บทที่ 1
ชีวิตหนุ่มน้อยคนหนึ่งกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล กลายเป็นผู้ที่มีหน้ามีตาในเมืองแห่งนี้ในฐานะเมียรองของเจ้าพระยาพิชัยราชเดชผู้ซึ่งมีอำนาจวาสนาเกือบจะสูงสุดในแคว้นสิงขรบุรีแห่งนี้ ถึงจะเป็นเมียรองแต่ก็มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย หากทว่าเขากลับไม่ได้ยินดีกับงานวิวาห์ในครั้งนี้ เพราะไม่ได้มีใจปฏิพัทธิ์ต่อเจ้าพระยาพิชัยราชเดชแม้แต่น้อย เขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับชีวิตตนเอง เมื่อต้องห่างจากครอบครัวอันเป็นที่รักเข้าไปอยู่ในเรือนซึ่งไม่คุ้นเคย รวมถึงผู้คนในนั้นจะดีหรือร้ายก็หารู้ไม่
วันนี้เป็นวันที่ดลรู้สึกใจหายนั่นเพราะจะต้องย้ายไปอยู่ในเรือนเจ้าพระยาพิชัยราชเดชแล้ว หลังจากพิธีวิวาห์ได้ผ่านพ้นไปในช่วงเช้าอย่างเอิกเกริกและใหญ่โตสมเกียรติ ส่วนการเข้าเรือนหอนั้นต้องไปที่เรือนของผู้เป็นสามี คนเป็นมารดาอย่างคุณหญิงวาดแก้วก็ได้แต่พูดปลอบใจบุตรชายเพียงเท่านั้น
“คุณหญิงแม่...ลูกไม่อยากไปอยู่ในเรือนหลังนั้นเลยขอรับ”
“แม่เข้าใจ แต่มันคือโอกาสดี ๆ ของลูกแล้ว การที่ท่านเจ้าพระยามีเมตตาต่อลูกเช่นนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ จงภูมิใจและรับใช้ท่านให้ดีที่สุด เพียงแค่นั้นลูกก็จะสามารถอยู่ในเรือนหลังนั้นได้อย่างสุขสบายแล้ว”
“แต่ลูกไม่ต้องการความสุขสบาย ลูกต้องการอยู่กับทุกคนที่นี่ เปลวกับปั้นได้เข้ามาอยู่ในเรือนเราแล้วแท้ ๆ แต่ลูกต้องออกไปอยู่ที่อื่น มันช่างเป็นอะไรที่ไม่ยุติธรรมเสียเลยขอรับ” กล่าวด้วยสีหน้าเศร้า หน่วยตาคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ ที่กำลังจะพังครืนลงมาในไม่ช้า
“โลกใบนี้ไม่มีเรื่องอันใดที่ยุติธรรมเสมอไปดอกหนา ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วมิใช่เด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนที่จะร้องไห้งอแงเมื่อใดก็ได้ ลูกต้องอดทนให้มาก ๆ อย่าได้ร้องไห้ต่อหน้าสามีของลูกเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่ ผ้าผืนนี้แม่ตั้งใจปักเอาไว้ให้ลูกในวันออกเรือน แม่จะมอบให้ลูกไว้ดูเป็นต่างหน้าเวลาคิดถึงแม่อย่างใดเล่า”
“ขอบพระคุณขอรับคุณหญิงแม่ ลูกจะอดทนให้มาก ๆ เพื่อคุณหญิงแม่ขอรับ”
“เพื่อตัวลูกเองต่างหากเล่า”
คุณหญิงวาดแก้วมอบผ้าสีขาวผืนขนาดกลาง ๆ ที่ใช้ด้ายสีเหลืองทองปักเป็นลวดลายนกยูงสองตัวกำลังเคียงคู่กัน ดลรับมาแล้วส่งยิ้มให้มารดา น้ำตาไหลบ่าลงอาบสองแก้ม จากนั้นสองแม่ลูกก็กอดกันอย่างแนบแน่น
ตอนนี้เจ้าพระยาพิชัยราชเดชยืนสนทนากับพี่ชายของภรรยาอย่างออกรส พระยาพิชิตพลเดชาได้ฝากฝังให้อีกฝ่ายดูแลน้องชายให้ดี หากมีเรื่องใดที่ทำผิดก็ขอให้เมตตาเพราะดลยังเด็กนัก ท่านเจ้าพระยารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะนั่นทำให้คนเป็นพี่ชายอุ่นใจ
เมื่อเห็นภรรยาคนใหม่ของตนเดินมาพร้อมกับมารดาก็ส่งยิ้มให้ แต่ทว่าสีหน้าของดลไม่รับแขกเลยสักนิด ถึงกระนั้นก็ยังคงยิ้มต่อไปเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายยังขุ่นเคืองที่มัดมือชกในการแต่งงานครั้งนี้
“พร้อมแล้วใช่หรือไม่”
“...” คนเป็นภรรยาไม่ยอมปริปากใด ๆ คุณหญิงวาดแก้วจึงต้องตอบแทนลูกชาย
“ทุกอย่างพร้อมแล้ว ยังไงก็ฝากเจ้าดลมันด้วยนะท่านเจ้าพระยา หากมันทำอันใดไม่ถูกไม่ควรท่านเจ้าพระยาก็สั่งสอนมันด้วย”
“ข้าจะดูแลดลเป็นอย่างดีขอรับ คุณหญิงแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ข้าเองก็ต้องฝากน้องชายด้วย เจ้าดลอาจจะยังไม่คุ้นชินกับชีวิตในเรือนหลังใหม่ หากทำอันใดมิควรท่านเจ้าพระยาได้โปรดเมตตามันด้วยนะขอรับ”
“รับรองว่าข้าจะดูแลดลให้ดีที่สุดพวกท่านอย่าได้เป็นกังวลอันใด” สายตาคมของท่านเจ้าพระยาจับจ้องมองใบหน้างามของภรรยาคนใหม่ ทว่าดลไม่ยอมสบตาแม้แต่สักครั้ง
หนุ่มน้อยที่เคยปากเก่งคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ
“ขอบพระคุณขอรับ”
“ว่าแต่...เอ็งไม่มีอะไรจะเอ่ยกับข้าเลยงั้นหรือ”
คนพูดเดินมายืนอยู่ตรงหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นดลก็เงยหน้าขึ้นช้า ๆ จนได้สบตากัน คราวก่อนเขาคิดแค่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพียงหมอหลวง แม้ที่จริงแล้วเป็นถึงเจ้าพระยา ผู้ซึ่งมีอำนาจเกือบสูงสุดในดินแดนแคว้นนี้ จากที่มิเคยเกรงกลัวกลายเป็นกลัวจนแทบไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำใด แม้แต่จะสบตาก็ไม่กล้า
“เอ่อ...ไม่มีขอรับ”
“มิเป็นไร เรายังมีโอกาสทำความรู้จักกันอีกนาน”
คนพูดส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้ แววตาคมฉายแววแห่งความหื่นกระหายออกมา แค่สายตาที่มองก็รู้สึกได้ถึงเพียงนี้ หากอยู่ด้วยกันสองต่อสองจะขนาดไหน ดลได้แต่คิดในใจ
ก่อนจะเดินทางไปเปลวได้ดึงตัวสหายรักแยกมาเพื่อเอ่ยคำร่ำลา ปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่ยืนสนทนากันรอครู่หนึ่ง