บทที่ 3
“ข้าไม่ได้แกล้งเอ็งเสียหน่อย ข้ากำลังมอบสิ่งดี ๆ ให้เอ็งต่างหาก ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาเป็นเมียของข้ากันทั้งนั้น มีแต่เอ็งเท่านั้นล่ะที่ไม่ชอบใจ เป็นเมียข้ามันน่าอายตรงไหนงั้นรึ” คนพูดโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ดลจึงรีบซุกใบหน้าที่แผงอกแกร่งเพื่อหาทางหนีทีไล่ มือน้อย ๆ ทั้งสองยังคงกอดคอของอีกฝ่ายไว้แน่น
“อย่าทำอันใดข้าเลย ข้ากลัวแล้ว”
“ถึงแม้ว่าเอ็งจะยังไม่รู้ว่าการเป็นเมียต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง แต่ไม่น่าจะซื่อจนไม่รู้ว่า...เอ็งจะต้องขึ้นเตียงกับข้า แค่หอมแก้มเอ็งยังกลัวถึงเพียงนี้ หากเราได้...”
“ข้ายังไม่พร้อม ไม่ว่าจะอะไรก็ตามยังไม่พร้อมสักอย่าง ขอท่านเจ้าพระยาเมตตาด้วย” ดลรีบกล่าวออกมาแทบไม่หายใจ เรื่องแบบนี้สำหรับเขามันคือสิ่งแปลกใหม่ จู่ ๆ ก็มีบุรุษมาแตะเนื้อต้องตัวใครจะตั้งตัวทัน
“นานแค่ไหน”
“เอ่อ...สามเดือนขอรับ”
“สามเดือน! นี่เอ็งคิดว่าคนอย่างข้าจะรอได้ถึงขนาดนั้นเชียวรึ”
“ถ้าเช่นนั้นสองเดือนได้หรือไม่”
ดลรีบเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาเว้าวอนขอร้องให้อีกฝ่ายเห็นใจ หากทว่าแววตาที่ส่งกลับมานั้นนิ่งเฉย เย้ยหยันว่าเป็นคนอ่อนต่อโลกเสียอย่างนั้น แค่นี้ก็รู้คำตอบที่กำลังจะถูกเอ่ยออกมาแล้ว
“เรื่องบนเตียงข้าให้เวลาเอ็งทำใจได้เพียงแค่สามวัน ส่วนเรื่องอื่นข้าไม่อนุญาตให้เอ็งปฏิเสธแม้แต่น้อย”
“แต่อื้อ...”
กำลังจะตอบโต้กลับไปทว่าร่างหนากลับประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากบางเสียก่อน รสจูบอันร้อนแรงจากท่านเจ้าพระยาถาโถมเข้ามาอย่างไร้ความปรานี มือน้อย ๆ ที่เกาะเกี่ยวคอหนาไว้ถอยร่นลงมาผลักแผงอกแกร่งให้ออกห่าง ใช่ว่าไม่รู้สึกดีแต่หายใจไม่ทันต่างหาก นี่คือจูบแรกในชีวิตและเป็นจูบที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น หากทว่ามันคือจูบที่สร้างความหวามไหวให้หัวใจดวงน้อยสั่นระรัว อีกฝ่ายไม่ได้แค่จูบแต่กำลังสูบเอาเรี่ยวแรงของดลออกไปด้วย จนตอนนี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ขัดขืนแล้ว
มือหนาถูกส่งไปลูบไล้แผ่นหลังบางผ่านผ้าเนื้อดี ราวกับกำลังขับกล่อมให้คนเป็นเมียหลงระเริงกับรสจูบที่มอบให้ เนิ่นนานแล้วที่ริมฝีปากบดเบียดกัน ทว่าเจ้าพระยาพิชัยราชเดชกลับยังคงไม่รู้เบื่อ ไม่อิ่มเอมกับมันสักที ยิ่งได้ลิ้มลองยิ่งหลงใหล ราวกับถูกหนุ่มน้อยผู้นี้ทำเสน่ห์คุณไสยให้ลุ่มหลง อยากจะทำให้มากกว่านี้ แต่ได้ลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะให้ทำใจสามวันเสียก่อน ไม่เช่นนั้นคงได้ทำหน้าที่เมียบนเตียงในค่ำคืนนี้เป็นแน่แท้
เขาจะอดใจรอให้ถึงวันนั้น วันที่จะได้เห็นเรือนกายของดล ได้สัมผัสทุกสัดส่วนอย่างตามใจ เขาไม่ได้แต่งงานกับดลเพียงเพราะต้องการเรื่องอย่างว่า แต่เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เห็นหน้าครั้งแรกก็ถูกชะตาอยากให้มาอยู่ใกล้ ๆ อยากเห็นหน้าทุกวัน นอกเหนือจากว่าคำว่าพรหมลิขิต อีกหนึ่งคำที่จะอธิบายความรู้สึกนี้ได้ดีคือคำว่า...รักแรกพบ
“เอ็งลองคิดดูสิ แค่จูบมันยังทำให้มีความสุขมากถึงเพียงนี้แล้ว หากเป็นอย่างอื่นจะมีความสุขมากแค่ไหน” ร่างหนากล่าวหลังจากผละริมฝีปากออกมาแล้ว รอยยิ้มและสายตาอันเจ้าเล่ห์ทำให้ดลนึกหมั่นไส้ยิ่งนัก เขาคงคิดว่าตัวเองเก่งกาจเรื่องบนเตียงมาก จนทำให้คนอื่นหลงใหลได้อย่างง่ายดายแต่ไม่ใช่สำหรับตนเลย
“ข้าไม่ได้มีความสุขเลย”
“ข้าไม่มีทางเชื่อ เอ็งมีความสุขที่ได้รับรสจูบจากข้า ได้อยู่ในอ้อมกอดข้า”
“ไม่จริง ข้ารู้สึก...” ก่อนจะหลุดปากออกไปเสียก่อน ดลรีบยกมือมาปิดปากไว้ได้ทันเวลา
“รู้สึกอย่างไร” คนถามขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความอยากรู้ซะเต็มประดา
“ข้าไม่กล้าพูดหรอก กลัวว่าจะโดนท่านหาทางแกล้งอีก”
“พูดมาเถิด ข้าไม่ทำอะไรเอ็งแน่นอน ข้าสัญญา”
“แน่นะ”
“แน่สิ”
“ข้ารู้สึก...ขยะแขยงมากกว่ามีความสุข”
“เอ็งนี่มัน!” ได้ยินเช่นนั้นจากใบหน้าที่เปี่ยมสุขกลับบึ้งตึงขึ้นมาทันที ดลรีบพยุงตัวจะลุกออกจากอ้อมกอดของเขา ทว่าอีกฝ่ายกลับรั้งตัวไว้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“ไหนท่านบอกว่าจะไม่ทำอะไรข้าไง คนไม่รักษาสัญญา”
“แล้วข้าทำอะไรเอ็งหรือยัง” คนพูดจ้องเขม็งมองอย่างเป็นต่อ จับข้อมือน้อย ๆ ให้เลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าจนปลายจมูกสัมผัสกับหลังมือเรียว สูดกลิ่นกายอันหอมเป็นเอกลักษณ์เข้าปอดฟอดใหญ่
“เอ็งต้องอยู่ในอ้อมกอดของข้าไปจนกว่าจะถึงเรือน เอ็งจะได้รู้สึกคุ้นชินและไม่ขยะแขยงข้าอย่างใดเล่า หึ ๆ”
เขากล่าวเช่นนั้นแล้วมีหรือที่ดลจะกล้าต่อปากต่อคำอีก ได้แต่นั่งอยู่เงียบ ๆ วางสายตาไว้ที่แผงอกของเขาอย่างนั้น หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำเมื่อได้มีโอกาสอยู่ในอ้อมกอดนี้ ปากก็บอกว่าขยะแขยงหากทว่าความเป็นจริงแล้วรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทำให้มั่นใจว่าหากไปถึงเรือนแล้วเขาจะสามารถปกป้องและดูแลตนได้อย่างแน่นอน