บทที่หนึ่ง ...ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย (๑)
บทที่หนึ่ง
...ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย
ตั้งแต่ เป็นสาวเต็มกาย หาผู้ชายถูกใจไม่มี
เมื่อคืน ฝันดีน่าตบ ฝันฝันว่าพบผู้ชายยอดดี
พาไปเที่ยวดูหนัง พาไปนั่งจู๋จี๋แล้วพาไปเที่ยว ชมสวน
เด็ดดอกลำดวนส่งให้ด้วยสิเสียบหูให้ตั้งหลายหน
น่ะเสียบหล่น อ่ะเสียบหล่น ตั้งห้าหกที
ต๊กใจ ตื่นตอน ตีสี่แหมเสีย ดายจัง เฮ่อ เสียดายจัง
เพลงผู้ชายในฝัน : คำร้อง/ทำนอง วิเชียร คำเจริญ
เสียงเพลงของนักร้องลูกทุ่งสาวผู้ล่วงลับไปแล้วดังขึ้นทั่วผับชื่อดังที่ถูกปิดชั่วคราว เนื่องจากต้องการฉลองให้กับลูกสาวของตนเองที่เรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งกลับมาเมืองไทยได้เพียงไม่นานก็ได้ตำแหน่งรองผู้จัดการแผนกโฆษณาของบริษัทจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ผู้คนที่เข้ามาในงานต่างก็เป็นเพื่อนที่รู้จักคุ้นเคยของลูกหรือเพื่อนของผู้เป็นบิดาที่ท่านชวนมาเพื่อสังสรรค์
“เจ้าของงานมาแล้ว” พิธีกรประกาศใส่ไมค์ทำให้ทุกสายตาจ้องไปที่ประตูทางเข้าก่อนจะพบร่างบางในชุดราตรียาวสีครามมีคริสตัลประดับรอบกระโปรงต้องแสงไฟทำให้ส่องประกายระยิบระยับ ใบหน้าหวานประดับรอยยิ้มระหว่างเดินเข้ามาภายในงานของตนเอง
“สวยขึ้นมากเลยดาว” ชนินาถเพื่อนสมัยเรียนมัธยมด้วยกันเอ่ยชม อาจเพราะไม่ได้เจอกันนานทำให้เพื่อนเธอดูแปลกตาไปจากตอนเรียน
“เวลาเปลี่ยนเราก็ต้องเปลี่ยนตัวเองสิ” เจ้าของงานตอบรับเสียงใสแม้จะมีเสียงดังจากเพลงรบกวนเธอก็พยายามที่จะเข้ามาคุยกับเพื่อนทุกคนที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปีเพราะพวกเขาอุตส่าห์สละเวลามาหาจะให้เมินเฉยได้อย่างไร
“แต่เธอเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะ สวยวันสวยคืนฉันละอิจฉาจริง” กีรติหรือหญิงกีที่เพื่อนๆ พากันเรียกเอ่ยขึ้นบ้าง แม้จะอยู่ในรูปร่างท้วมเพราะกำลังท้องลูกคนที่สองก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดลงเลย
“ใครจะเหมือนเธอล่ะ ที่นอกจากจะสวยวันสวยคืนยังมีลูกโผล่มาอีกหนึ่ง ได้ข่าวว่าลูกคนแรกยังไม่เข้าประถมด้วยซ้ำ” ดาริกาธรนกุลเอ่ยแซวเพื่อนสนิทบ้าง เธอกับกีรติสนิทกันมากกว่าใครเพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม มัธยมจนกระทั่งมหาวิทยาลัยก็เลือกคณะเดียวกัน สาขาวิชาเดียวกันอีก เสียดายที่วันแต่งงานเพื่อนเธอไม่ได้มาเพราะติดเรียนปริญญาโท
“แซวฉันนะยายดาว” กลุ่มเพื่อนสาวหัวเราะด้วยความสุขก่อนที่สามีของกีรติจะเข้ามาโอบเอวเธอด้วยความรัก ใบหน้าหล่อแย้มยิ้มให้เจ้าของงาน
“ไงไอ้ดาว กลับมาคราวนี้มีแฟนรึยัง” คำถามที่บ่งบอกนิสัยของผู้พูดทำให้ดาริกาต้องค้อนใส่เขา ไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพื่อนสนิทไปหลงอะไรของหมอนี่ถึงได้แต่งงานอย่างรวดเร็วขนาดนั้น หลังรับปริญญาได้สามเดือนเพื่อนก็สละโสดแถมสามียังเป็นเพื่อนในห้องเดียวกันอีก ปกติเธอมักจะเห็นสองคนนี้ทะเลาะกันทุกครั้ง จึงได้แต่นึกสงสัยว่าไปสปาร์กกันได้อย่างไร
“ฉันมีหรือไม่มีแล้วมันหนักส่วนไหนบนหัวแกเหรอ” ดาริกาตอบกลับไปอย่างรวดเร็วทำเอาคุณพ่อลูกสองหัวเราะร่า
“ก็ไม่หนักหัวฉันหรอก แต่มันอาจจะไปหนักหัวใครบางคน” พิชิตพูดแบบมีเลศนัยก่อนที่สายตาจะมองไปที่ด้านหลังเธอแล้วยิ้มออกมา
“นั่น เพื่อนสนิทคนสำคัญของแกมาพอดีเลย” ได้ยินแค่นั้นก็ตรึงร่างของเธอเอาไว้ได้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแทบไม่อยากหันไปมองว่าคนที่พูดถึงคือใครได้แต่ลุ้นและภาวนาว่าให้ไม่ใช่เขา เธอหนีหน้าอีกฝ่ายมาได้สี่ปีแล้วและยังไม่พร้อมจะเจอตอนนี้ หวังว่าคงไม่ใช่
“ไอ้ดิน ทางนี้เพื่อน” นั่นปะไร พิชิตเรียกเพื่อนสนิทเข้ามาในวงสนทนาที่มีแต่สาวๆ ในขณะที่เขาก้าวเดินมาเธอก็เหงื่อแตกราวกับร้อนนักหนา ทั้งที่เครื่องปรับอากาศเปิดเย็นฉ่ำ มือบางกำเข้าหากันแน่นพยายามคิดหาทางเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับบุคคลที่เธอหนีมาตลอดหลายปี
“ฉันคงต้องไปหาพ่อก่อน ขอตัวนะ” รีบพูดโดยเร็วแล้วเดินหนีไปทันทีโดยไม่ได้อยู่รอพบหน้าอีกคนให้หัวใจเจ็บปวด
“เดี๋ยวสิยายดาว” เสียงใครตะโกนไล่หลังมาเธอไม่อาจจะรับรู้ได้เพราะตอนนี้ต้องการหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ดาริกาเดินไปยังโซนที่นั่งของแขกบิดาที่อยู่บนชั้นสอง เข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “ยายดาวมาสวัสดีลุงๆ เร็ว” คนเป็นพ่อเอ่ยเรียกบุตรสาวสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่เธอจะมาท่านก็ได้เอ่ยชมบุตรสาวคนโตถึงการเรียนว่าดีเยี่ยมมาแต่เด็ก เรียกได้ว่าเป็นงานอวดลูกสาวให้เหล่าเพื่อนๆได้ชื่นชมอย่างแท้จริง
“อาก็พอมั้งไอ้เน กูยังไม่อยากแก่ขนาดนั้น” คุณปวิชเอ่ยขัดเพื่อน รูปร่างที่เคยฟิตตอนหนุ่มพอแก่ตัวมาก็เริ่มปล่อยตัวจนลงพุง
“อ้าวเหรอ ตามใจเลยเพื่อน” แก๊งคุณพ่อคุยกันอย่างสนุกสนานเธอก็นั่งยิ้มฟัง ในขณะที่สายตาก็มองไปยังกลุ่มเพื่อนด้านล่าง แม้ในผับจะมืดแต่ก็ยังมีไฟเปิดให้พอมองเห็น และตอนนั้นเองที่ทำให้เธอสบตากับชายหนุ่มที่ไม่เคยลืมเพราะติดอยู่ในใจมาตลอดสิบแปดปี แววตาที่สบเพียงครั้งเดียวก็สามารถสั่นคลอนหัวใจเธอได้
“แล้วไอ้พสุมันไม่มาเหรอ”
“มันส่งลูกมาแทน มันบอกติดงาน อายุห้าสิบกว่าแล้วใครเขาทำงานกัน” ชื่อคุณอาที่เธอคุ้นเคยมากที่สุดถูกเอ่ยถึงทำให้ความสนใจของหญิงสาวถูกเปลี่ยนทันที
“อ้อดินน่ะเหรอ เห็นมันบอกทำงานเป็นช่างภาพไม่อยากทำบริษัท มันบ่นให้กูฟังบ่อยๆ” ดาริกาอมยิ้มเพราะเธอรู้ว่าเพื่อนชายดื้อแค่ไหน ไม่มีใครสามารถบังคับพสุธาได้ หากเขายืนกรานที่จะทำอะไรก็ตาม อาชีพในอนาคตก็เช่นกัน ชายหนุ่มเลือกจะเรียนนิเทศแทนบริหาร ต้องการทำงานเป็นช่างภาพมากกว่านั่งบริหารงานในบริษัท
“ลูกมันมาผับกูบ่อย แต่ละครั้งสาวนั่งข้างไม่ซ้ำหน้า” พ่อของเธอพูดกับเพื่อนพลางยกแก้วขึ้นดื่ม หัวใจดวงน้อยดิ่งลง พสุธามีเสน่ห์ต่อคนรอบข้างเสมอ มักจะดึงดูดเพศตรงข้ามเข้าหาและอีกฝ่ายก็ไม่ปฏิเสธที่จะสานสัมพันธ์ต่อ
“เจ้าชู้เหมือนพ่อ แต่ถ้ามีเมียคงกลัวเมียเหมือนพ่อด้วย” เสียงหัวเราะดังขึ้นกลางวงสนทนาเพราะรู้ว่าคุณพสุรักและเกรงใจภรรยาขนาดไหน
“บางทีมึงอาจจะได้ลูกไอ้พสุเป็นลูกเขยก็ได้นะวิช” คุณเนติธรเอ่ยแซวเพื่อน
“กูกลัวลูกกูเสียใจน่ะสิ เด็กมันร้าย ดูสายตาแพรวพราว” ร่างบางก้มลงมองพื้นนึกถึงสายตาเมื่อครู่ที่เธอสบด้วยไม่กี่วิก็พานใจสั่น เขาคือเสือร้ายที่เหยื่อต้องตายเพียงเพราะสบตา
“มึงอาจจะได้เป็นลูกเขยนะไอ้เน ได้ข่าวหนูดาวก็สนิทกับดินด้วยใช่ไหม” คำถามพุ่งมาที่เธอทำเอาหญิงสาวตกใจส่ายหัวแทบไม่ทัน
“ไม่ ไม่หรอกค่ะ เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว คงไม่หวังสูงเป็นมากกว่านั้นให้ตนเองเจ็บใจเล่นเพราะอีกคนฝากใจทั้งดวงไว้กับคนอื่น
“ใช่ มึงอย่ามายุลูกกู” คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงเข้มแล้วโอบบ่าลูกสาวอย่างหวงแหน ท่านมีลูกสาวคนเดียวก็อยากจะเลือกคู่ครองที่ดีให้กับลูก ภาพรวมผู้ชายคนนั้นต้องดีและไม่มีให้ติ ลูกควรได้แต่งงานเมื่ออายุสามสิบให้ประสบความสำเร็จในเรื่องงานก่อนความรักค่อยว่าอีกที
“ดาวขอตัวไปหาเพื่อนนะคะ” เห็นผู้ใหญ่พูดกันโดยที่ตนเองนั่งเฉยจึงขออนุญาตไปหาเพื่อน คนเป็นพ่อพยักหน้าแล้วหันมาสนใจการสังสรรค์ตรงหน้า
ร่างบางเดินลงไปข้างล่างพยายามเลี่ยงไม่อยากเจอพสุธา เธอจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าล้างตาให้กำลังใจตนเอง แม้ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์แต่เธอเหมือนรู้สึกเมาเพียงแค่สบตาอีกฝ่ายครั้งเดียว หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะเจอเลย
“เฮ้อ ทำไงดี” ไม่เคยสักครั้งที่หญิงสาวจะรู้สึกเสียศูนย์ขนาดนี้ เธอกลัวการได้เผชิญหน้ากับเขา กลัวจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนทั้งที่มันไม่ควรเป็นแบบนี้ ถ้าหากวันนั้นเราไม่จูบกันเรื่องมันคงไม่เลยเถิดจนเข้าหน้ากันไม่ติด ไม่น่าเลยจริงๆ
“แกต้องสู้สิดาว สู้” ให้กำลังใจตัวเองหน้ากระจกสูดลมหายใจลึกๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่แล้วก็ต้องรีบกลับเข้ามาใหม่เพราะพสุธากำลังเดินมาทางนี้เช่นเดียวกัน เธอวิ่งเข้าไปหลบในห้องก่อนหายใจเข้าออกรวดเร็ว เธอไม่กล้าสู้หน้าเขาไม่สมกับที่เป็นดาวเหนือหญิงแกร่งเลย ทำตัวอ่อนแอจนแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกรับไม่ได้
“เอาใหม่ดาว ตั้งสติ ไอ้ดินแค่เพื่อน เพื่อนไง เพื่อนจูบกันไม่แปลกหรอก ไม่แปลก มันก็แค่เมาหลังจากนั้นมันก็ไปหาคนอื่นแล้ว มันอาจจะลืมไปแล้วก็ได้” เตือนตัวเองอีกครั้งหายใจเข้าออกหลายรอบแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย มองแววตาของตนเองในกระจกก็เห็นความเศร้าที่แฝงอยู่ “พอๆ” มือบางตบลงบนอ่างล้างหน้าให้ตนเองเลิกคิดถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น เธอยืดตัวตรงเดินออกจากห้องน้ำทันที
“โอ๊ย” สองเสียงร้องพร้อมกันก่อนที่อีกฝ่ายจะรับร่างเธอเอาไว้เพราะกลัวล้ม “เป็นอะไรไหม” น้ำเสียงที่คุ้นเคยสัมผัสที่ไม่ลืมทำให้เธอรีบผละออกจากร่างสูงอย่างรวดเร็ว
“ไม่ ฉันโอเค สบายดี” สมองของเธอประมวลผลไม่ทัน รีบตอบออกไปอย่างรวดเร็วเพราะต้องการหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อน
“ไม่คิดจะหันมาคุยกันเลยเหรอ แกหนีฉันไปตั้งสี่ปี” น้ำเสียงที่ถามมีความอ้อนวอนอย่างไม่คิดว่าจะได้ยินจากนายพสุธาเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ประถม
“แกไม่ติดต่อฉัน เปลี่ยนเบอร์ ไม่ตอบอีเมลไลน์ก็บล็อกบอกฉันหน่อยสิดาวว่าทำไม” ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปสบดวงตาคมคู่นั้น เธอหลับตาลงก่อนจะลืมขึ้น สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ยกยิ้มแล้วหันไปหาพสุธา