ตอนที่ 5 หนี(3)
“เอ่อ ฉันต้องขอบคุณ คุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตฉันไว้เมื่อคืน”
เมื่อต่างคนต่างเงียบไปหลายอึดใจ หญิงสาวจึงตัดสินใจกล่าวขอบคุณที่เขาช่วยเธอไว้
“ดิฉัน ปิ่นมุกค่ะ หรือจะเรียกปิ่นก็ได้ค่ะ แล้วคุณ....”
เมื่อชายหนุ่มไม่ได้ตอบโต้อะไร หญิงสาวจึงเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมส่งยิ้มหวานไป
“ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมาแนะนำตัวให้เสียเวลา ฉันรู้จักเธอดี และฉันก็ไม่จะเป็นต้องแนะนำตัวกับคนอย่างเธอ”
ชายหนุ่มตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่คิดถึงจิตใจคนฟัง ที่ตอนนี้หน้าเสียไปแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อในบรรยากาศอึดอัดเช่นนี้…
“ค่ะงั้นไม่เป็นไร แต่ถึงอย่างไรดิฉันก็ต้องขอบคุณคุณอีกครั้งที่ช่วยชีวิตดิฉันไว้ งั้นดิฉันลาตรงนี้เลยนะคะ รบกวนคุณมามากแล้ว”
ปิ่นมุกยกมือไหว้คนที่อายุน่าจะมากกว่าเธอหลายปี ก่อนจะเตรียมตัวเดินออกจากห้องรับแขกและไปจากที่นี่
“หยุด!! ฉันไม่ได้สั่งให้เธอไป เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น และอย่าเดินหนีฉัน ฉันไม่ชอบ” ชายหนุ่มพูดเสียงแข็ง พร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หญิงสาวหยุดเดินและหันกลับเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
“ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่ที่นี่และทำตามทุกอย่างที่ฉันสั่ง ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ และตอนนี้ฉันก็เป็นเจ้าชีวิตของเธอ จำเอาไว้” ชายหนุ่มพูดพร้อมจ้องหญิงสาวตาเขม็ง
“คุณไม่มีสิทธิ์ ชีวิตฉันเป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ ถึงแม้คุณจะช่วยชีวิตฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตของฉัน”
หญิงสาวเถียงกลับด้วยความโมโห “คนอะไรบ้าอำนาจ เผด็จการที่สุด นี่มันเรื่องบ้าอะไร”หญิงสาวคิดในใจ
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ อย่ามาเรื่องมาก…ฉันสั่งอะไรก็ทำ จำเอาไว้ ทุกคนที่นี่เป็นคนของฉัน อย่าคิดที่จะหนีไปให้ยากเลยหึหึ” ชายหนุ่มพูดพร้อมแสยะยิ้มอย่างสะใจ
“ทำไมฉันต้องฟังคุณ นี่ตัวฉัน ชีวิตฉัน ฉันเท่านั้นที่เลือกได้”
หญิงสาวตะเบ็งเสียงตอบร่างสูงด้วยความโมโหที่เริ่มมากขึ้น พร้อมกับเตรียมตั้งท่าและวิ่งออกจากบ้านทันที
เธอวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง เพื่อไปที่ท่าเรือที่มองเห็นอยู่ห่างจากตัวบ้านพอสมควร เธอวิ่งออกไปด้วยเท้าเปล่า แม้จะถูกเปลือกหอยที่หาดทรายบาดเท้า แต่เธอก็ไม่สน เธอวิ่งต่อไปสุดชีวิตเพื่อที่จะออกไปจากที่นี่ให้ได้
ทางด้านหลังของเธอนั้นมีชายชุดดำที่คาดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดของเขาวิ่งตามมา เธอพยายามวิ่งหนีสุดกำลัง แต่มีหรือที่กำลังอันน้อยนิดจะสู้พละกำลังของเหล่าชายฉกรรจ์ได้
ร่างเล็กถูกล้อมรอบด้วยชายชุดดำเกือบ 10 คน ทำให้เธอหมดหนทางหนี หญิงสาวทรุดลงไปกับพื้นทรายและปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออดเหลือทน พร้อมยกมือไหว้พวกเขา
“พี่ปล่อยหนูไปเถอะ ฮือออ หนูแค่อยากกลับบ้าน หนูขอร้อง”
“คุณลุกขึ้นเถอะครับ ไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนี้ พวกเราต้องทำตามคำสั่งนายหัว” หนึ่งในบอดี้การ์ดพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเธอร้องไห้
“ลุกขึ้นเถอะครับคุณปิ่นมุก ก่อนที่นายจะโมโหไปมากกว่านี้… ถึงคุณจะกลับไป คุณก็ยังโดนอาของคุณตามฆ่าอยู่ดี อยู่ที่นี่คุณจะปลอดภัย”
ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินมาจากทางด้านหลังของเธอแล้วพูด ทำให้เธอตกใจที่เขารู้ชื่อของเธอ และรู้ว่าเธอกำลังถูกตามฆ่าจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอา
“คุณเป็นใคร รู้เรื่องนี้ได้ยังไงคะ”หญิงสาวถามชายคนนั้นออกไป
“ผมธนินครับ เป็นมือขวาของนายหัว” ชายหนุ่มพูดพร้อมส่งยิ้มน้อยๆให้อย่างเป็นมิตร
“เลิกพล่ามได้แล้วธนิน!! ส่วนเธอมานี่” เหมราชเดินเข้ามาพร้อมตะคอกใส่ทั้งลูกน้องและหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ พร้อมกระชากแขนหญิงสาวให้เดินตามเขากลับเข้าไปในตัวบ้าน
เมื่อลากเธอจนเข้ามาในบ้าน โดยไม่มีใครกล้าจะช่วยเหลือ แม้ว่าเธอจะร้องให้คนช่วยก็มีแต่คนก้มหน้าหนีไปคนละทางสองทาง
ชายหนุ่มผลักประตูห้องนอนให้เปิดออก พร้อมกับเหวี่ยงร่างบางกระแทกลงกับพื้นห้อง
ตู๊บ หญิงสาวล้มลงกับพื้นตามแรงเหวี้ยง ก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทีน่าสงสาร แต่เหมราชที่ตอนนี้กำลังโมโหจนไม่เห็นความน่าสงสารของเธอ
“หึ แรด ปากบอกจะหนี แต่กลับไปอ่อยลูกน้องของฉันจะให้พาหนี ฝันไปเถอะ” เขาพูดพร้อมสาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาว เห็นดังนั้นเธอก็ถอยกรูไปจนชิดเตียง….
“ความคิดคุณมันต่ำ คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันทำไม จะกักขังฉันไว้ทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณนักหนา ฮือ” หญิงสาวถามออกไปพร้อมกับน้ำตาที่พังทลายลงมาอีกครั้ง
“ไม่ได้ทำงั้นเหรอ หึ เธอจะรู้เรื่องนี้ในอีกไม่ช้าสาวน้อย แต่ตอนนี้เธอต้องถูกลงโทษที่กล้าขัดคำสั่งฉัน และวิ่งหนีฉันเป็นครั้งที่สอง” เขาพูดพร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปหาเธอ
“จะทำอะไร อย่านะ!!” หญิงสาวพูดด้วยความกลัวและลุกขึ้นจะวิ่งหนี ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงกระชากแขนเธอไว้ผลักเธอหงายลงบนเตียง พร้อมทั้งตามขึ้นไปคร่อมร่างบางที่นอนหงายอยู่บนเตียง