บทที่ห้า ...เล่นงานลับหลัง (๑)
บทที่ห้า
...เล่นงานลับหลัง
“พี่ดาวมีคนมาหาค่ะ” ในขณะที่กำลังทำงานอยู่น้องนักศึกษาฝึกงานก็มาบอกเธอด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม มองนาฬิกาที่ตั้งไว้บนโต๊ะก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าแล้วเธอทำงานจนลืมเวลาไปเลยหรือนี่
“ใครเหรอ”
“สามีพี่ดาวค่ะ” บอกพร้อมกับเปิดตัวหนุ่มหล่อที่เดินเข้ามาภายในแผนกด้วยชุดแปลกตาที่ไม่ค่อยเห็น เขาใส่สูทและถือแก้วน้ำหลายใบยี่ห้อเงือกไซเรนสีเขียวที่โด่งดังในเรื่องความอร่อยและราคาของมัน
“สวัสดีครับทุกคน” คนในแผนกโฆษณามีทั้งแปดคนรวมเธอและหัวหน้าแผนกด้วย ดูเหมือนแต่ละคนที่กำลังทำงานจะหยุดมองชายผู้มาใหม่เป็นตาเดียวก่อนสาวๆ จะเกาะกลุ่มกันแล้วซุบซิบพลางตอบรับคำทักทายด้วยเสียงหวาน
“ผมชื่อพสุธานะครับ เรียกสั้นๆ ว่าดินก็ได้ เป็นสามีของดาวเหนือครับ” กล่าวแนะนำตัวเสร็จสรรพพร้อมรอยยิ้มกว้างที่มีให้ทุกคน ดาริกายืนแข็งเหมือนถูกสตัฟฟ์เอาไว้กับที่เมื่อสามีเข้ามาแนะนำตัวโดยไม่บอกกล่าวเธอเลยสักคำ
“ผ่านร้านน้ำเลยซื้อมาฝากทุกคน รู้มาว่ามีแปดคนรวมน้องนักศึกษาฝึกงานด้วยก็เก้า ผมไม่รู้ว่าชอบรสไหนกันเลยซื้อมาแบบให้เขาจัดให้ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่า เชิญเลือกได้เลยนะครับ” แก้วน้ำถูกวางไว้บนโต๊ะกลางของแผนกโดยมีผู้คนเข้าไปเลือกอย่างเกรงใจ แต่เมื่อพสุธาบอกตามสบายแต่ละคนจึงรีบจับจองแก้วที่ชอบ
“อ้าว ใช่สามีคุณดาวไหม” คุณหิรัญหัวหน้าแผนกถือแฟ้มเข้ามาภายในห้องหลังจากเสร็จการประชุมช่วงบ่ายที่ลากยาวจนถึงเย็นเห็นหนุ่มหล่อรุ่นลูกยืนยิ้มโดยมีพนักงานในแผนกรุมโต๊ะกลางอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ครับ ผมดินนะครับสามีดาว แวะมารับภรรยาเลยซื้อของมาให้คนในแผนกด้วยครับ” เป็นคนเข้าผู้ใหญ่เป็นจึงยกมือไหว้ทั้งยังเดินไปแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้า
“ตอนเจอที่งานแต่งว่าคุ้นหน้าแล้ว มาวันนี้คุ้นกว่าเดิมอีกนะ” มองหน้าพลางนึกว่าเคยเจอที่ไหนก่อนที่สาวอีกคนจะเอ่ยขึ้นมา
“ก็คุณดินช่างภาพสุดฮอตที่ค่าตัวแพงติดหนึ่งในสามของประเทศไทยตอนนี้ไงคะ เห็นตามหนังสือไม่คิดว่าจะเจอตัวจริง ชื่อข้าวปั้นนะคะ โสดค่ะ” รุ่นพี่อารมณ์ดีร่างอวบเข้าไปทักทาย
“เอ่อครับคุณข้าวปั้น ผมไม่โสดนะครับ อีกอย่างค่าตัวผมไม่ได้แพงขนาดนั้นสักหน่อย ค่าตัวแพงจริงต้องคนโน้น” ชี้ไปที่ภรรยาตัวเองที่ยืนถลึงตาใส่ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ ให้รุ่นพี่
“งานแต่งผ่านไปผมเกือบล้มละลายเลย” หยอกเย้าพอเป็นพิธีแต่ก็ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นกว่าเมื่อสักครู่ที่แต่ละคนเคร่งเครียดในการทำงาน ดาริกาเก็บของสะพายกระเป๋าเดินมาหาสามีที่ไม่บอกก่อนว่าจะมารับเธอถึงแผนก
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นดาวขอกลับก่อนนะคะ” ยกมือไหว้ทุกคนแล้วลากแขนพสุธาเดินออกมาใบหน้าหวานบูดบึ้งพร้อมมีเรื่องทุกขณะ
“เบาๆ ก็ได้ครับผม ลากแรงจังเลยไม่สงสารผู้ชายบอบบางบ้างเลยนะที่รัก” หันไปมองคนบอบบางที่กล้ามแขนเป็นมัดแล้วก็อดใจไม่ไหวตีเข้าที่แขนหนา
“โอ๊ย ตีทำไมเจ็บนะครับ”
“ขึ้นมาทำไม ถ้ามาถึงก็โทรมาบอกสิ” พสุธาหุบยิ้มลงแต่ก็ยังคงมีแววขี้เล่นเช่นเดิม
“อยากมาแนะนำตัวกับคนที่ทำงานเธอ ทุกคนจะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีสามีแล้วที่สำคัญคือสามีหล่อมาก” พูดจบก็เสยผมราวกับนายแบบจนดาริกาส่ายหน้าให้กับความหลงตัวเองของสามี ร่างบางเดินหนีไม่รออีกฝ่ายก็วิ่งตามมากอดไหล่ภรรยาเอาไว้ส่งยิ้มแสนหวานให้
“เดี๋ยวไปกินข้าวบ้านเธอก่อนนะ คุณพ่อโทรมาหาฉันบอกคิดถึงลูกสาว” ได้ยินคำบอกเล่าของเขาก็ขมวดคิ้วทันทีด้วยสงสัย
“ทำไมพ่อไม่โทรหาฉัน”
“เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนเถอะว่าไม่ได้รับกี่สาย ทั้งพ่อฉันพ่อเธอโทรมาเป็นสิบกว่าครั้งไม่มีการตอบรับเลยสักครั้ง ถ้าจะมีโทรศัพท์ไว้เป็นเครื่องประดับแบบนี้ทีหลังก็เอาไว้ทับกระดาษเฉยๆ ก็ได้นะครับ ฮันนี” มือหนาที่กอดไหล่เนียนลูบหน้าเธอแล้วพูดจาหยอกล้อ
“บอกว่าไม่เอาคำเรียกเลี่ยนๆ แบบนี้” หันไปแหวแต่ดูท่าร่างสูงจะไม่สะท้านเลย
“อุ้ยลืม ให้ลงโทษเลย” ทำปากจู๋ยื่นไปหาจนดาริกาต้องเอามือตีปากอีกฝ่ายพลางมองไปรอบบริเวณโถงกลางหน้าลิฟต์
“คนเยอะ ทำอะไรอายบ้าง” มองซ้ายขวาไม่พบสักคนเพราะเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้วส่วนคนที่อยู่ก็มีแค่เคลียร์งาน ซึ่งไม่ได้มายุ่งอยู่แล้ว
“ไม่เห็นคนเลย มีสัมผัสที่หกเหรอ นี่เธอมองเห็นผีเหรอ” เรื่องความเล่นใหญ่เกินเบอร์ต้องคุณคนนี้จริงๆ ดาริกากอดอกมองเขาอย่างเอือมระอา
“ช่วยรอแบบเงียบๆ สักสามสี่นาทีได้ไหม”
“ตามบัญชาเลยครับ” ระหว่างรอลิฟต์ร่างสูงก็ไม่พูดจริงดังว่า แต่มือหนาที่วาดมาโอบไหล่เอาไว้กลับเขี่ยแก้มนิ่มเล่นบางครั้งก็ม้วนผมเธอบ้าง หันไปทำตาดุใส่หลายรอบอีกฝ่ายก็ไม่สะท้าน สะบัดออกก็ไม่ขยับจนต้องปล่อยเลยตามเลย เมื่อลิฟต์มาสองหนุ่มสาวเข้าไปแล้วกดชั้นหนึ่ง ไม่มีคนเข้ามาทำให้ภายในนั้นมีแค่พวกเขาสองคน พสุธาอมยิ้มก่อนจับไหล่ภรรยาดันไปชิดผนังลิฟต์
“ทำอะไรของนายน่ะ” แหวเสียงลั่นมองตาคมอย่างไม่ชอบมาพากล
“อยากลองในลิฟต์บ้าง” บอกเจตนาแล้วก้มลงจูบคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว ดาริการีบปิดกั้นไม่ให้สอดลิ้นเข้ามาแต่เพียงไม่นานก็ต้องเปิดปากเพราะหายใจไม่ทันเป็นโอกาสดีที่ร่างสูงสอดลิ้นเข้าไปหยอกล้อ ก่อนผละออกมาแล้วก้มลงจูบอีกครั้ง ใบหน้าคมยิ้มอย่างมีความสุขจนกระทั่งได้ยินเสียงลิฟต์ดังเมื่อถึงชั้นที่ต้องการเธอจึงรีบผลักร่างสูงออกไปโดยเร็ว
ดาริกาเดินออกไปไม่รอคนข้างหลังที่ใช้นิ้วโป้งเช็ดมุมปากเพราะมีน้ำลายไหลออกมา ชิมความหวานแล้วก็มีความสุขเดินผิวปากตามเธอออกไป เขาไปเอารถให้ดาริการอหน้าบริษัท ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรนอกจากฟังเพลงที่เปิดตามคลื่นวิทยุเท่านั้น
“ต่อไปนี้นายห้ามทำอะไรแบบเมื่อกี้อีก” ทนไม่ไหวจนต้องหันมาสั่งเสียงเข้มแต่ใบหน้ากลับแดงก่ำไม่รู้เพราะโกรธหรือเขินกันแน่
“ทำอะไร ขึ้นไปหาเธอน่ะหรือ” แสร้งเฉไฉไม่รู้เรื่องจนคนพูดต้องเอามือมาบิดสีข้างด้วยหมั่นไส้เหลือทน
“โอ๊ยๆๆ เจ็บครับ พอก่อนๆ” ปล่อยมือออกเพราะสงสารเสียงร้องโอดครวญอีกฝ่ายรีบลูบตรงที่ถูกบิดเพื่อคลายความเจ็บลงบ้าง แต่ดูท่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่เพราะยังคงเจ็บเหมือนเดิม
“พูดเรื่อยเปื่อย ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย แต่พูดมาก็ดีแล้วถ้ามาถึงก็โทรหาสิเดี๋ยวฉันลงมาข้างล่างไม่ต้องขึ้นไปหาให้มันเอิกเกริก รู้ว่าตัวเองดัง คนชอบเยอะก็ไม่ต้องมาทำตัวอ่อยไปทั่วแบบนี้เลย แค่ไปงานแต่งเราฉันก็ฟังคนในออฟฟิศชื่นชมนายจนเอียนไปหมดแล้ว” นี่คือสาเหตุที่ไม่อยากให้สามีไปหา เพราะผู้หญิงกว่าครึ่งแผนกชื่นชอบพสุธา บางคนถึงกับขอให้เธอเอาสมุดไปให้สามีหนุ่มเซ็นด้วยซ้ำ
“บ่นยาวเลย” พึมพำเสียงเบาแต่คนหูดีดันได้ยิน
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ” หันไปหาคนขับรถกิตติมศักดิ์ด้วยแววตาเอาเรื่องจนสะดุ้งรีบแก้ตัวลิ้นพันกัน “เปล่าจ้ะ แค่บอกว่ารถยาวมากเลย กว่าจะถึงคงอีกนาน” พลางยื่นคอมองการจราจรที่ติดขัดในช่วงเลิกงาน ดาริกาเลิกสนใจร่างสูงมองออกไปข้างนอกทำให้เขาค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อกี้ไม่ได้กลัวเมียใช่ไหม เรียกว่าให้เกียรติซึ่งกันและกันดีกว่า ไม่ได้เข้าชมรมพ่อบ้านใจกล้าแน่นอน
รถติดกว่าสามชั่วโมง ดาริกาหลับจนถึงบ้านพอปลุกเธอเลยตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงียหันมามองสามีตาขวางอีกที่ขัดการนอนของตนเอง
“อย่ามองแบบนั้นสิจ๊ะ ถึงบ้านแล้วเลยปลุกจ้ะ ไม่ได้กวนเลยนะจ๊ะ” เพิ่งตื่นเลยไม่มีอารมณ์พูดกวนพสุธาตอบ ทั้งสองเดินเข้าบ้านไปหาคุณเนติธรที่ยืนรอต้อนรับบุตรสาวตนเอง
“เป็นอย่างไรบ้างลูก ดินดูแลดีไหม” ยังไม่ทันที่ดาริกาจะตอบชายหนุ่มผู้มาด้วยก็โพล่งขึ้นเสียก่อน
“ผมดูแลอย่างดีเลยครับคุณพ่อ ไปรับไปส่ง กินอาหารที่เมียทำจนหมด ไม่มีปากเสียงว่ายังไงว่าตามกัน ดีกว่านี้หาไม่ได้อีกแล้วครับ” มือหนากุมข้างหน้าแล้วโฆษณาตัวเองเต็มที่เอาใจพ่อตาที่เริ่มพอใจตนมากขึ้นทีละน้อยแล้ว หากไม่ไปเที่ยวผับของคุณเนติธรบ่อยท่านก็คงไม่เห็นข้อเสียเล็กน้อยเรื่องผู้หญิงหรอก
“จริงหรือเปล่าลูก” โอบไหล่ลูกสาวแล้วถามขึ้น
“ตามนั้นก็ได้ค่ะพ่อ” เหนื่อยจะมาเถียงเพราะหากจะว่าไปแล้วเขาก็เป็นอย่างที่ว่าจริงยกเว้นเสียแต่เรื่องตามใจทุกอย่างนี่แหละเพราะบางอย่างก็ค้านจนเธอคร้านจะเอ่ยให้มากความ
ทั้งสามรับประทานอาหารเย็นด้วยกันโดยมีดาริกาเข้าครัวระหว่างนั้นพสุธาก็ออกไปนั่งดื่มเบียร์กับพ่อตาพูดคุยเรื่องราวต่างๆ เข้ากันได้ดี กำแพงที่คุณเนติธรสร้างขึ้นมาพังทลายหมดเพราะความช่างพูดของพสุธา
“จริง แต่ก่อนพ่อก็แบบนี้เลย ตอนแม่ยายดาวอยู่นะไปไหนแทบไม่ได้กระดิกตัวทีจ้องตาเขียว” ระบายความเป็นพ่อบ้านแสนดีให้ฟัง
“แต่ก็ยอมใช่ไหมครับ” ท่านพยักหน้าดวงตาล่องลอยเพราะคิดไปถึงครั้งภรรยายังอยู่ข้างกาย เสียดายที่จากไปตั้งแต่ลูกชายได้หกขวบเพราะเป็นมะเร็งปากมดลูก ตรวจพบช้าเกินไปทำให้มันลุกลามไปมากแล้วท่านทำเพียงรอเวลาให้เธอจากไปอย่างสงบเท่านั้น ถือเป็นการสูญเสียที่หนักหน่วงมากแทบไม่เป็นอันทำอะไรวันๆ เอาแต่เมามายจนลูกสาวเดินมาเก็บขวดเบียร์จึงคิดได้กลับมายืนหยัดอีกครั้งและสัญญากับตนเองว่าจะไม่มีใครมาแทนที่เธอจนบัดนี้
“ก็รักมากนั่นแหละ” กับแกล้มมาเสิร์ฟบนโต๊ะพสุธาก็กินเพลิน “แล้วจะไปฮันนีมูนตอนไหน” คุณเนติธรเอ่ยถามขณะยกเบียร์ขึ้นจิบ
“อีกไม่นานหรอกครับ ถามดาวก่อนว่าว่างตอนไหน”
“คิดที่ไว้หรือยัง”
“คิดไว้แล้วครับ คงเป็นทะเล เห็นดาวชอบ” คนเป็นพ่อตาพยักหน้าภูมิใจที่ลูกเขยทำการบ้านมาดี บรรยากาศยามเย็นลมพัดสบาย สักพักก็มีสาวใช้มาเรียกไปยังห้องอาหารเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้บนโต๊ะหมดแล้ว
“โอ้โฮ น่ากินจังเลย” อาหารมากกว่าห้าอย่างวางเรียงบนโต๊ะอย่างสวยงาม พสุธาเดินมานั่งข้างซ้ายโดยมีภรรยานั่งเก้าอี้ฝั่งขวาคุณเนติธรนั่งหัวโต๊ะ
“ลงครัวเองทุกวันเลยหรือลูก” นั่งเรียบร้อยท่านจึงเอ่ยถามบุตรสาว
“ใช่ค่ะ ถ้าปล่อยให้ดินทำคงไม่ได้กินแน่เผลอๆ หนูว่าครัวจะไหม้ด้วยซ้ำ” ภรรยาเผาสามีทำเอาเขาหน้างอมองค้อนเธอเสียยกใหญ่
“เดี๋ยวต่อไปฉันจะไปเรียนทำอาหารมาให้เธอกิน” ตั้งเป้าหมายเอาไว้ด้วยแววตามุ่งมั่นก่อนจะโดนภรรยาเบรก
“แยกน้ำปลากับซอสให้ได้ก่อนเถอะ” คุณเนติธรหัวเราะลูกเขยก่อนลงมือรับประทานอาหาร บรรยากาศเป็นกันเองและดาริการับรู้ได้ว่าพ่อเริ่มเปิดใจให้พสุธามากขึ้น ใบหน้าหวานยิ้มอย่างมีความสุขแค่คนที่เธอรักสองคนเข้ากันได้ดี ก็พอใจแล้ว
“เราจะไปฮันนีมูนวันไหนดี” ถามขึ้นกลางโต๊ะกินข้าว ร่างบางที่กำลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยชะงักเมื่อได้ยินคำว่าฮันนีมูน เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปด้วยซ้ำ
“ไปทำไม” คำถามนั้นทำให้สองหนุ่มต่างวัยมองหน้ากันทันที ไม่คิดว่าจะเจอคำถามแบบนี้จากดาริกาผู้หญิงที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งพ่วงด้วยดีกรีปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเยลเก่งด้านทฤษฎีหากแต่ความรักกลับติดลบอย่างไม่น่าเชื่อ