้ำท่าก็ยังไม่รู้จักอาบมันกี่โมงกี่ยามแล้วจะต้องให้พูดให้บอกกี่ครั้ง” ดาริการ่ายยาวจนสามีมองเธออย่างอึ้งๆ เริ่มคิดหนักแล้วว่าได้เมียหรือได้แม่มาเพิ่ม
“ไปจ้ะ ไปซักผ้าดีกว่านะ เดี๋ยวช่วยซักจะได้เสร็จเร็วๆ” รู้เอาตัวรอดเป็นยอดดีเขาตามเธอไปที่ระเบียงซักผ้าข้างห้องน้ำที่มีบันไดลงเป็นที่โล่งมีเพียงก๊อกน้ำและโอ่งแดงตั้งอยู่
“เข้าไปเอาผ้าปูกับผ้าห่มในห้องมาด้วย” สั่งเสร็จร่างสูงก็ทำตามอย่างรวดเร็ว ดาริกาเอากะละมังออกมาเทน้ำใส่ก่อนจะเทผงซักฟอกลงไปพอประมาณ หลังจากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันซักผ้าแม้ว่าพสุธาจะทำไม่ค่อยเป็นและโดนบ่นตลอดการทำกิจกรรมคู่รักที่แปลกจากแผนการที่วางเอาไว้ก็ตาม
“เหยียบดีๆ เอาให้ซึมเข้าไป” หลังจากซักเสื้อผ้าเสร็จก็ต้องมาซักผ้าห่มผืนใหญ่แต่ไม่รู้เหตุใดคนที่ซักมีแค่เขาส่วนภรรยาก็นั่งสั่งในร่มปล่อยสามีสุดหล่อยืนตากแดดอยู่คนเดียว
“พอได้แล้ว เหยียบมาจะครบชั่วโมงแล้วครับ” ประท้วงด้วยสีหน้าโอดครวญ
“อย่ามาบ่น ทำไปเลย” ได้รับคำสั่งมาพ่อบ้านใจกล้ามีหรือจะยอมทำตามคำสั่ง
“หยุดสั่งได้แล้ว” ทำท่าขึงขังใส่อย่างห้าวหาญ
“ทำไม”
“ก็จะล้างน้ำสะอาดไงครับผม เดี๋ยวขอเทน้ำออกก่อนนะ” เปลี่ยนเป็นความนอบน้อมอย่างรวดเร็ว ดาริกาก้มหน้ายิ้มแล้วสั่งให้ทำต่อไปส่วนพสุธาก็ยิ้มรับ แม้ว่าอีกฝ่ายจะบ่นมากแค่ไหนก็ตาม ดูท่าไม่น่าจะใช่เมียแล้วแหละ อย่างนี้แม่คนที่สองแน่นอน
“คุณดินครับ คุณดินอยู่บ้านไหมครับ” ดาริกาหันตามเสียงด้วยความสงสัย เธอไม่คิดว่าจะมีคนอยู่บนเกาะด้วย
“ครับลุงสม อยู่ครับ” อยากจะวิ่งเข้าไปกอดผู้ช่วยชีวิตตนเอง เขาเดินแกมวิ่งไปที่สะพานเชื่อมไปชายฝั่ง ร่างบางก็เดินตามไปไม่ห่าง
“พอดีผมจะไปหาปลา คุณจะไปด้วยกันไหมครับ” ชายมีอายุหน้าตาใจดียืนยิ้มให้พสุธาบนไหล่มีแหอยู่ด้วย ตากลมโตมองแขกด้วยความสงสัย
“ไปครับลุง รอผมก่อนนะครับขอไปใส่รองเท้าก่อน” ในใจตะโกนร้องว่ารอดตายแล้ว ปล่อยให้ดาริกายืนยิ้มให้ลุงสม
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง” เห็นเขายกมือไหว้เธอก็รับไหว้แทบไม่ทัน “อย่าไหว้หนูเลยค่ะ หนูอายุน้อยกว่าลุงอีก”
“คุณลุงอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ” เอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะเธอคิดว่าเกาะนี้เป็นเกาะร้างเสียอีกเพราะไม่เห็นคนหรือบ้านเลยนอกจากหลังที่เธออยู่นอกนั้นก็เป็นป่าที่ดูอุดมสมบูรณ์
“ครับ ผมเป็นคนดูแลเกาะนี้แล้วก็บ้านหลังใหญ่ให้คุณภมร” ชื่อคุ้นเคยทำให้เธอยิ่งสงสัยพอดีกับที่พสุธาวิ่งมาหา
“เสร็จแล้วครับ” เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วยืนส่งเขา
“ฝากซักผ้าห่มด้วยนะที่รักเดี๋ยวฉันจะไปหาปลามาให้เธอทำกับข้าวกิน งานบ้านก็ต้องเป็นของภรรยา เดี๋ยวกลับมานะจ๊ะ” โบกมือลาแล้วยิ้มให้ดูอีกคนจะมีความสุขเหลือเกินที่ได้ออกไป ดาริกาอมยิ้มรู้ทันว่าพสุธาอยากหาทางออกไปข้างนอกตอนนี้ก็สมใจแล้ว ร่างบางเดินเข้าบ้านไปซักผ้าต่อปล่อยให้สามีออกไปหาปลา
หลังซักผ้าและตากเสร็จเรียบร้อยเธอก็ไปเดินเล่นที่ชายหาดแม้แดดจะเปรี้ยงก็ไม่กลัว เห็นเปลือกหอยมากมายก็เก็บมาล้างแล้วจัดการร้อยเป็นกำไล จากนั้นเธอก็เริ่มจัดการเก็บกวาดบ้านให้จนแสงตะวันอ่อนลงมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
“ทำไมยังไม่กลับอีกนะ” มองสะพานก็ไม่เห็นเขาเดินมาท้องทะเลเวิ้งว้างช่างกว้างใหญ่เหลือเกินตอนที่ไม่มีพสุธาอยู่ด้วย ยิ่งแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับไปก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเริ่มเหงา
“มาแล้วครับ” ไม่รู้ทำไมแค่ได้ยินเสียงเขาหัวใจที่แห้งเหี่ยวเมื่อครู่กลับชุ่มชื่นขึ้นมา เดินออกจากห้องนอนไปข้างนอกก็พบพสุธาถือถังใส่ปลามาด้วย ร่างสูงส่งยิ้มให้เธอจนต้องยิ้มตอบ วินาทีนี้ต้องยอมรับกับตัวเองเสียแล้วว่าติดเขาจนไม่อาจห่างได้
“ได้ปลามาเยอะเลย ฉันอยากกินต้มยำปลาเก๋าแล้วก็ย่างปลาธรรมดากินกับน้ำพริก น่าอร่อยมากเลยทำให้กินหน่อยนะครับ” สั่งอย่างกับเธอเป็นแม่ครัวร้านดังที่จะทำได้ทุกเมนูที่อยากกิน
“คิดว่าฉันทำต้มยำปลาเก๋าเป็นหรือไง” ถามกลับซึ่งพสุธาก็พยักหน้า
“ทำเป็น เธอคือกูเกิ้ลผู้รู้ทุกอย่าง ทำให้กินหน่อยนะครับฮันนี” เข้ามาออดอ้อนอย่างกับเด็กน้อยทั้งที่อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบหกปีแล้ว
“ก็ได้” มือหนาชูขึ้นพร้อมร้องไชโยแต่โดนเบรกก่อน
“แต่ว่า นายต้องช่วยฉันทำ” พยักหน้าแล้วยิ้มให้เธอ
“สบายมาก ของถนัดเลยงานนี้” ดูคำโอ้อวดแล้วก็ได้แต่คิดว่าเธอทำถูกไหมที่เอาคนอย่างพสุธามาเข้าครัว ดูท่าแล้วน่าจะพังมากกว่า เอาเถอะในเมื่อพูดไปแล้วก็คงต้องให้อีกคนแสดงฝีมือบ้างอยากรู้เหมือนกันว่าตากล้องสุดหล่อจะทำอาหารรสชาติออกมาเป็นอย่างไรบ้างแม้ครั้งล่าสุดจะเกือบเผาครัวไปแล้วก็ตาม
“ไว้ใจนายพสุธาได้เลย งานนี้มีแต่คำว่าอร่อย” คำคุยมีเป็นล้าน สองหนุ่มสาวเดินเข้าครัวโดยมือหนาโอบไหล่บางเอาไว้ราวกับว่ามันคือที่ประจำ ดาริกาเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสจากร่างสูงมากขึ้นอยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยาร่วมเดือนแล้ว การมาฮันนีมูนครั้งนี้ดูจะเชื่อมความสัมพันธ์มากขึ้นถือว่าแผนการสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว