บทที่สี่ ...สร้างอาณาจักร (๑)
บทที่สี่
...สร้างอาณาจักร
ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ร่างสูงเดินเกาพุงออกไปที่ห้องครัวเห็นฝาชีครอบไว้เลยเปิดออกมาพบอาหารเช้าเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอกและแซนด์วิชอดยิ้มออกมาไม่ได้ ปกติตอนเช้าส่วนมากถ้าไม่เป็นกาแฟก็ปิ้งขนมปังเท่านั้นค่อยไปกินที่บริษัทเอา
“ฮัลโหลว่าไงเพื่อน” ชื่อที่โชว์หราขึ้นมาทำให้เขาทักทายเสียงใสอย่างเป็นกันเอง
“กูโทรมาขัดจังหวะมึงไหม”
กัดแซนด์วิชเข้าปากคำโตเคี้ยวไปทั้งยังตอบปลายสาย “ไม่กวน เมียกูไม่อยู่ไปทำงานแต่เช้าแล้วอีกสักพักคงกลับ” ตอบตามความเป็นจริงที่แสนจะเศร้า
“ชีวิตมึงน่าสงสารจริงๆ” สองพี่น้องคุยกันอีกสักพักก่อนที่คนโทรมาจะเข้าเรื่อง “พรุ่งนี้เข้าบริษัทมาหน่อยนะ พ่อกูมีเรื่องจะคุยกับมึง” ภราดรเข้าเรื่องที่ทำให้ต้องโทรมาหา มือหนาที่หยิบแฮมขึ้นมากินชะงักไปพลางคิดว่าต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน
“ไปทำไม เรื่องอะไร จะให้กูไปเรียนรู้งานหรือ กูไม่ทำไงกูชอบถ่ายรูปมึงบอกลุงภมรเลยว่ากูไม่ทำ ไม่เอาหุ้นก็ได้ ไม่ชอบ” ปฏิเสธรัวเร็วจนฟังแทบไม่ทัน พสุธาปฏิเสธที่จะทำงานบริษัทแต่เด็กแล้ว ชายหนุ่มไม่ชอบและบอกเสมอว่ามันไม่ใช่ทาง ตอนแรกว่าจะไม่เอาหุ้นแต่พ่อบังคับทำให้ได้เงินจากบริษัททุกเดือนแต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้กะว่าจะเก็บไว้ยามจำเป็นซึ่งก็จำเป็นจริงๆ เพราะได้ใช้ในช่วงแต่งงาน
“ไม่ใช่หรอก กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่นี้แหละ”
“อ้าวไอ้ดล ไอ้ดลเดี๋ยวก่อนกูยังไม่ได้ด่ามึงเรื่องซองงานแต่งกูเลย ไอ้ดล!” วางสายไปเสียอย่างนั้นสร้างความขัดใจให้ตากล้องสุดหล่ออย่างหนัก วางมือถือไว้บนโต๊ะแล้วก็กินข้าวเช้าอย่างมีความสุขเปิดเพลงฟังไปพลาง เหลือบเห็นจานข้าวของดาริกาก็จัดการให้เธอด้วย ยังไม่ทันกินหมดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
“ฮอตจริงวุ้ยไอ้ดิน” เช็ดมือกับกระดาษทิชชูก่อนรับสายของภรรยาคนสวย
“ว่าไงครับผม”
“กำลังจะกลับ ฝากซื้ออะไรไหม”
ไม่รู้ทำไมแค่คำถามพื้นๆ กลับสร้างพลังมหาศาลได้ พสุธายกยิ้มขึ้นแล้วกินไส้กรอก
“ไม่เอาหรอก แค่เธอรีบกลับมาก็พอแล้ว” ไม่ได้หยอดแต่พูดจริงดังว่า ดาริกาบ่นสักพักแล้ววางสายไปอย่างรวดเร็ว พสุธากินเสร็จก็ทำการเก็บจานไปล้างจัดการทำความสะอาดเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปทำความสะอาดเปลี่ยนชุดใหม่ให้ดูดีกว่าเดิมเล็กน้อย
“หล่อแล้ว” ส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยก็เดินไปห้องเล็กที่ดาริกายังไม่เคยเข้าไป จึงเข้าใจว่าเป็นห้องนอนซึ่งจริงๆ แล้วเป็นห้องทำงานของเขา ภายในห้องมีตู้กระจกที่วางกล้องราคาแพงเอาไว้หลายตัวรวมทั้งเลนส์ที่ราคาหากบอกไปดาริกามีหวังบ่นหูชาแน่นอน และห้องนั้นไม่ได้เล็กแต่อย่างใดกลับใหญ่โตมีห้องลับอีกห้องในนั้นคือห้องล้างภาพ บางวันก็ขลุกในห้องนั้นทั้งวัน
“ดิน” เสียงเรียกข้างนอกร่างสูงจึงวางกล้องลงแล้วเดินออกไปหา พบดาริกาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงบานยาวเลยเข่า กำลังเดินตามหาเขาอยู่ ร่างสูงค่อยๆ ย่องไปแล้วกอดเธอจากข้างหลังจนคนตัวบางสะดุ้งโหยง
“เล่นอะไรตกใจหมด” หันมาเอ็ดเสียงเขียวแต่ชายหนุ่มมีหรือจะกลัวกลับยิ้มหน้าเป็นใส่เสียอย่างนั้น
“ตื่นเช้ามาไม่ได้กอด ขอกอดตอนนี้ไม่ได้หรือไง” เอาคางไปเกยบนไหล่บาง ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าตัวเธอช่างพอเหมาะเวลาที่กอดเหลือเกิน มันสมดุลอย่างไม่น่าเชื่อ
“มันอึดอัด”
“ไม่เห็นอึดอัดเลย อบอุ่นจะตาย” ยังคงกอดไม่ยอมปล่อยทำให้ร่างบางเริ่มเขินด้วยไม่บ่อยครั้งที่พสุธาจะอ้อนเธอแบบนี้ มือบางจับมือหนาเอาไว้แล้วปลดออกหันมามองใบหน้าคม
“เล่นอยู่ได้ จะไปเปลี่ยนชุด” เอ็ดเสียงเขียวกำลังจะเดินเข้าห้องแต่นึกขึ้นได้
“ซื้อมาการองมาฝากวางอยู่หน้าทีวี” พูดจบก็เข้าห้องไปทันทีไม่รู้เพราะรีบไปเปลี่ยนชุดดังที่ว่าหรือเขินกันแน่ พสุธายิ้มแล้วเดินฮัมเพลงไปห้องนั่งเล่นเห็นมาการองร้านโปรดวางใส่จานจัดเอาไว้สวยงามก็รู้สึกอุ่นในอก การแต่งงานมีคนเคียงข้างกายมันเป็นเช่นนี้เองหรือ
ด้านดาริกาเข้ามาในห้องก็จับอกข้างซ้ายที่เต้นระรัว พยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เป็นอย่างนี้ต่อไปมีหวังเธอไม่รอดแน่นอน พสุธามีพลังทำลายล้างสูงมากแค่มองตาก็เหมือนจะตายได้แล้ว เธอต้องมีภูมิคุ้มกันเขาสิ ต้องไม่ตกหลุมที่อีกคนขุดขึ้นมา เธอต้องทำได้ดาริกา
วันหยุดของสามีภรรยาคือการที่ชายหนุ่มขลุกในห้องเล็กเพื่อทำงานจนถึงตอนเย็นส่วนเธอก็ต้องเคลียร์งานใหม่ต่างคนก็ต่างหน้าที่ของตนเองไม่ได้หยุดพักจนกระทั่งเธอทำงานเสร็จจึงเดินเข้าครัวจะทำอาหารเย็นให้ทาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เคาะประตูห้องทำงานขนาดเล็กที่เธอเพิ่งรู้เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดประตูออกมาเห็นกล้องหลายตัวพร้อมทั้งเลนส์ที่ไม่อยากจะคำนวณราคาเลยว่ามันจะเท่าไหร่ หากเธอเอาไปขายสักตัวสองตัวคงพอตั้งบริษัทเป็นของตนเองได้อย่างแน่นอน
“ดิน ได้ยินไหม” เคาะอีกครั้งก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับจากคนในห้อง ถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปทำอาหารโดยตัดสินใจไม่ถามความเห็นของเขาแล้ว เธอทำอะไรก็ต้องกินอันนั้นแหละไม่มีสิทธิเรียกร้องเพราะไม่อยากมาเปิดประตูเอง
ดาริกาเข้าครัวเตรียมของต่างๆ ตัดสินใจทำสปาเกตตีขี้เมาทะเลเพราะเห็นในตู้เต็มไปด้วยกุ้ง ปลาหมึก และหอยแมลงภู่ที่คาดว่าอานิทจะเอามาใส่ไว้ให้เมื่อวาน เธอเกรงใจที่ท่านดูแลเรื่องอาหารสงสัยคราวหน้าคงต้องบอกว่าจะดูแลเองเสียแล้ว
กลิ่นอาหารลอยเข้าไปภายในห้องทำเอาคนที่กำลังทำงานอย่างเพลิดเพลินถึงกับสมาธิกระเจิง มองดูนาฬิกาข้างฝาผนังพบว่าตอนนี้หนึ่งทุ่มครึ่งแล้วเสียงท้องก็ร้องประท้วงทันที พสุธาบิดขี้เกียจลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานตามกลิ่นไปพบดาริกาที่กำลังตักอาหารใส่จานและตกแต่งอย่างสวยงาม
“หอมจัง”
“ได้กลิ่นแล้วมาเลยนะ ทีฉันเคาะเรียกตั้งนานไม่เห็นตอบ” เงยหน้ามาเจอร่างสูงยืนยิ้มอยู่ก็เอ่ยประชดจนชายหนุ่มต้องทำหน้าออดอ้อน
“โธ่ ตอนทำงานมันเพลินเลยไม่ได้ยินครับผม ต่อไปคราวหน้าถ้าคุณภรรยาเรียกจะรีบเปิดประตูมาอย่างเร็วเลย” เห็นทำท่าอย่างนั้นก็เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาในความกะล่อน
“ถ้าไม่เปิดฉันจะเอาอาหารไปเทให้หมาแมวแถวนี้กิน”
“ใจร้าย ถึงกับเทให้หมากินเลยหรือ” พสุธานั่งเก้าอี้รออาหารเสิร์ฟ มองสปาเกตตีขี้เมาทะเลด้วยตาเป็นประกายเริ่มกินด้วยความหิว ระหว่างนั้นสองคนแทบไม่พูดกันเพราะมัวแต่ทานอาหารจนหมดพสุธาก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีโดยดาริกากลับไปทำงานต่อ เสร็จจากล้างจานร่างสูงก็เดินมานั่งข้างภรรยา
“อะไร” ผละจากหน้าจอโน้ตบุ๊กหันมาถามเขา
“ต้องการความรัก ความเอาใจใส่” น้ำเสียงที่มีแววกวนมากกว่าจะพูดจริงดังรู้สึกทำให้ดาริกาส่ายหัวด้วยความระอาใจ
“ไปไกลๆ เลยไป คนจะทำงาน แล้วงานนายเสร็จแล้วหรือ” พยักหน้าช้าๆ เอนศีรษะมาพิงไหล่บางเอาไว้ ดาริกานั่งทำงานอยู่บนพื้นตรงโต๊ะตัวเล็กหน้าโทรทัศน์เพราะมีพื้นที่ให้วางเอกสารเยอะ ทั้งยังเปิดหนังต่างประเทศดูไปด้วย
“เสร็จแล้ว ไม่เสร็จก็ช่างมันขี้เกียจ” ว่าจบก็เอนตัวลงนอนบนตักเธอเหมือนครั้งยังเรียนมัธยม เวลาที่ดาริกาไปติวหนังสือให้หลังจากติวเสร็จเขาก็มักจะนอนบนตักหญิงสาวประจำราวกับมันคือที่ของตนไปเสียแล้ว
“ไปนอนในห้องสิมานอนตรงนี้ทำไม” ควรชินกับการกระทำอีกฝ่ายแต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ชินกับมันเสียที
“ไม่เอา อยากนอนตักเมีย” คำพูดที่ผ่ากลางปล้องทำให้ดาริกาเงียบโดยพลัน เธอไม่พูดอะไรต่อแต่ก้มมองคนที่กำลังมองเธออยู่
“อยู่กับฉันอย่างนี้ไปนานๆ ได้ไหม” สองสายตาสบกันนิ่งก่อนที่มือหนาจะดึงเธอลงมาจูบโดยร่างบางก็โอนอ่อนผ่อนตาม ริมฝีปากทั้งสองประกบกันดูดดึงไปมาราวกับชิมความหวานจากอีกฝ่าย พสุธายืดตัวขึ้นโดยไม่ผละออกจากเธอ เขาอ่อนโยนก่อนจะเพิ่มเป็นความดุดันลิ้นหนาแทรกเข้าไปชิมความหวานก่อนจะเกี่ยวกระหวัดทั่วโพรงปากอย่างคนชำนาญจนดาริกาได้แต่ครางอืออาด้วยไม่ประสา
“พอ พอก่อน หายใจไม่ทัน” เอามือยันอกหนาไว้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยเธอ
“ต้องฝึกบ่อยๆ จะได้หายใจทัน” ย้ำกับเธอแล้วเข้าไปชิมความหวานอีกรอบ อีกรอบและอีกรอบจนดาริกาไม่มีสมาธิทำงาน เสียงจูบดังไปทั่วห้องแต่ดีที่คอนโดเก็บเสียงจึงมั่นใจว่าต่อให้เสียงดังแค่ไหนห้องข้างๆ ก็ไม่มีทางได้ยินอย่างแน่นอน
“อื้อ พอก่อนที่รัก” แม้อารมณ์กำลังได้ที่พร้อมปะทุแต่พสุธาก็ผละออกจากเธอ แม้แววตาหวานจะแสดงออกถึงอาการเสียดายก็ตาม
“รอก่อนนะ ต้องไม่ใช่ตอนนี้” คำบอกเล่าของเขาแม้สงสัยแต่ ดาริกาคิดได้ว่าพสุธาคงไม่อยากมีอะไรกับเธอ ครั้งนั้นมันก็เกินพอแล้ว หญิงสาวพยักหน้าติดกระดุมเสื้อที่ถูกปลดออกให้เข้าที่หันไปทำงานโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ความรู้สึกสับสนตีกันมั่วไปหมด
“ไม่งอนสิ”
“เปล่าสักหน่อย ปล่อยได้แล้วอึดอัด” เป็นข้ออ้างที่ดาริกามักใช้แต่ก็ไม่ได้ผลสักครั้ง พสุธาหัวเราะน้อยๆ ราวกับมันเป็นเรื่องขบขันแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องไป ลับหลังร่างสูงดาริกาก็แอบมองด้วยความผิดหวัง เขาไม่อยากมีสัมพันธ์เกินเลยกับเธออย่างนั้นใช่ไหม
“ทำงาน ทำงาน ทำงาน” กว่าจะรวบรวมสมาธิจากอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เธอนั่งทำงานจนดึกจึงปิดโน้ตบุ๊กเดินเข้าห้องพบพสุธาที่นอนหลับไปแล้ว อยากจะเอาหมอนปิดหน้าหล่อให้ขาดอากาศหายใจตายไปเลย แต่ก็ได้เพียงแค่คิด อยากรู้เหลือเกินว่าอีกคนรู้ไหมว่าทำให้คนอื่นคิดหนักแค่ไหน ไม่หรอก..
..พสุธาไม่เคยรู้อะไรเลย
ตื่นเช้ามาหญิงสาวก็รีบไปอาบน้ำเพราะตื่นสายกว่าปกติดีที่คอนโดของสามีหนุ่มใกล้ที่ทำงาน เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกไปทำแซนด์วิชไว้ให้คนที่ยังไม่ตื่น เข้ามาในห้องเพื่อบอกว่าจะไปทำงาน แต่พสุธาก็จะไปส่งพูดไปจนเกือบทะเลาะกันเธอเลยต้องยอม ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อยืดคอย้วยสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนคีบรองเท้าแตะเดินไปที่จอดรถ สภาพเขาแม้จะเพิ่งตื่นก็อดยอมรับไม่ได้ว่าหล่อจริงๆ
“บอกแล้วว่าไม่ต้องมาส่ง” ขึ้นรถมาก็ยังบ่นไม่เลิก
“ทำไม กลัวคนอื่นเห็นหรือไง” ดาริกาหันมามองร่างสูงอย่างไม่ชอบใจกับคำพูดที่เอ่ยประชด
“ฉันขับมาสะดวกกว่า”
“แล้วฉันมาส่งมันไม่สะดวกตรงไหน นั่งเฉยๆ มันไม่สบายกว่าขับมาเองหรือไง” ถามเสียงเข้มบ้างแม้รู้ว่าอาจนำไปสู่การทะเลาะแต่มันก็ห้ามไม่ได้จริงๆ ดาริกาเงียบไม่ยอมพูดที่ไม่อยากให้มาส่งเพราะไม่อยากให้ลำบาก ขับมาแล้วขับกลับทั้งที่วันนี้อีกฝ่ายเองไม่มีงานเช้าก็อยากให้นอนเต็มที่มากกว่า
“เดี๋ยวตอนเย็นมารับนะ” ถึงบริษัทก็บอกเป็นปกติ ดาริกาพยักหน้าลงจากรถไปทันทีปล่อยร่างสูงมองตามแล้วถอนหายใจออกมา ชีวิตแต่งงานดูท่าจะไม่ราบรื่นเสียแล้ว
“ว่าไง” เสียงโทรศัพท์แผดดังจนต้องยกขึ้นมารับเป็นสายจากญาติสนิทของตน
“อย่าลืมเข้าบริษัท” มันโทรมาย้ำอีกครั้ง ซึ่งก็ดีเพราะเขาลืมไปแล้วว่าต้องเข้าไปพบคุณลุงภมรที่แสนจะใจดี
“เออกูไม่ลืมหรอก ขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน” วางสายเสร็จก็ขับรถกลับคอนโดตนเอง ไม่ลืมซื้อน้ำเต้าหู้ใต้คอนโดไปกินด้วย เมื่อถึงห้องก็อาบน้ำแต่งตัวให้ดูดีสมกับเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนเสียหน่อย สูทที่นานทีจะใส่ก็ถูกจับออกจากราวมาอยู่บนตัวร่างสูงที่หุ่นราวกับนายแบบ มีแมวมองชวนเข้าวงการแต่ไม่ถนัดงานหน้ากล้อง ขออยู่หลังกล้องแบบนี้ดีกว่า
“หล่อแล้ว” จัดทรงผมเสร็จตรวจเช็กความเรียบร้อยก็ออกจากห้องไปนั่งกินอาหารเช้าที่ภรรยาเตรียมไว้ให้ มองนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าเป็นเวลาเก้าโมงครึ่งแล้วเลยรีบออกจากห้อง ดีที่คุณลุงภมรเรียกพบเพราะตนเองก็จะไปหาท่านอยู่แล้วมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย