บทที่สี่ ...สร้างอาณาจักร (๒)
เดินมาหยิบกุญแจรถแล้วใส่รองเท้าหนังยี่ห้อดังที่นานครั้งจะใส่เพราะชอบรองเท้าผ้าใบที่ทะมัดทะแมงและเข้ากับทุกชุดที่ใส่มากกว่า วันนี้พสุธาออกไปในมาดผู้บริหารหนุ่มหล่อทำเอาเพื่อนบ้านทักว่าดูดีขึ้นเป็นกอง ซึ่งชายหนุ่มก็ทำเพียงยิ้มรับเท่านั้นเพราะเขาดูดีทุกวันแม้จะอยู่ในลุคธรรมดาก็ตาม ความมั่นใจที่สร้างได้ด้วยตนเองมีมานานแล้วสำหรับผู้ชายคนนี้
ระหว่างขับรถก็ฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข ระยะทางจากคอนโดไปบริษัทไม่ไกลนักแต่ก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่าเพราะรถติด มาถึงก็เข้าจอดรถตรงชั้นวีไอพี พสุธามาบริษัทวิจิตร จำกัด (มหาชน) ไม่ค่อยบ่อยเพราะไม่มีกิจธุระอะไรจะมาแค่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งก็ปีละครั้ง ร่างสูงตรงไปยังห้องประธานบริษัทพอเลขาหน้าห้องเห็นก็ให้เข้าไปเนื่องจากคุณภมรสั่งไว้อยู่แล้ว
“สวัสดีครับคุณลุง”
คุณภมรที่กำลังนั่งอ่านเอกสารเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หลานชายก่อนจะผายมือเชิญอีกฝ่ายนั่งลง
“ลุงขอโทษที่ไม่ได้ไปงานแต่งนะ พอดีมีประชุมกะทันหันที่ฮ่องกง” พสุธายิ้มแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่เป็นไรครับ ถึงไม่มาแต่เงินมาแทนผมก็โอเคแล้ว” หลานชายผู้ร่าเริงหยอกกลับทำให้ท่านหัวเราะไปด้วย พสุธากับภราดรแม้จะเกิดไล่เลี่ยและอายุเท่ากันแต่นิสัยต่างกันสิ้นเชิง ลูกชายท่านค่อนข้างเจ้าระเบียบและขรึมผิดกับพสุธาที่ร่าเริง เป็นกันเองเข้ากับคนได้ง่ายกว่า
“ว่าแต่คุณลุงมีธุระอะไรกับผมหรือครับ” ชายร่างใหญ่ในวัยหกสิบกว่าที่ยังไม่เกษียณอายุการทำงานแม้ลูกชายของท่านที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดจะสามารถทำให้ผู้ถือหุ้นไว้ใจได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม
“ได้ข่าวเรากำลังหาที่สร้างเรือนหอ” รู้มาจากน้องชายที่มาถามไถ่เรื่องที่ของตระกูลซึ่งเขาถือโฉนดเอาไว้
“ครับ ว่าจะสร้างแต่กำลังหาที่อยู่” ตั้งใจจะแยกออกมาอยู่เป็นครอบครัวบ้านหลังใหญ่ก็ให้พิยดาไปเลยอยากสร้างบ้านด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้น ลุงให้นี่เป็นของขวัญแต่งงานอีกชิ้นแล้วกัน” ซองสีน้ำตาลขนาดบีสี่ยื่นมาตรงหน้าใจหนุ่มรุ่นลูกเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆลุ้นว่าจะเป็นดังที่คิดหรือเปล่า
“โฉนดที่ดินติดถนนใหญ่ใกล้สาทรอยู่แถวที่ทำงานเราพอดี” ท่านเฉลยทั้งที่เขายังไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ พอเปิดดูโฉนดที่ดินเนื้อที่กว่า220ตารางวาก็ตื้นตัน ที่ดินแถวนี้แพงจนไม่กล้าสู้ราคาซื้อเองจึงบากหน้าไปให้พ่อช่วยท่านก็บอกจะช่วยแต่ไม่คิดว่าจะได้มาฟรีอย่างนี้
“ส่วนเรื่องก่อสร้างออกแบบก็ให้บริษัทเราทำให้แล้วกัน คนกันเองคิดไม่แพงหรอก ตอนแรกลุงจะสร้างเรือนหอให้ด้วยแต่พ่อเราเลยขัดก่อนบอกว่าเราอยากใช้เงินตัวเอง” พสุธาพยักหน้าหากคุณลุงสร้างให้เขาก็คงไม่รับเพราะแค่ที่ดินก็มากเกินพอแล้ว
“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณลุง” สองหนุ่มต่างวัยคุยเรื่องต่างๆ ก่อนที่พสุธาจะขอตัวกลับเพราะไม่อยากรบกวนการทำงานของคุณลุง ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะไปหาบิดาของตนเองที่ห้องทำงานก่อน ทักทายเลขาหน้าห้องแล้วเข้าไปหาพ่อ
“พ่อครับ” คุณพสุเงยหน้าขึ้นมามองประตูเห็นลูกชายตัวน้อยที่ค่อยๆ โตขึ้นตามกาลเวลาแล้วยิ้มออกมา แต่ก่อนยังหลีสาวด้วยกันตอนนี้โตจนมีเมียแล้ว
“จะมาไม่เห็นบอกก่อน” ทั้งที่เพิ่งเจอลูกไปตอนงานแต่งเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เหมือนไม่เจอกันนาน ยิ่งช่วงที่พสุธาไปเรียนต่อที่อเมริกาทั้งท่านและคุณนิทราคิดถึงจนต้องบินไปหาลูกบ่อยๆ
“กะทันหันน่ะพ่อ ไอ้ดลมันโทรไปบอกว่าลุงอยากพบ” คนเป็นพ่อเดินไปโอบไหล่ลูกมานั่งที่โซฟารับแขก
“อยากพบเรื่องอะไรล่ะ”
“ก็พ่อไปคุยอะไรให้ผมไว้เล่า ลุงภมรให้โฉนดแถมยังให้คนของบริษัททำเรือนหอให้ผมอีกด้วย” ได้ทีก็อวดใหญ่ราวกับเด็กน้อย เขายื่นโฉนดที่ดินให้พ่อดู
“โอ้โฮ ให้เยอะเลยขนาดพ่อเป็นน้องยังไม่ได้ขนาดนี้ หลานรักนะเรา”
พสุธายิ้มภูมิใจ ด้วยความที่เข้ากับคนง่ายช่างประจบข้อนี้รู้ตัวดีทำให้เป็นที่เอ็นดูของลุงภมรกับป้าลินดา ทุกเทศกาลถ้าไปบ้านนั้นมักได้ของขวัญชิ้นใหญ่ที่ภราดรยังอดกระแซะไม่ได้ว่าเขาเหมือนลูกชายมากกว่าภราดรเสียอีก
“มันแน่นอนอยู่แล้วพ่อ”
“แล้วจะไปไหนต่อ วันนี้ไม่มีงานหรือ” เห็นลูกชายแต่งชุดเต็มยศยิ่งกว่าไปทำงานก็นึกเสียดายที่พสุธาไม่เรียนบริหารมาช่วยงานของทางบ้าน
“มีบ่ายครับ เสร็จจากไปหาพ่อก็ว่าจะแวะไปหาไอ้ดลมันก่อน” สองพ่อลูกพูดคุยกันแล้วลูกชายก็ไหว้ลาเดินออกไป
“กลับบ้านบ้างล่ะแม่คิดถึง ไม่ใช่ว่าติดเมียจนไม่เป็นอันไปไหนนะ” ร่างสูงหัวเราะพลางส่ายหน้า
“ไม่หรอกพ่อ เดี๋ยวเข้าไปหาแต่อีกไม่นานผมว่าจะไปฮันนีมูนนะ”
“ที่ไหน”
“ความลับครับผม” คุณพสุส่ายหน้าระอาใจแล้วตบไหล่ลูกชายก่อนไปส่งหน้าห้อง เขาเดินไปหน้าลิฟต์กดชั้น12เพื่อไปยังฝ่ายการตลาดที่มีหัวหน้าแผนกเป็นชายหนุ่มอายุเพียงแค่ยี่สิบหกปีแต่ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คนมากมาย ภายในแผนกกำลังวุ่นวายคนเดินผ่านไปมาเหมือนกำลังจะมีประชุม
“อ้าว มาได้ยังไง” ขณะที่กำลังจะเข้าไปทักทายภราดรในห้องทำงานอีกฝ่ายก็เปิดประตูออกมาเสียก่อนจนเกือบกระแทกหน้า
“เอาจริงหรือ กูขับรถมาจากคอนโดแล้วก็ไปจอดชั้นวีไอพี เสร็จแล้วก็เดินไปหาพ่อมึงไปหาพ่อกูสุดท้ายก็เดินมาหามึง” เล่าย่อแบบกระชับส่งยิ้มปิดท้าย แต่ในความรู้สึกของภราดรมันช่างกวนบาทาจนคันไม้คันมืออยากตั้นหน้าหล่อๆ ของญาติคนนี้เหลือเกิน
“ขอบใจที่แจกแจงขนาดนี้ เข้ามาในห้องก่อนมา”
“มึงไม่ไปธุระแล้วหรือ” ถามเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายรีบร้อนออกมาจากห้อง
“ไม่หรอก ช่างมัน” พสุธาพยักหน้าเดินตามเพื่อนเข้าไปในห้องทำงานที่มีเอกสารอยู่รายรอบ รู้สึกว่าตนเองตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกจะทำงานถ่ายภาพเพราะถึงแม้จะไม่เป็นเวลาหรือเลิกดึกดื่นแค่ไหนก็ดีกว่าต้องมานั่งในห้องสี่เหลี่ยมอ่านเอกสารวันละหลายฉบับแบบนี้ ขอลาขาด
“คุณเฟื่องเอาน้ำมาให้แขกผมด้วย” ยกหูโทรศัพท์สั่งเลขาหน้าห้องก่อนจะวางมาดผู้บริหารเป็นแบบนี้เองแม้จะเห็นบ่อยแต่ก็ไม่ชินเสียที
“ห้องมึงเล็ก เข้ามาแล้วหายใจไม่ออก” มองโดยรอบถือว่าเล็กหากเทียบกับระดับประธานหรือรองประธานบริษัท แต่หากเป็นหัวหน้าแผนกก็ถือว่าใหญ่พอสมควร
“เรื่องของมึงสิ หายใจไม่ออกก็ตายๆ ไปเลยส่วนแบ่งสมบัติจะได้น้อย” สองคนนี้มักใช้คำพูดรุนแรงใส่กันแต่ไม่มีใครเก็บไปคิดเพราะสนิทเกินกว่าจะคิดเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
“กูไม่ตาย กูจะอยู่แบบนี้รอกินปันผลไปเรื่อยๆ” ขายาวนั่งไขว่ห้างอย่างสบาย เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเลขาที่ถือน้ำกับขนมมาเสิร์ฟแขกของหัวหน้า
“มึงใส่ซองงานแต่งกูน้อย งานมึงกูใส่พันเดียวพอ” ด้วยยังไม่ลืมและไม่มีทางลืมง่ายๆ ด้วย
“กูใส่ไปตั้งห้าพัน มันน้อยตรงไหน”
“มึงเป็นถึงหัวหน้าแผนกอีกไม่นานก็เป็นประธานใหญ่มีเงินเดือนเป็นแสน ในบัญชีธนาคารมึงอีกกี่ล้านให้กูมาห้าพัน เดี๋ยวโบกด้วยปูนซีเมนต์เลยครับเพื่อน เรื่องนี้สำคัญนะครับคนมีครอบครัวมีเมียอีกไม่นานก็จะมีลูก คิดซะว่าเป็นทุนการศึกษาหลานสิ” ภราดรยกยิ้มพลางส่ายหน้าให้กับความคิดไปไกลของเพื่อน
“หลานกูมาเมื่อไหร่เอาไปเลยแสนหนึ่ง” ได้ยินอย่างนั้นพสุธาก็ตาโตทันที
“มึงพูดแล้วนะ คืนคำกูตามไปทวงเงินมึงถึงบ้านแน่” เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน แม้จะไม่เก่งวิชาคณิตแต่เรื่องทวงเงินและคำนวณพสุธาไม่เคยพลาดแม้แต่บาทเดียว
“กูไม่เห็นไอ้โปรดเลย น้องมึงหายไปไหนงานแต่งกูก็ไม่มา ฝากบอกมันด้วยว่ามันจะไม่ใช่น้องรักกูอีกแล้ว” คนโปรดหรือพัลลภ วิจิตรประภา น้องชายแท้ๆที่คลานตามกันมาของภราดรกำลังไปเป็นเด็กฝึกหัดที่ประเทศเกาหลีใต้ คาดว่าอีกไม่เกินสองปีคงได้แจ้งเกิดและโด่งดังไปทั่วแน่นอน
“ให้มันได้นอนก่อนเถอะ ซ้อมถึงตีสามตีสี่แม่กูบินไปหาทุกเดือนหว่านล้อมให้กลับมาไทยมันก็ดื้อ” พูดอย่างระอาใจ น้องชายไปแข่งตอนที่ค่ายดังมาออดิชั่นแล้วติดจึงต้องไปเป็นเด็กฝึกหัดตั้งแต่อายุเพียงสิบหกปี ตอนนี้ก็อายุ 18 ปีเข้าไปแล้วพึ่งได้กำหนดเปิดตัววงใหม่ของค่ายดังน่าจะเป็นสองปีข้างหน้า
“ความสุขมัน ถ้าน้องมึงดังก็ได้ผลบุญไปด้วย เผื่อมีเมียเป็นสาวเกาหลี ขาวสวยหมวยอึ๋มเลยนะมึง”
“แต่กูชอบแบบเมียมึงมากกว่า” จบคำพสุธาแทบจะเอาเท้าทาบหน้าลูกพี่ลูกน้องที่พูดออกมาหน้าตายว่าชอบเมียเขา
“อยากสลบแล้วตื่นขึ้นมาไปเฝ้ายมบาลไหม” ดูก็รู้ว่าหวงเมียมากแค่ไหน สองหนุ่มคุยกันไปเรื่อยโดยลืมเวลาไปเลย
“ช่วงนี้ดาราที่มึงคบเป็นไงบ้าง ได้ข่าวงอนเก่ง” ธรรมดาของหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยแถมมีอนาคตไกลอย่างภราดรที่มักจะมีสาวมาติดพัน แต่ช่วงนี้กำลังคบกับดาราสาวเจ้าเสน่ห์ช่องน้อยสีที่ดังเป็นพลุแตกจากละครย้อนยุค
“อือ พอสมควรคบไปก่อนถ้าไม่ไหวก็เลิก”
ใครว่าพสุธาเจ้าชู้ถ้ามารู้จักภราดรเขาแทบจะชิดซ้าย ชายคนนี้คือผู้ไม่มีรักแท้ในหัวใจถูกใจก็คบ พอไปต่อไม่ไหวก็เลิก ทำผู้หญิงอกหักมานักต่อนักแล้วก็ต้องรอดูว่าจะมีใครมามัดใจชายผู้รักอิสระอย่างเพื่อนสุดหล่อได้บ้าง
“ฮอตเหลือเกิน”
“ธรรมดา” คุยไปสักพักมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้วเลยขอตัวไปทำงานเพราะกลัวไม่ทันยิ่งขับรถยนต์มาด้วยหากรถติดอาจไปถึงช้า ปกติแล้วจะขี่มอเตอร์ไซค์แต่พอแต่งงานอะไรหลายอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนไปบ้าง สองหนุ่มลากันก่อนที่พสุธาจะเดินไปชั้นจอดรถขับออกไปทำงานของตนเอง