อยากละเลงลิ้นให้ดิ้นพราด
เสียงลูกธนูแหวกอากาศออกไป หากยากยิ่งจะได้ยินเสียงท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องหัวเราะหัวใคร่นั้น แต่มีคนผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติฟ้าประทาน เขาเกิดมาเพื่อรบพุ่ง เก่งกาจทุกทาง หูตาไวรอบด้าน
แม่ทัพหงหย่งคัง บุตรชายของสามตรีเทพภูผาดำกับหงซือเซียนนั่นเอง !
มือใหญ่ยกขึ้นคว้าลูกศรไว้ได้ทันก่อนมันจะถึงเป้าหมาย ก่อนเจ้าตัวจะหันขวับไปยังต้นทาง สายตาเหยี่ยวเห็นร่างหนึ่งสวมชุดแดงหลบหลังต้นไม้ใหญ่ ด้วยเกรงว่าผู้คนจะแตกตื่น เขาหันไปกระซิบท่านเจ้าเมืองให้ระวังตัว และแจ้งองครักษ์ทันที
“ คุ้มครองท่านเจ้าเมือง ! ”
ก่อนที่ตัวเองจะวิ่งพุ่งออกมาจากฝูงชน เป้าหมายคือบุคคลผู้บังอาจปลิดชีพท่านเจ้าเมือง !
หมิงฮุ่ยหลิงเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นชายผู้นั้นวิ่งมาทางนี้ นางรีบใช้ผ้าคลุมโพกศีรษะและใบหน้าเพื่อปกปิดแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอด
ปึ้ก !
นางสะดุ้งเฮือกแล้วชะงักกึก มีดสั้นเล่มหนึ่งถูกขว้างแล้วปักอยู่ที่ต้นไม้เบื้องหน้า
ไม่ทันมีเวลาให้คิด เงามฤตยูผู้นั้นก็ถึงตัวนางเสียแล้ว กระบี่ในมือเขาคล่องแคล่ว แม่นยำ หนักแน่น ทุกการฟาดฟันล้วนมีเป้าหมายไม่สูญเปล่า
บัดซบ ! อย่าว่าแต่หนีเลย แค่พยายามหลบคมกระบี่จากเขานางต้องใช้สติอย่างยิ่งยวด พลาดแม้แต่น้อยหมายถึงจุดจบ
หงหย่งคังจู่โจมไปประเมินฝีมือคนร้ายไปด้วย มันผู้นี้คล่องแคล่วว่องไวแต่ยังห่างชั้นจากเขานัก เขาตวัดกระบี่รุกต้อนจนมันเสียท่า ปลายกระบี่ตวัดโดนช่วงหน้าอกจนผ้าขาดติดมา คมกระบี่บาดเฉือนเนินอกขาวจนเกิดรอยแผล หงหย่งคังไม่รอช้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายเสียท่าจึงเข้าประชิดหวังจับเป็นให้ได้ เขาช่างอยากรู้ยิ่งนักว่าใครมันช่างกล้ามากระตุกหนวดเสือถึงถ้ำ
“ หยุด ! เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก ยอมให้ข้าจับเสียโดยดี ” เสียงห้าวตวาดลั่น แต่มีหรือที่นางจะยอม หากการโจมตีของเขาไม่เปิดช่องให้นางหนีได้เลย นางควรทำอย่างไรดี
เขายังคงรุกรานต่อ มือใหญ่คว้ากระชากหวังจับตัว ทว่านางเบี่ยงหลบจึงถูกเขาดึงรั้งจนชุดขาด เมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นสัมผัสช่วงอก เจ้าตัวจึงก้มมองพบว่าตู้โตวสีแดงของตนนั้นหลุดติดมือเขาไปเสียแล้ว !
ไม่เพียงแค่นั้นยังเผยสิ่งที่ไม่ควรเผยให้เขาเห็น !
ทรวงอกขาวอวบโผล่พุ่ง ปลายถันแดงก่ำชูช่อน่าลิ้มลองที่กำลังถูกโลหิตจากบาดแผลไหลย้อยอาบเนินถันอวบช่างเป็นภาพแสนตราตรึงพาให้หงหย่งคังตะลึงลานจ้องมองจนลืมตัว
“ เจ้าคนลามก ! ” นางสบถด่า ทั้งแค้นเคืองและอับอายยิ่งนัก และฉวยช่วงที่เขาตะลึงลานปล่อยหมัดเสยเข้าปลายคางเต็มแรงจนเขาเสียหลักล้มลง ก่อนคว้าซองผงเกสรพิษในแขนเสื้อเป่าใส่หน้าเขา หย่งคังร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพลางใช้สองมือปิดตาเพราะความแสบร้อน
เมื่อเห็นเขาหมดทางสู้นางจึงฉวยคว้ากระบี่ของเขาหมายสังหารให้สิ้นชีพเพื่อล้างอาย
“ เจ้าช่างบังอาจที่มาทำลามกใส่ข้า อย่าหวังว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ลงนรกไปซะ ! ”
ทว่าคมกระบี่ยังไม่ทันได้ฟาดฟัน ลูกธนูหลายสายก็พุ่งมาราวห่าฝนยังนางจนต้องพลิ้วหลบ ตาเรียวตวัดมองเห็นเหล่าทหารองครักษ์กำลังตามมา ขืนชักช้ามีหวังโดนจับแน่ !
แม้จะแค้นจนอยากสังหารชายผู้นั้นเพียงใด แต่การเอาตัวรอดย่อมสำคัญกว่า
“ หงหย่งคังครั้งนี้เจ้าโชคยังดีฝากไว้ก่อนเถิด เจอกันครั้งหน้าข้าฆ่าเจ้าแน่ ! ” นางกล่าวอาฆาตทิ้งท้ายก่อนทิ้งกระบี่หนีลับหายไป
“ ท่านแม่ทัพขอรับ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ” ทหารองครักษ์รีบช่วยหงหย่งคังที่นอนเอามือปิดหน้าอยู่
“ ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้ารีบตามไปจับตัวนางมาให้ได้ ต้องจับเป็นเท่านั้น ”
“ ขอรับ ”
โชคยังดีที่นางใช้ผงพิษไม่ร้ายแรงนักและเขาหลับตาลงได้ทัน เพียงแค่แสบตาอยู่ชั่วครู่ก็ทุเลา
แม้ในใจจะเคืองแค้นเพียงใดแต่ท่านแม่ทัพใหญ่ก็มีรอยยิ้มที่มุมปาก ดวงตาเรียวคมกริบมีประกายระยิบระยับขณะก้มมองตู้โตวในมือ ไพล่คิดไปถึงความอวบอัดเบียดชิดของเต้าถันอวบใหญ่ ที่มียอดทรวงเม็ดเล็กสีสวยราวผลอิงเถาสุกชูชันประดับอยู่ตรงปลาย
แม้ได้เห็นเพียงชั่วครู่ หากชายผู้เคยสนุกกับสตรีมามากพอควรเช่นเขาพอกะได้ว่าหากทาบฝ่ามือใหญ่ลงไปแล้วบีบเค้น เนื้อขาวอวบคงปลิ้นออกมาตามง่ามมือ และหากเขาได้ละเลงลิ้นตรงยอดอกนั้นมันคงแข็งชัน ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาดูดมันแรง ๆ นางคงจะดิ้นพราด ๆ ราวใจจะขาด
“ บ้าเอ๊ย ! ”
เขาสบถ เพราะเพียงแค่คิดแท่งทวนกลางกายก็ปวดปร่าแข็งขึงราวหินผา เขาใช้หลังมือใหญ่กดมันลงไปให้สงบ
“ เจ้าจะแข็งไม่รู้เวล่ำเวลาแบบนี้ไม่ได้ นางเป็นศัตรู ต้องคิดหาทางสังหาร เอ๊ะ หรือว่าจะสังหารนางด้วยอาวุธอันร้ายกาจของข้าดีนะ ” แม่ทัพหนุ่มร่างใหญ่จอมกะล่อนพึมพำกับตัวเองเพียงลำพัง ก่อนสลัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่านของเลือดหนุ่มอันพลุ่งพล่าน เมื่อเรียกสติกลับมาได้แล้วเขาก็แค่นเสียงออกมา
“ เจ้าไม่มีทางหนีข้าพ้น ! ”