บทที2.ป่วนหัวใจ .....
“ตาขุนคงปกป้องน้องได้ แต่...” อาม่าหยุดพูด สายตาฝ้าฟางกราดมองหาหลานชายอีกคน ขานั้นมุทะลุ และเดาใจยาก...
“ผมไม่ได้ห่วงตาขุนนะแม่ ผมห่วงยัยลิกา” คนเป็นพ่อเปรย เขาเป็นห่วงบุตรสาวคนสุดท้าย เมื่อเกรงว่าคนกลางอย่างมัลลิกา จะตกเป็นที่รองรับอารมณ์โกรธของบุตรชายคนรอง ไม่รู้ว่าจอมทัพโกรธเกลียดมัลลิกาจริงๆ หรือเพราะต้องการปิดบังอะไร!
“อาม่า คิดถึงผมเหรอครับ” ขุนทัพเดินเข้ามาทัก พร้อมกับย่อเข่าลงนั่งบนพื้นหญ้า เขาสอดมือกอดเอวอวบท้วมของนาง เอียงหน้าซบตัก กล่าวออดอ้อนไม่ต่างอะไรกับตอนเป็นเด็ก
อาทรกับอาม่าเลยหยุดพูดเรื่องความกังวล นางลูบหลังไหล่หลานชาย ก่อนจะกล่าวเสียงปร่า “กลับมาซักที อาม่าคิดถึงจะขาดใจตาย...”
“อาม่าแข็งแรงจะตาย อยู่ให้ขุนชื่นใจนานๆ จนกว่าขุนจะมีเหลนให้อุ้มเลยนะครับ”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงร่าเริง คำพูดของเขาพาให้คนรอบตัวยิ้มตามไปด้วย
“แม่ไม่ยอมนะตาขุน เพิ่งกลับมาแท้ๆ ใจคอจะรีบหาเมียเลยหรือไง!” คุณอารีพูดสอด นางแสร้งปั้นหน้าขึงขัง
“แม่ก็” คุณอาทรท้วงกลั้วเสียงหัวเราะ เมื่อภรรยาแสร้งดุ ทั้งที่นางเองก็อยากให้ขุนทัพมีครอบครัวซักที เมื่อปีนี้บุตรชายอายุปาเข้าไปสามสิบปี
“จริงนี่พ่อ! พ่อขุนของแม่เพิ่งจะ30เอง... จะรับมีทำไมเมียเมอเนี้ย...อยู่ให้แม่ชื่นใจนานๆ นะลูกนะ”
“แม่อารีนี่ก็แปลก ฉันอยากอุ้มเหลน จะมาห้ามหลานฉันไม่ให้มีเมียได้ยังไง” อาม่าบ่นอุบ แม้จะอายุร่วงเลย แต่นางยังแข็งแรง สิ่งที่นางหวังไว้ อยากอยู่ถึงวันที่ได้เห็นเหลนคนแรก แต่ในบรรดาหลานชาย ยังไม่มีหลานชายคนไหนมีวี่แวววซักคน
“อาม่ารอไม่นานหรอกครับ ขุนจะรีบหาเมียมาปั้นเหลนให้อาม่ารับขวัญ” ขุนทัพเปรย เขามองเลยไปยังมัลลิกา หญิงสาวไปยืนหลบอยู่หลังมัสยา ใบหน้าหวานก้มต่ำ จึงไม่รู้ว่าเขาแอบมองอยู่
“สัญญากับอาม่านะตาขุน อาม่าจะฟิตร่างกายรอ”
อาม่ากล่าวเสียงกระหึม รอยยิ้มแต้มมุมปากที่มีแต่รอยจีบ ใบหน้าร่วงโรยตามวัยสดใสขึ้นทันตา
“อาม่าไม่ต้องรอเหลนจากมัสนะคะ มัสยังหาแฟนไม่ได้ รอลูกพี่ขุนไปคนเดียวเถอะค่ะ”
มัสยาพูดสอดขึ้น เธอเดินเข้าไปกอดเอวอวบท้วมของอาม่าอีกคน
“อย่างเราน่ะยัยมัส อาม่าไม่หวังหรอก แก่นแก้วเป็นม้าดีดกะโหลก ชาตินี้จะมีผู้ชายกล้ามาขอไปทำเมียหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
“อาม่าอ่ะ!”
มัสยาค้อนขวับๆ ไม่ได้นึกโกรธอะไรเลย
“มาถึงเหนื่อย ไม่อยากไปพักเหรอลูก” อารีถาม นางเป็นห่วงบุตรชาย ขุนทัพเดินทางไกล ใช้เวลาเป็นวันๆ แต่ยังยิ้มได้ เล่นหัวกับพี่กับน้อง ไม่ยอมหนีไปพัก
“ผมมีเวลานอนอีกเยอะครับแม่ อดนอนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เวลาผ่าตัดผมยืนนานกว่านี้อีก” นายแพทย์หนุ่มกล่าวยิ้มๆ เรื่องอดนอนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาชินเสียแล้ว อีกอย่าง เขาอยากคุยกับมัลลิกาให้หายคิดถึงเสียก่อน
“ห่วงจังเลยลูกชายนี่ ที่พ่อไม่เห็นเป็นห่วงแบบนี้บ้างเลย” เสียงบิดาตะโกนกระเซ้า จนอารีต้องรีบแก้ตัว
“พ่อ... แม่ก็เป็นห่วงอยู่... แต่ตาขุนน่ะเพิ่งมาถึงเมืองไทยหมาดๆ นั่งเครื่องมาเกือบเต็มวันเพลียแย่เลย”
“นั่นซิคะพี่ขุน...หลบไปนอนซักงีบดีกว่ามั้ยคะ?” มัลลิกากระซิบถามอายๆ เธอเห็นแววอิดโดรยในดวงตาคู่คมเข้าพอดี
ขุนทัพยิ้มหน้าเป็น เขามองสบนัยน์ตาหวานซึ้งของมัลลิกาตาเป็นมัน
“ถ้ามีพยาบาลคนสวยคอยดูแล พี่ขุนจะยอมหลบไปนอนค่ะ” ขุนทัพเอียงตัวกระซิบตอบ พอให้ได้ยินแค่สองคน แต่มัสยาที่ตะแคงหูฟังอยู่ พลอยได้ยินไปด้วย
“ทำเจ้าชู้กับน้องกับนุ่ง...น่าไม่อายเลยพี่ชายมัส!” สาวแสบตะโกนแซว
“ยัยมัส!” ขุนทัพแยกเขี้ยวใส่ เขาถลึงตาใส่น้องสาว เมื่อเห็นริ้วความอายบนแก้มนวลของมัลลิกา เลยยอมอ่อนไห้
“ไปเถอะๆ ไปพักก่อน อาม่าได้กอดแค่นี้ ก็ชื่นใจแล้วล่ะ” อาม่าโบกมือไล่ ยังมีเวลาอีกแสนนานที่จะได้ชื่นชมหลานชายคนนี้ เมื่อเขากลับมาอยู่แบบถาวร
ขุนทัพหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มตัว เขาชำเรืองมองมัลลิกาและดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะรู้ตัว หล่อนเสหลบตา ก้มหน้ามองพื้นดินเสียอย่างนั้นเอง
“ขุนไปนอนก่อนนะครับอาม่า พ่อ แม่...ปะลิกา พี่มีอะไรจะคุยด้วย”