บท
ตั้งค่า

บทที่หนึ่ง ...ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย (๒)

“ก็ฉันเรียนหนัก” ครั้งแรกที่ทั้งสองได้มองหน้ากันในระยะใกล้ ใบหน้าคมดูเข้มขึ้น ทั้งยังสูงและรูปร่างหนากว่าเมื่อก่อน แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือดวงตาที่ขโมยหัวใจเธอได้ทุกครั้งที่ได้สบกันแม้อีกคนจะไม่รู้ก็ตาม สี่ปีที่ผ่านมามันนานมากสำหรับดาริกา เธอต้องเรียนหนักเพราะไม่อยากคิดถึงค่ำคืนนั้นที่เขาทำการหยามเกียรติเธอ ทั้งยังพาผู้หญิงคนอื่นไปเริงรักกันต่ออีก

“หรอ” มันคือข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เธอรู้ว่าชายหนุ่มเองก็ไม่เชื่อทั้งสองมองหน้ากันนิ่งราวกับกำลังสื่อสารกันทางจิต ดวงตาที่โหยหาซึ่งกันและกันดาริกาลอบมองพสุธาในชุดเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีดำแถบขาวแขนยาวถูกพับขึ้นเหนือศอกเล็กน้อย กางเกงยีนส์สีเข้มและรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังสีดำ มองโดยรวมแล้วดูดีจนผู้หญิงต้องมองเหลียวหลัง

“ไอ้ดาว มาอยู่นี่เองพวกฉันหาตั้งนาน” ราวกับสวรรค์มาโปรดเมื่อกีรติเดินเข้ามาหาเพื่อนเรียกเสียงดัง แล้วมาร่วมวงสนทนาที่เธออยากหลีกหนีมากที่สุด

“อ้าวดิน คุยกันอยู่หรือ ฉันมากวนหรือเปล่า”

“ไม่/ใช่” สองเสียงตอบแตกต่างกัน ดาริกาหันมาหาพสุธาที่ตอบว่าใช่ ใบหน้าหล่อดูขัดใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยอมปล่อยแขนเธอออก

“ตกลงมันยังไง” กีรติมองเพื่อนสองคนสลับกันไปมาก่อนดาริกาจะคว้ามือเพื่อนให้เดินออกไปจากตรงนี้

“ไม่หรอก ไปกันเถอะ” สองสาวเดินจากไปโดยไม่ได้หันมามองคนข้างหลังว่าเป็นอย่างไร ดาริกาถอนหายใจออกมาราวกับโล่งอกหนักหนาเมื่อพ้นจากเขามาได้ รักเพื่อนสาวคนนี้เหลือเกินที่มาได้ถูกจังหวะพอดี

“ยายดาว” เพื่อนที่คุ้นเคยเดินเข้ามากอดเธอเอาไว้ ฐิตาหรือต้าสาวสวยจากคณะเดียวกัน สาขาเดียวกันทั้งยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน สนิทกันมากแต่ห่างหายไปเพราะต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง

“ไม่เจอนาน ผอมลงไหม” ผละออกจากกันมาได้เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบ ฐิตาแนะนำแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันได้ไม่นานเพื่อนแต่ละคนจึงเอ่ยแซว เวลาผ่านไปสักพักพิธีกรก็เชิญดาริกาออกไปพูดคุยหน้าเวทีแล้วให้เธอร้องเพลงแต่เจ้าของงานก็ปฏิเสธเพราะอายเกินกว่าจะร้องต่อหน้าคนเป็นร้อยแบบนี้ เสียงเธอไม่ดีหนักไปทางแย่ด้วยซ้ำจึงต้องให้น้องชายขึ้นมาช่วยร้องแทน นิปุณหรือฟองสมุทรรับหน้าที่อย่างเต็มใจเพราะมาช่วยพ่อที่ผับบ่อย ถือเป็นนักร้องประจำเลยก็ว่าได้ตอนนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สอง

“น้องฟอง” หญิงสาวด้านล่างต่างส่งเสียงเรียกและปรบมือให้นักร้องหนุ่มหล่อขณะที่กำลังตั้งสายกีตาร์ ดาริกาลงมาข้างล่างพลางรับน้ำมาจากกีรติเพื่อดื่ม เธอยิ้มให้ทุกคนขณะเดียวกันก็มองหาหนุ่มร่างสูงที่คุ้นเคยหากไม่พบ หรือจะกลับไปแล้ว...

อยู่ดีๆ ใจก็ห่อเหี่ยวแค่รู้ว่าพสุธากลับ

“น้องดาว” ดวงตากลมโตมองผู้ชายตรงหน้าที่ส่งยิ้มมาให้

“พี่รุต” เธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่มาใหม่แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน เขาเป็นพี่ชายที่น่ารักรู้จักกันเพราะอีกฝ่ายไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ทั้งยังอายุมากกว่าเธอสองปีแต่เพิ่งมีเวลาไปเรียนจึงได้ร่วมชั้นกัน

“พอดีพี่เลิกงานช้า ขอโทษนะ แล้วก็นี่ของขวัญครับ” ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญที่ถูกห่ออย่างประณีตมาให้เธอ

“อะไรคะเนี่ย” ถามกลับแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับนอกจากรอยยิ้ม ที่ถูกส่งมาให้เท่านั้น

“พี่ใช้เวลาเลือกนานเลยนะ ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่า”

“แค่มาก็ดีใจแล้วค่ะ” ก่อนที่หญิงสาวจะเชิญให้เขาไปนั่งกับเพื่อนของเธอ ไม่ลืมแนะนำให้ทุกคนรู้จักทำเอาสาวๆ แต่ละคนรีบแนะนำตัวกันแทบไม่ทัน เมื่อรู้ว่ามารุตเป็นถึงรองประธานผู้จัดการบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ขนาดใหญ่

เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ แต่ดาริกากลับรู้สึกง่วงนอนทุกขณะ เธอหาวบ่อยจนเพื่อนแซวว่าเป็นคุณหนูอนามัยต้องนอนสี่ทุ่มตื่นหกโมงจนต้องค้อนให้เพื่อนวงใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ทนความง่วงไม่ไหวขอตัวขึ้นไปพักบนห้องนอนชั้นสามโดยไม่ลืมไปบอกบิดาไว้ก่อนเพราะกลัวท่านตามหา เธอลาทุกคนแล้วขึ้นห้องที่พ่อทำไว้เพื่อพักผ่อนที่ผับแห่งนี้

“ทำไมง่วงแบบนี้” ได้แต่ถามตัวเองอย่างสงสัยตอนแรกว่าจะอาบน้ำแต่คงไม่ไหวเพราะง่วงเกินกว่าจะทำอะไรได้ ดาริกาเลือกที่จะนอนทันทีที่ถึงห้อง เพียงไม่นานเธอก็หลับไปลมหายใจสม่ำเสมอจนไม่รับรู้ว่าวันต่อมาจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับตนเอง

“ยายดาว!”

“ไอ้ดิน แกทำอะไรลูกฉัน”

เสียงที่ดังขึ้นทำให้ร่างบางที่นอนหลับใหลค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ภายในห้องเปิดไฟสว่างจ้าจนต้องเอามือยกขึ้นมาบังแสงเพราะยังปรับสายตาไม่ได้ เธอไม่ได้ปวดศีรษะอย่างคนเมาเหล้าแค่เพลียเพราะการนอนมากกว่า แต่เมื่อสติเริ่มมาดาริกาก็รู้ถึงสภาพของตนเองว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น!

“ใจเย็นครับคุณพ่อ”

“ใครพ่อแก!”

หลังจากตกใจกับสภาพของตนเองเธอก็ดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายเอาไว้หันไปข้างกายก็เห็นสองหนุ่มต่างวัยกำลังถกเถียงกันหน้าเคร่งเครียด และเมื่อมองไปยังชายหนุ่มก็ทำให้ตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเพราะเขาคือพสุธา!

“ดิน” หญิงสาวเรียกด้วยความอึ้งปนสงสัย เธอจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“พ่อให้เวลาไปจัดการตัวเอง ส่วนแกมากับฉัน” คำพูดเด็ดขาดพร้อมสายตาแข็งกร้าวส่งมาให้คนเป็นลูก ครั้งแรกที่พ่อใช้น้ำเสียงและสายตาแบบนี้กับเธอ มันเกิดอะไรขึ้น ดาริกามองตามผู้เป็นพ่อที่ลากคอเสื้อพสุธาออกจากห้องไป โดยที่หนุ่มร่างสูงยังหันมายิ้มให้เธออีกด้วย ประตูปิดลงเสียงดังพร้อมกับสติของหญิงสาวที่ค่อยๆ กลับมา เมื่อคืนเธอง่วงมากจึงเข้ามานอนในห้องนี้ หัวถึงหมอนก็หลับไปเลยแต่ทำไมตื่นเช้ามากลับเจอเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นแล้วทำไมเธอถึงอยู่ในสภาพตัวเปลือยเปล่า แบบนี้

ดาริกาค่อยๆ ลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ส่องกระจกเห็นสภาพตัวเองเต็มตาอีกครั้งก็ทำให้อ้าปากค้างทันที คอเธอเต็มไปด้วยรอยจูบสีกุหลาบ ทั้งยังลามไปทั่วบริเวณหน้าอกอย่างน่ากลัวว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า

“เกิดอะไรขึ้น” ขาอ่อนแรงจนยืนแทบไม่ไหว มีใครมาล่วงละเมิดตอนเธอหลับอย่างนั้นหรือ

หญิงสาวพยายามนึกทบทวนก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอขึ้นได้อย่างไร ใบหน้าหวานมีเครื่องสำอางแน่นจะล้างออกก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เอาโลชั่นแบบน้ำสำหรับเช็ดเครื่องสำอางมาด้วย จึงทำได้เพียงชโลมน้ำลงบนใบหน้าเพื่อให้สดชื่นเท่านั้น

ชำระร่างกายเสร็จก็ออกมาแต่งตัวโดยใส่ชุดเมื่อวานเพราะไม่มีชุดให้เธอเปลี่ยนได้เลย

“นี่มัน” ในขณะที่เดินไปที่เตียงก็เห็นสีแดงตรงที่นอนด้านขวาซึ่งเธอนอนเมื่อคืน “เฮ้ย” พอจะเดินไปกลับเหยียบเข้ากับถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว “ฮือ” เพียงเท่านี้ก็ได้คำตอบทุกอย่างแล้ว เธอเสียสาวแล้วอย่างนั้นหรือ สิ่งที่ทะนุถนอมมากว่ายี่สิบปี แล้วคนคนนั้นคือใคร หรือว่าจะเป็น “ดินเหรอ” พึมพำเสียงเบาอย่างสงสัย

“ไอ้พสุมึงดูลูกมึง!”

ได้ยินเสียงเอะอะข้างล่างเธอก็ลืมเรื่องที่คิดไปเสียสนิท เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยจึงเดินลงไปโดยไม่ลืมหาผ้ามาคลุมไหล่เอาไว้เพราะรอยเต็มไปหมดจนนึกอายหากปล่อยให้มันโล่งโจ้ง

“มึงใจเย็นก่อน” พสุพูดกับเนติธร

การก้าวลงบันไดแต่ละขั้น เธอรู้สึกว่ามันยากเย็นเหลือเกินด้วยไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังกลัวบิดาที่อารมณ์ของท่านที่อยู่ในขีดสูงสุดจึงไม่รู้จะรับมืออย่างไร ทั้งพสุธาที่นั่งหันหลังอยู่และครอบครัวของเขาอย่างคุณอาพสุและอานิทราที่มาด้วย

“ดาวมานี่!” บิดาเรียกเสียงเข้มอย่างไม่เคยเป็น ทำเอาร่างบางรีบเดินมานั่งข้างท่าน เพราะตอนเช้าร้านไม่เปิดทำให้การคุยค่อนข้างเป็นส่วนตัวแม้จะอยู่ชั้นสองที่เป็นชั้นสำหรับแขกวีไอพี เพราะมีโต๊ะค่อนข้างเป็นส่วนตัว

“ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไง” คนมาใหม่อย่างคุณพสุเอ่ยถามเพื่อน หากแต่สายตากลับมองไปที่ลูกชายซึ่งนั่งก้มหน้าราวกับสำนึกผิดหากแต่แววตากลับมีประกายระยับอย่างยากจะคาดเดาว่าพสุธากำลังคิดอะไรอยู่

“ถามลูกมึงดูสิ” สายตาสี่คู่หันมามองพสุธาเป็นตาเดียว ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังพ่อตาหมาดๆ

“ผมยอมรับผิดครับ เพราะผมที่ไม่ห้ามใจจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” คำพูดกำกวมที่ตอบสร้างความขัดใจให้ดาริกาที่อยากรู้เรื่องทั้งหมดเหมือนกัน

“เล่าให้พ่อฟังทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“เมื่อคืนผมเมา เลยขึ้นไปบนห้องชั้นสามเพราะไม่คิดว่ามีใครอยู่ แล้วพอนอนลงก็มีคนมากอดอารมณ์มันก็มาผมเลยเผลอมีอะไรนิดหน่อย” หลังจากได้ฟังคำอธิบายอารมณ์ของดาริกาก็ไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง เธอเป็นคนนอนดิ้นและติดหมอนข้างมากไม่คิดเลยว่าเพราะนิสัยส่วนตัวแบบนี้จะทำให้เกิดเรื่อง และก็เจ็บเหลือเกินที่ได้รู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถนอนกับเขาได้ขอแค่เป็นผู้หญิง ร่างสูงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นใคร

“แล้วใครใช้ให้ขึ้นไปนอนข้างบน บ้านมีก็กลับไปสิ” คุณเนติธรเริ่มหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวสุดที่รัก

“ผมเมา เพื่อนก็เมา เขารณรงค์เมาไม่ครับนะครับคุณพ่อ”

“บอกแล้วไงฉันไม่ใช่พ่อแก” สองหนุ่มต่างวัยถกเถียงกันอีกครั้ง

“พ่อของเมียก็คือพ่อตา ก็ต้องเรียกพ่อถูกแล้วนะครับ” ระบุสถานะชัดเจนจนทำให้ดาริกาหน้าแดงเพราะอายกับจำกัดความสัมพันธ์ของเขา จากเพื่อนได้เลื่อนเป็นเมียอย่างรวดเร็วเพียงข้ามคืน

“ไอ้ดิน” ตอนนี้คุณเนติธรหน้าแดงด้วยความโกรธแทบจะลุกขึ้นมาวางมวยกับว่าที่ลูกเขย แต่พสุก็รีบห้ามเพื่อนเอาไว้

“ดินพอได้แล้ว” หันไปดุลูกชายที่ทำทีสลดลงแต่ก็ไม่ได้สำนึกเลย คุณนิทราถอนหายใจด้วยความกลุ้ม หันไปมองดาริกาที่เธอเอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่งก็อดสงสารไม่ได้ พ่อลูกชายตัวดีไม่มีคำว่ารักบอกให้อีกคนรู้สักนิด

“เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก” พสุนั่งข้างเพื่อนเพราะกลัวลูกชายจะได้รับอันตราย ดูจากสายตาของเนติธรที่มองแล้วคาดว่าพสุธาน่าจะตกที่นั่งลำบาก

“ผมจะแต่งงานกับดาวครับ” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาเสียงดังทำเอาคนที่เหลือมองเป็นตาเดียว แววตาที่เด็ดเดี่ยวมองไปยังดาริกาก่อนเอ่ยออกมา “ผมจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น” เพียงเขาเอ่ยเท่านั้นดาริกาก็ตอบขึ้นทันที

“ไม่ค่ะ หนูไม่แต่ง” ด้วยอารมณ์น้อยใจเธอหันไปมองพ่อทันทีพร้อมคำปฏิเสธที่ชัดเจน

“ไม่ได้ ต้องแต่ง เมื่อคืนฉันไม่ได้ป้องกันตั้งหลายรอบแถมยังแตกในด้วย เผื่อท้องขึ้นมาจะทำยังไง” คำพูดตรงๆ ของลูกชายทำเอาคุณนิทราลมแทบจับได้แต่หยิบยาหอมขึ้นมาดม

“ไอ้ดิน!” คนเป็นพ่อปรามลูกชายด้วยสายตาพลางจับแขนเพื่อนสนิทไว้เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะลุกขึ้นไปตีพสุธาได้ทุกเมื่อ

“ผมพูดจริงนิพ่อ ยังไงก็ต้องแต่งว่าไงครับพ่อเนตัดสินเลยครับ”

“ไม่ ฉันไม่แต่ง พ่อคะดาวไม่แต่ง” ลูกสาวหันไปอ้อนพ่อมองอย่างเว้าวอน

“ต้องแต่ง แต่งครับ จัดงานวันไหนดี ไปดูฤกษ์วันนี้เลยไหม” พสุธาก็ไม่น้อยหน้ารีบถามอย่างเร่งรัด

“ไอ้ดิน!” ดาริกาหันมาแหวใส่เขาเสียงเขียว

“เงียบทั้งสองคน!” ในที่สุดคุณเนติธรก็เอ่ยขึ้น ท่านมองหนุ่มสาวสองคนอย่างตัดสินใจนิ่งไปนานแล้วถอนหายใจออกมาอย่างคนสิ้นหวัง ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาขนาดนี้แล้ว หากดูไปพสุธาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรถ้าอยู่ๆ กันอาจจะเลิกนิสัยเรื่องผู้หญิงได้บ้าง เรื่องมาถึงขนาดนี้คงทำได้อย่างเดียว

“งานแต่งต้องจัดขึ้นเร็วที่สุด” คำประกาศิตของคุณเนติธรเหมือนสายฟ้าสาดมากลางใจลูกสาวอย่างดาริกา

“คุณพ่อ!”

“ได้ครับ ผมจะจัดให้เร็วที่สุดคุณพ่อไม่ต้องห่วงเลย” พสุธารีบคลานเข่าเข้าไปกราบเนติธรด้วยรู้สึกผิด “ผมขอขมาที่ล่วงเกินดาว ผมสัญญาว่าจะดูแลดาวอย่างดีที่สุด” สองสายตาของหนุ่มต่างวัยสบกันอย่างหยั่งเชิงก่อนที่คุณเนติธรจะตบไหล่ว่าที่ลูกเขย

“ถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูด..ตาย” แค่เห็นสายตาท่าน ชายหนุ่มก็เสียววาบทันทีแต่เชื่อมั่นในตนเองว่าจะดูแลดาริกาได้ ร่างสูงลุกไปนั่งข้างหญิงสาวแต่เธอทำท่าจะขยับหนีจึงคว้าเอวบางเอาไว้

“ทำแน่นอนครับ ผมกลัวตาย” หญิงสาวมองพสุธาอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไปหมดจนเธอตั้งรับไม่ทัน แม้จะมีความน้อยใจ เสียใจที่อีกฝ่ายทำราวกับเธอเป็นผู้หญิงง่ายๆ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าลึกๆ ก็ดีใจที่จะได้แต่งงานกัน

“แต่ดาว”

“ปล่อยให้เป็นเรื่องผู้ใหญ่คุยกัน” พสุธาหันมาบอกว่าที่เจ้าสาวของเขาแล้วยิ้มในหน้า ทำเอาเธอแสนหมั่นไส้จนต้องหยิกเอวเขาเพื่อให้อารมณ์โกรธคลายคงบ้าง

“โอ๊ย” ได้ผลพสุธาปล่อยเอวบางแล้วกระเถิบออกไปทันทีมองร่างบางอย่างคาดโทษ หากก็ได้รับการตอบกลับด้วยแววตาแข็งกร้าวไม่ต่างกันเขาจึงยิ้มเจื่อนนั่งมองบุพการีตกลงเรื่องต่างๆ

“ตาดินพาหนูดาวกลับไปพักผ่อนก่อนไป เดี๋ยวเรื่องต่างๆ ผู้ใหญ่จะจัดการเอง” คุณนิทราหันมาบอกลูกชายซึ่งก็ยิ้มร่าทันที

“ไปเถอะหนูดาว” เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะค้านคุณนิทราจึงบอกเสียงอ่อนโยนทำให้สาวรุ่นลูกยอมเดินไปกับพสุธาที่ยืนยิ้มรออยู่แล้ว

“เดินไปสิ” อดลงที่พสุธาไม่ได้กับหน้าตาที่แสนจะน่าหมั่นไส้ทำราวกับโลกทั้งใบอยู่ในกำมือของเขาแล้วซึ่งเธอไม่ชอบเหลือเกิน

“ครับ คุณผู้หญิง”

สองหนุ่มสาวเดินเคียงกันไปเหมาะสมเกินจะบรรยาย คุณนิทราอมยิ้มดีใจราวกับได้ย้อนอดีตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ลูกชายของเธอดูจะมีความสุขกับการได้แต่งงานทั้งที่เธอก็ไม่อาจทราบได้ว่าลูกรู้สึกอย่างไรกับดาริกาทำเพียงภาวนาให้ทั้งสองใจตรงกันและไม่มีเรื่องราวยุ่งเหยิงเกิดขึ้นเหมือนรุ่นเธอด้วยเถอะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel