บทที2.ป่วนหัวใจ
“หึพ่อ...ตาขุนไม่ทำร้ายจิตใจแม่หรอก อยู่ให้แม่ชื่นใจก่อนนะ หรือไม่ก็รอให้ตาจอมหาเมียได้ก่อน”
นางพาดพิงถึงบุตรชายอีกคน จอมทัพเป็นคนดูยาก เขารูปหล่อไม่น้อยหน้าใคร แต่กลับไร้คนข้างกาย ทำแต่งานจนนางเองยังแอบกังวล
“แม่...ไม่ต้องดึงผมไปมีเอี่ยวด้วยเลย...เรื่องเมีย คงอีกนาน ผู้หญิงน่ารำคาญทุกคน ไม่เห็นมีใครเหมือนแม่ ชาตินี้ผมคงหาเมียให้แม่ไม่ได้หรอก”
จอมทัพร้อนตัว เขากล่าวเสียงขึงขัง ใบหน้าใครบางคนลอยแวบเข้ามาในหัว จนต้องสะบัดแรงๆ ไม่มีวันนั้นแน่ ต่อให้โลกถล่ม เขาก็ไม่มีวันคว้าผู้หญิงคนนั้นมาแนบข้าง ไม่มีวัน!!!
“ขอให้จริงเถอะ มัสกลัวจะแย่งผู้หญิงคนเดียวกันนี่ซิ ศึกพี่ น้อง พ่อ-แม่ ปวดหัวตาย”
มัสยาพูดเหมือนรู้อะไร คำพูดของเธอ เกือบทำเอาวงแตก เมื่อแต่ละคนเงียบกริบ เหมือนลืมเอาปากมา...
“ไปๆ กลับบ้านกัน มาเหนื่อยๆ จะได้พัก”
คุณอาทรรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง ท่านถอนใจพรวดๆ มองบุตรชายคนโต สลับกับมองบุตรชายคนรอง เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของบุตรสาวคนกลาง...หากเป็นศึกพี่ น้อง ที่เกิดเพราะผู้หญิงคนเดียวกัน คงปวดหัวพิลึก
บทที2.ป่วนหัวใจ
มัลลิกาซ่อนตัวอยู่ก้นครัว...เธอพยายามอาสาทำงานทุกอย่างทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ หลังจากโผล่หน้าไปให้ขุนทัพเห็นเพียงชั่วแวบ ความรังเกียจที่ฉายชัดผ่านแววตาของจอมทัพ ทำให้เธอหวาดกลัวหนัก ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ขุนทัพ พี่ชายที่รักสุดหัวใจ เธออยากโผเข้าหา และร่ำไห้กับแผ่นอกกว้างของขุนทัพ ออดอ้อนเขาเหมือนที่เคยทำในวัยเยาว์ แต่...แววตาของคน คนนั้น สกัดความอยากทั้งหมดทั้งมวลของเธอ หลังทำความเคารพขุนทัพตามมารยาท เธอจึงหลบสายตาเขา เข้ามาขลุกอยู่ในครัวแทน
“คุณลิกาไม่ออกไปทานอะไรกับพี่ๆ เหรอคะ?”
สายแม่ครัวประจำบ่าน กระแซะถามมัลลิกา
“ลิกาอยากทำอะไรอร่อยๆ ให้พี่ขุนทานค่ะ” หญิงสาวตอบเลี่ยงๆ อยากจะกอดขุนทัพใจจะขาด แต่เกรงเพลิงโทสะของจอมทัพ จนต้องหักห้ามใจไว้ เธอไม่อยากได้ยินคำพูดแสลงหูของเขา เธอกลัวว่าขุนทัพจะเอะใจ และพลอยเกลียดตนเองไปด้วย หากพี่ชายสุดที่รักเกลียดเธออีกคน มัลลิกาคงไม่มีที่ยืนในเรือนบุษยารักแห่งนี้
“แม่คุ๊ณ!” น้ำเสียงแฝงความเวทนา ความลับเรื่องชาติกำเนิดของมัลลิกา คนเก่าคนแก่ในบ้านบุษยารักรับรู้ทุกคน แต่ไม่มีใครปริปาก เมื่อหญิงสาวทำตัวน่าสงสาร จนไม่อยากกล่าวอะไรให้หล่อนสะเทือนใจ “คุณลิกาต้องดีใจมากๆ แน่ คุณขุนกลับมารอบนี้หล๊อหล่อ สาวๆ คงรุมกรี๊ดจนคุณนายปวดหัวแน่เลยค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งยื่นหน้ามาร่วมวงสนทนา ดวงตาเจ้าหล่อนเป็นประกาย เมื่อเอ่ยถึงเจ้านายหนุ่ม ที่เนื้อหอมสุดๆ
“ปากมึงเปราะแบบนี้ ระวังคุณนายมาได้ยินเข้าล่ะ” สายเอ่ยเตือน นาทีนี้คุณอารีไม่ต่างอะไรกับแม่งูที่กำลังหวงไข่สุดกำลัง
มัลลิกาอมยิ้ม เธอก้มหน้าจัดการงานตรงหน้าต่อ อดคิดถึงพี่ชายคนโตในใจไม่ได้ เขาเป็นพี่ชายที่รักเธอที่สุด มากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ
แต่...นั่นมันแค่ความคิดของเธอ เมื่อขุนทัพยังไม่รู้ความลับของเธอ หากขุนทัพรับรู้ เหมือนดั่งเช่นจอมทัพรู้ เขาคงรังเกียจเธอ ไม่ต่างอะไรกับจอมทัพหรอก หากเป็นเช่นนั้น มัลลิกาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะวางตัวอย่างไร เพราะหากใครต่อใครพากันรังเกียจ เรือนบุษยาแห่งนี้ก็คงไม่ใช่ที่ซุกหัวนอนของเธออีกต่อไป
เสียงจอแจรอบตัวเงียบลงเหมือนปิดสวิตซ์ มัลลิกาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเธอเบิกกว้าง เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ...ขุนทัพ
ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ มุมปาก มอบสบนัยน์ตากลมโตของน้องสาวนอกไส้ ความรู้สึกลึ้งซึ้งวิ่งวนอยู่ในสายเลือด เขายิ้มกว้างกางมือทั้งสองข้างออก “มาให้พี่กอดหน่อยซิลิกา...หลบมาอยู่ที่นี่เอง ปล่อยให้พี่หาแทบบ้า!”
หลังหายตกตะลึง หญิงสาวส่งยิ้มแหยเกให้ มือรวบชายกระโปงมากำไว้แน่นๆ ชั่งใจระหว่างโผเข้าหาขุนทัพ กับนั่งเฉยอยู่ที่เดิม
“มาซิ ไม่ดีใจหรือไงที่เห็นพี่” ชายหนุ่มกล่าวย้ำ ยิ้มกว้างจนดวงตายิบหยี
“มาเร็วยัยน้อง อย่าให้พี่ขุนรอนาน” มัสยาเดินเข้ามาสมทบ เธอเดินเข้าไปฉุดมัลลิกา ดันแผ่นหลังบอบบางจนเซถลาเข้าไปซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของขุนทัพ