บทที่สอง …กะทันหันไปหมด (๒)
“เดี๋ยวฉันล้างเอง” ร่างสูงเสนอ
“ไม่เป็นไร”
“แกทำแล้ว หน้าที่ล้างก็เป็นของฉันสิ ช่วยกัน” รอยยิ้มของเพื่อนสนิทที่เปลี่ยนสถานะเป็นว่าที่สามีทำให้ดาริกาพยักหน้าจำยอม
“ไปนั่งดูทีวีรอเลย”
เธอไม่สามารถขัดได้จึงเดินไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นเปิดทีวีดูรายการโทรทัศน์ ดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ไม่อย่างนั้นคงได้ลางานแน่นอน ดาริกาลอบมอบแผ่นหลังหนาที่กำลังล้างจานอย่างขยันขันแข็ง เขาเป็นคนมีน้ำใจต่อผู้อื่นเสมอ ทุกคนต่างหลงเสน่ห์ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หลงจนเมื่อสี่ปีก่อนได้รู้ว่าร่างสูงไม่ได้รักเธอที่จูบก็เพราะเมา สำหรับพสุธาจะเป็นใครก็ได้สินะ...
แต่คงมีเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจ น้องเล็ก..สาวน้อยหน้าตาน่ารักที่เคยคบกับพสุธาไม่นานตามข่าวลือที่เธอได้ยิน อาจจะก่อนเขาจบมอหกหลังจากนั้นก็ห่างกันและพสุธาก็ไม่ได้ติดต่อน้องเล็กอีกเลยซึ่งเธอโล่งใจมาก ไม่เคยเลยสักครั้งที่อยากจะล่วงรู้เรื่องความรักของพสุธาเพราะรู้ไปคนที่เจ็บก็มีเพียงเธอเท่านั้น
“เสร็จแล้ว” แรงยวบข้างกายพร้อมมือหนาที่พาดบนไหล่เธอทำให้ดาริกาตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง
“เหม่ออยู่นั่น คิดเรื่องอะไร” ส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเพราะเรื่องที่เธอคิดมีแต่เขาล้วนๆ
“ดาว ฉันว่าเรามาเปลี่ยนสรรพนามเรียกกันดีไหม ฉัน แก เนี่ยไม่เอาแล้วมันดูเพื่อนเกินไป ในเมื่อเราจะเป็นสามีภรรยากันก็เรียก..เบ๊บดีไหม” ร่างสูงดูกระตือรืนร้นเหลือเกินในการคิดสรรพนามใหม่
“เบ๊บกินข้าวไหมจ๊ะ เฮ้เบ๊บ” ฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วตีเบาๆ ตรงหน้าผากได้รูปของชายหนุ่ม
“ประสาท ใครจะไปเรียกลง”
“เพราะจะตาย ถ้าอย่างนั้น ที่รัก ฮันนีสวีตฮาร์ตหรือแบบไทยๆ หมูอ้วน ตัวเอง”
ได้ยินแค่นั้นหญิงสาวก็ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธคอแทบเคล็ด เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมการมีแฟนแล้วต้องเรียกด้วยคำหวานชวนอาเจียนตลอดเวลาขนาดนี้ เธอคนหนึ่งละขอบายฟังแล้วขนลุก
“ไม่เอา ถ้าแกเรียกฉันแบบนั้นฉันอัดแกแน่”
พสุธาหัวเราะออกมาเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ชอบเรื่องแบบนี้ มือหนาเกี่ยวผมยาวสลวยเล่นด้วยความเพลิดเพลิน
“รู้แล้ว แต่คำว่าแกไม่เอาได้ไหม เอาเป็นเธอ ฉัน นายก็ได้ ดูดีกว่า ไม่งั้นเรียกคุณก็ได้นะครับคุณดาว”
ทั้งสองไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาใกล้ชิดกันเพียงใดเพราะเพลิดเพลินกับการพูดคุย
“ก็ได้”
“ถ้าใครหลุดออกมาต้องโดนจูบ” วิธีการทำโทษที่แปลกของร่างสูงทำให้ดาริกาหันมามองอย่างไม่ค่อยชอบใจนักเพราะดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบ
“ไม่เอา”
“เอา ตกลงตามนี้ ขอมัดจำไว้ก่อน” ไม่ทันให้ตั้งตัวอีกฝ่ายก็โน้มหน้ามาจูบเธอทันทีก่อนผละออกแล้วก้มลงจูบอีกครั้งอย่างโหยหา มือหนาจับใบหน้าหวานเอาไว้เพราะดูเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เอียงหน้าได้องศา พสุธาดูดดึงริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจ แล้วสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานตวัดลิ้นเกี่ยวกับเธอเป็นการหยอกเอิน จากที่คราแรกแค่อยากมัดจำแต่ดูเหมือนอารมณ์เขาจะพุ่งขึ้นรวดเร็ว
“พอ พอแล้ว” มือบางยันอกหนาไว้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาอุ้มเธอมานั่งตักโดยหันหน้าเข้าหาเขา
“ขออีก” เสียงทุ้มแหบพร่าบ่งบอกอารมณ์โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“พสุธา! ถ้าไม่หยุดฉันจะบีบไอ้นั้นนายนะ” เตือนเสียงเขียวทำให้เขายอมผละออกจากเธอแต่ก็ยังไม่ปล่อยร่างบางไปง่ายๆ กอดเธอเอาไว้แล้วซุกใบหน้าลงซอกคอหอมกรุ่น ไม่เคยคิดว่าเพื่อนที่เห็นมาแต่เด็กจะเย้ายวนได้ขนาดนี้
“ปล่อยได้แล้ว ฉันต้องอยู่กับนายอีกนาน”
“นั่นสินะ อีกนานเลย” ในที่สุดก็ปล่อยเธอ เมื่อเป็นอิสระดาริกาก็ลุกขึ้นย้ายไปนั่งอีกฝั่งให้ห่างจากร่างสูงมากที่สุดเพราะกลัวสายตาเจ้าเล่ห์นั้น เขาคือจิ้งจอกเก้าหางมีแผนในหัวเป็นร้อยไม่รู้จะโดนขย้ำตอนไหน
“เดี๋ยวเย็นๆ จะไปส่ง เข้าไปนอนพักในห้องเถอะ” เมื่อได้ยินว่าอย่างนั้นเธอก็ไม่ขัด เดินเข้าห้องอีกฝ่ายก่อนจะล็อกเอาไว้อย่างดีแล้วขึ้นไปบนเตียงห่มผ้านอนอย่างสบายใจ ขอพักผ่อนสักหน่อยก็แล้วกันเรื่องอื่นค่อยว่าอีกที
ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมางานแต่งถูกเตรียมไปอย่างรวดเร็วและคนที่สนใจมากที่สุดคือพสุธา เตรียมทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวโดยติดต่อร้านคนรู้จักนัดวันลอง ช่วยเธอเลือกชุดทั้งยังให้เพื่อนที่เป็นช่างภาพมาถ่ายพรีเวดดิงให้อีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าคนไม่เอาไหนจะเตรียมงานได้ดีขนาดนี้ ทั้งสถานที่ชายหนุ่มก็ติดต่อกับเพื่อนได้ราคาถูกลงกว่าปกติ ว่าที่เจ้าสาวแทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากต้องเข้าคอร์สเจ้าสาวที่เขาจองไว้ให้เท่านั้น
ไม่กี่วันก่อนพสุธาก็เอารูปถ่ายมาให้เธอเลือกว่าจะเอารูปไหนไว้หน้างานบ้าง เธอเองก็เลือกไม่ได้เพราะมีแต่รูปสวยๆ จนตากล้องสุดหล่อนามดินคนดีต้องตัดสินใจในฐานะช่างภาพ พสุธาเข้ากับพ่อของเธอได้เป็นอย่างดีว่าที่เจ้าบ่าวมักจะไปมาหาสู่ช่วงเดือนที่ผ่านมา แม้เธอจะไม่อยากให้มาเท่าไหร่ก็ตาม เธอกลัวว่าร่างสูงจะเจอน้องเล็กแต่ก็โล่งอกที่ลักษณ์นาราไม่อยู่บ้านเพราะไปเที่ยวต่างประเทศ
“เชิญขึ้นรถเลยครับคุณผู้หญิง” เช้าวันไหนที่ไม่มีงานพสุธาก็มักจะมารับเธอไปส่งที่ทำงานทุกครั้งแม้จะเพียรบอกว่าทางมันไกลจากที่ทำงานอีกฝ่ายก็ดื้อจะมาให้ได้จนเหนื่อยจะเถียงต้องเลยตามน้ำไป
“กินข้าวเช้ามาหรือยัง” อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้า
“ตื่นก็อาบน้ำมาเลย หิวม้ากมาก” ทำหน้าตาน่าสงสารให้หญิงสาวเห็นใจดาริกาก็ส่ายหัวให้กับลูกอ้อนของเขา
“วันนี้ทำข้าวเที่ยงมาให้ด้วย อยู่ในถุงฉันเอาไว้เบาะหลังนะ” พสุธามองถุงสีฟ้าที่เธอเอาไปวางไว้เบาะหลังก็ได้แต่อมยิ้ม
“ยิ้มอะไร”
“ก็..เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันเลย” คำพูดนั้นก็ทำเอาเธอไปไม่เป็นเหมือนกันจึงแสร้งทำหน้าขรึม
“ออกรถได้แล้วมัวโอ้เอ้อยู่ได้ วันนี้ฉันจะถึงออฟฟิศไหม”
“ครับคุณนาย ไปเดี๋ยวนี้เลยครับผม” รถยนต์ยี่ห้อหรูเคลื่อนตัวไปตามถนนด้วยความเร็วพอประมาณ ปกติพสุธามักจะชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์มากกว่ารถยนต์เพราะไปถึงเร็วกว่า สามารถซอกแซกได้พอต้องรับส่งดาริกาก็ต้องเปลี่ยนเพราะไม่อยากให้รองผู้จัดการต้องเข้างานสาย
“เดี๋ยวตอนเย็นมารับ” ส่งถึงที่เขาก็ไม่ลืมย้ำเพราะกลัวเธอกลับก่อนเหมือนครั้งแรกที่มาส่งพอจะมารับดันกลับแล้วซะอย่างนั้นพสุธาเลยมาเสียเที่ยว
“รู้แล้ว นายย้ำฉันทุกวันจนเบื่อแล้ว”
“ก็กลัวหนีกลับก่อน”
“ไม่หนีแล้ว ไปละ” โบกมือลาก่อนลงจากรถโดยที่ร่างสูงทำเพียงมองตามหลังเธอไปก่อนยกยิ้ม ร่างสูงกลับคอนโดเพื่อไปดูการตกแต่งห้องใหม่และต้องจัดใหม่ทั้งหมดระหว่างรอสร้างเรือนหอ เขาไม่ได้บอกดาริกาเรื่องเรือนหอบอกเพียงว่าหลังแต่งงานให้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของตนเพราะใกล้ที่ทำงานมากกว่าเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงตอบรับคำอย่างง่ายดาย
“พี่ตาคะ นี่บัตรเชิญงานแต่งดาวค่ะ” ช่วงบ่ายที่ไม่ค่อยมีงานแล้วดาริกาเห็นว่าทางสะดวกจึงเข้าไปหาหัวหน้าแผนกที่เธอเคารพ พร้อมกับยื่นซองสีเงินกลิ่นหอมให้จนหัวหน้าตกใจ
“อะไรกัน ตอนผมสัมภาษณ์บอกโสด เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือนดันจะแต่งงานซะอย่างนั้น” พี่ตาหรือคุณหิรัญหัวหน้าแผนกโฆษณาเป็นหนุ่มร่างท้วมชอบความเฮฮาและสังสรรค์แถมแจกโบนัสไม่อั้นทำให้เป็นที่รักของลูกน้องทั้งหลาย
“พอดีกะทันหันค่ะ” ไม่รู้จะตอบไปว่าอย่างไร เธอเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าโสดมาเป็นสิบปีพอจะมีแฟนดันข้ามขั้นไปแต่งงานเฉยเลย
“ยังไงก็ยินดีด้วยนะ พาแฟนมาแนะนำกับทุกคนด้วยล่ะ” กฎของแผนกนี้คือทุกคนเหมือนพี่น้องไม่ว่าจะแฟนหรือญาติต่างก็รู้จักกันดี เธอทำเพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น ไม่ค่อยอยากจะพาเขามาเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายมนุษย์สัมพันธ์ดีเกินไปเกิดพูดเรื่องไม่ควรขึ้นมาเธอจะทำอย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นดาวขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”
“เชิญๆ” เมื่อแจกซองให้หัวหน้าแล้วจึงมาแจกซองเพื่อนร่วมงานทำเอาหนุ่มๆ ต่างโอดครวญที่เธอสละโสดเร็วขนาดนี้ แต่ละคนก็อยากเห็นว่าที่เจ้าบ่าวของเธอว่าจะหล่อสักแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ตอบเพียงไม่ค่อยหล่อหรอกค่ะ
การทำงานช่วงบ่ายผ่านไปด้วยดีจนกระทั่งมีคนมาขอพบเธอ“พี่ดาวขา มีคนมาขอพบหน้าตาหล๊อหล่อไม่ทราบว่าเป็นคุณเจ้าบ่าวหรือเปล่าคะ” เด็กฝึกงานที่สนิทด้วยเข้ามาบอกเธอถึงโต๊ะทำงานยิ่งสร้างความสงสัย ไม่คิดว่าพสุธาจะมารับเร็วขนาดนี้ งานอีกฝ่ายเลิกไม่เป็นเวลาเท่าไหร่
“พี่ว่าไม่น่าใช่ แต่ยังไงก็ขอบใจที่มาบอกนะ” ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปยังห้องรับแขกของแผนก พอเธอเดินไปทุกคนต่างก็กรูไปยังประตูอย่างรวดเร็วเพื่อดูหน้าว่าที่เจ้าบ่าวที่ทุกคนปักใจเชื่อไปแล้ว
“หล่อจริงด้วย”
“ท่าทางจะรวยน่าดู” เสียงซุบซิบดังไปทั่วออฟฟิศโดยคนโดนนินทาไม่รู้ตัวสักนิด ดาริกาเดินออกมาก็พบกับชายหนุ่มที่ยืนยิ้มให้เธอพร้อมถุงขนมต่างๆ
“อ้าวพี่รุต สวัสดีค่ะ” เขารับไหว้แทบไม่ทันก่อนเธอจะเชิญอีกฝ่ายนั่ง
“ขอโทษที่วันนั้นดาวหนีไปนอนก่อนนะคะเลยไม่ค่อยได้คุยกันเลย” รู้สึกผิดที่ปล่อยให้รุ่นพี่ต้องอยู่กับคนที่ไม่สนิทด้วยแต่ชายหนุ่มก็เพียงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ”
“แล้วพี่รุตมาทำอะไรแถวนี้หรือคะ ติดต่อธุระหรือเปล่า” ดวงตากลมโตฉายแววสงสัยมองหน้าหล่อที่ทำเพียงยิ้มเจื่อนเท่านั้น
“พี่ผ่านมาเลยแวะมาหาดาวน่ะ แล้วก็เอาขนมมาฝากด้วย” ถุงขนมหลากหลายยี่ห้อถูกยื่นให้ดาริกาที่มีท่าทางเกรงอกเกรงใจเหลือเกิน
“ลำบากแย่เลย ซื้อมาทำไมเยอะแยะคะ”
“พี่ไปทำงานเดือนที่แล้วไปเป็นเดือนเลยมีของเยอะหน่อย นี่ก็แบ่งให้คนอื่นไปเยอะแล้วนะ” ขนาดแบ่งคนอื่นแล้วขนมที่ให้เธอยังมีหลายถุงจนคิดว่าจะกินยังไงให้หมด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมเอาของให้เขาเธอจึงรีบบอก
“ดาวก็มีของจะให้พี่รุตเหมือนกัน รอสักครู่นะคะ” พูดจบร่างบางก็รีบเดินเข้าไปในห้องทำงานทำให้คนที่เกาะกลุ่มกันรีบสลายตัวอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย ดาริกาไม่ได้สงสัยอะไรรีบเดินไปหยิบของที่ว่าก่อนออกจากห้องไปหาแขกที่นั่งรออยู่
“นี่ค่ะ” ซองกระดาษสีเงินพิมพ์ลายถูกยื่นมาตรงหน้า หัวใจของนักธุรกิจหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ มือหนาสั่นขณะที่รับมาจากเธอ กลิ่นหอมจากกระดาษโชยมาในขณะที่ค่อยๆ เปิดออกเพื่ออ่านข้อความข้างใจ ภาวนาว่าให้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิทเธอสักคน
ดาริกา พสุธา
เพียงแค่เปิดหัวใจของเขาก็เหมือนลอยออกมาก่อนจะแตกเป็นฝุ่นผงลงที่เท้าไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่คิดจะรักก็อกหักแม้ยังไม่ทันเริ่ม มองใบหน้าหวานที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มก็สร้างความช้ำให้ตนเป็นเท่าทวีคูณ
“พี่ไม่รู้มาก่อนว่าดาวมีคนรัก” อย่าว่าแต่เขาเลยเธอเองก็เพิ่งจะรู้เช่นเดียวกัน
“ค่ะ พอดีไม่ค่อยบอกใคร” หรือพูดง่ายๆ ไม่มีใครรู้จะถูกกว่า ตอนนี้การ์ดแต่งงานของเธอและพสุธาก็ทยอยส่งให้เพื่อน ทุกคนต่างก็สงสัยทั้งนั้นเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าพสุธาและเธอจะลงเอยกัน มีแต่ตั้งข้อสังเกตว่าเธออาจจะท้องซึ่งก็กลัวจะจริงเหลือเกินจึงไปตรวจก็ทราบว่าเธอปกติดีไม่ได้ตั้งครรภ์แต่อย่างใดก็โล่งใจ
“พี่ยินดีด้วยนะครับ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่แววตากลับแสดงความเจ็บปวดออกมาก่อนจะรีบขอตัวกลับเพราะต้องไปทำงานต่อ
ดาริกาลุกขึ้นไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วกลับเข้ามาภายในห้อง ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องความรู้สึกของมารุตที่มีต่อเธอ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อความรู้สึกที่ให้คนตรงหน้าคือพี่น้องเท่านั้น แม้ไม่มีพสุธาความรู้สึกของเธอก็ไม่พัฒนาไปมากกว่านี้แน่นอน
มองนาฬิกาก่อนจะรีบทำงานเพราะอีกไม่นานว่าที่สามีคงมารับกลับบ้าน เธอแทบไม่ได้อยู่คอนโดตัวเองเพราะพสุธาเห็นว่าใกล้แต่งงานแล้วจึงอยากให้เธออยู่กับบิดาเรียนรู้งานบ้านงานเรือนมากกว่าแม้จะรู้สึกตงิดในใจ หากไม่ได้ทักท้วงให้มากกว่าจึงปล่อยเลยตาม อะไรที่ทำให้ได้ก็ทำไปไม่ได้ลำบากตนเองแต่อย่างใด
เมื่อถึงเวลาห้าโมงครึ่งโทรศัพท์ดังเธอก็เก็บโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนจะลาคนที่เหลือแล้วลงไปข้างล่างก็เจอรถยนต์ที่คุ้นตาจอดอยู่ เปิดประตูข้างคนขับขึ้นมานั่งพร้อมรับน้ำที่เขามักจะซื้อมาฝากไม่ซ้ำกันมาดื่มอย่างสดชื่น รถเคลื่อนตัวออกไปส่งกลับบ้านอย่างสวัสดิภาพ