บทที่ 4
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงเรือนของท่านเจ้าพระยา ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางกว่าเรือนเดิมของดลมากมายนัก มีบ่าวรับใช้จำนวนหลายสิบคนทำงานสวนอย่างขะมักเขม้น เมื่อเห็นรถม้าเคลื่นล้อเข้ามาก็นั่งคุกเข่าประนมมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของเรือนตามสถานะทางชนชั้น
เรือนที่พักของดลนั้นไม่ได้อยู่ในเรือนใหญ่ ท่านเจ้าพระยาได้ตระเตรียมเอาไว้ให้เป็นเรือนหลังขนาดกลางซึ่งอยู่ห่างจากเรือนใหญ่พอประมาณ เรือนหลังนี้มีชื่อเรียกว่า ‘เรือนสมปรารถนา’ เคยเป็นที่พักของเมียบ่าวท่านเจ้าพระยา หากทว่าตอนนี้นางได้สิ้นชีวิตลงเมื่อครั้งขณะกำลังคลอดลูก วันเวลาผันผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็นานหลายปี เรือนแห่งนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อไม่นาน เพื่อต้อนรับภรรยาคนใหม่ของท่านเจ้าพระยา
ถึงแม้รถม้าจะเคลื่อนล้อมาหยุดที่หน้าเรือนแล้ว ทว่าท่านเจ้าพระยากลับยังไม่ยอมปล่อยให้ดลเป็นอิสระ จนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อประท้วงให้ปล่อยตัว เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี หรี่ตาลงมองภรรยาที่อยู่ในอ้อมอก
“ปล่อยข้าได้แล้ว”
“หากข้าไม่ปล่อย เอ็งจะทำอะไรข้างั้นรึ”
“ก็สุดแล้วแต่ท่านเจ้าพระยา ข้าไม่อาจขัดคำสั่งได้อยู่แล้วนี่”
“เอ็งงอนข้ารึ”
“เปล่าขอรับ ข้าแค่รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น”
“เอาล่ะ ๆ ข้าไม่แกล้งเอ็งแล้ว รีบลงไปกันเถิด ถึงเรือนของเอ็งแล้ว”
“เรือนของข้า?” เมื่อได้ยินอย่างนั้นดลก็ทำหน้าประหลาดใจ
“ใช่ เรือนนี้ข้ามอบให้เอ็งเพื่อเป็นของขวัญต้อนรับ ลงไปกันเถิด หากมีอะไรต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจะได้รีบบอก”
“ขอรับ”
เมื่อลงจากรถม้าแล้วดลก็พบกับสิ่งที่น่าตื่นตา เรือนแห่งนี้ดูใหญ่โตยิ่งกว่าเรือนที่อาศัยมาตั้งแต่เด็กเสียอีก มันใหญ่เกินไปสำหรับตัวเขาเอง แต่คงปฏิเสธอะไรไม่ได้เพราะมันคือคำสั่งของท่านเจ้าพระยา นอกจากเรือนหลังใหญ่โตแล้ว ยังมีบรรดาบ่าวที่ท่านเจ้าพระยาจัดเตรียมไว้ดูแลรับใช้จำนวนหนึ่ง ดูเหมือนว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมมาเป็นอย่างดีจนรู้สึกประทับใจ
ภายในเรือนถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม ท่านเจ้าพระยาพาภรรยาคนใหม่เดินชมส่วนต่าง ๆ ภายในและทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำด้วยตัวเอง โดยมีบรรดาบ่าวรับใช้เดินตามหลังมาเป็นพรวน ดลยังรู้สึกเกร็ง ๆ ทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกย่างก้าวของตนมีสายตานับสิบคู่จับจ้องตลอดเวลาเช่นนี้
“พวกเอ็งออกไปก่อน ข้าจะอยู่กับเมียข้าเพียงลำพัง”
“ขอรับ / เจ้าค่ะ”
เมื่อบรรดาบ่าวรับใช้ออกไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงคนทั้งสองภายในเรือน เมื่ออยู่กันเพียงสองคนดลก็ทำตัวไม่ถูก อีกฝ่ายเอาแต่จ้องมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ราวกับต้องการสิ่งใดจากตน
“เอ็งต้องการให้ปรับเปลี่ยนตรงส่วนไหนหรือไม่”
“ทุกอย่างดีอยู่แล้วขอรับ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอันใด”
“ข้าเข้าใจว่าเอ็งอาจจะยังไม่คุ้นชินกับการนอนที่นี่ หากเอ็งต้องการให้ข้ามานอนด้วยข้ายินดีนะ”
“ข้านอนคนเดียวได้ขอรับ” เจ้าตัวรีบตอบกลับไปทันที ทำเอาท่านเจ้าพระยาถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่
“เอ็งกลัวอะไรงั้นรึ”
“เปล่า ข้าแค่ไม่อยากรบกวนท่านเจ้าพระยาเท่านั้นเอง”
“ไม่จริง เอ็งกลัวว่าข้าจะทำอะไรเอ็ง”
“ข้าไม่ได้กลัว”
“เอ็งพูดแล้วนะว่าไม่ได้กลัว เป็นเช่นนี้แล้วเมื่อครบสามวันข้าจะมาทวงคำสัญญา ในระหว่างนี้ข้าจะให้แม่ลำดวนมาช่วยสอนกฎระเบียบของการอยู่ในเรือนหลังนี้ หวังว่าเอ็งจะเรียนรู้การเป็นเมียของข้าได้ในเร็ววัน”
“แม่ลำดวนเป็นใครหรือขอรับ”
“แม่ลำดวนเป็นแม่นมของข้า เป็นคนเก่าแก่ของเรือนนี้ เอ็งต้องให้ความเคารพนางด้วยเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
“ข้าเพิ่งรู้ว่าเอ็งเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ๆ เยี่ยงนี้ด้วย” คนพูดยิ้มอย่างเอ็นดูภรรยาคนใหม่
ดลทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกอีกฝ่ายพูดจาประชดประชัน “ข้ามีอีกหนึ่งคำถาม”
“ถามมาสิ” คนพูดกอดอกเดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ สายตาคมคู่นั้นจ้องมองมาตลอดเวลา เห็นอย่างนั้นดลก็ถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยเช่นกัน
“เพราะเหตุใดท่านจึงเลือกที่จะมาสู่ขอข้า ทั้งที่เราเพิ่งจะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว”
“ข้าเคยมีเมียมาหลายต่อหลายคนแต่ก็ล้มหายตายจากไปกันหมด จึงไม่อยากจะรับใครมาเป็นเมียอีก ตอนนี้ก็มีเพียงแค่แม่ชมนาด แต่เอ็งเป็นอีกหนึ่งคนที่ข้ารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ ข้าได้ปรึกษากับแม่ชมนาดแล้วว่าอยากได้เอ็งมาเป็นเมียอีกคน และที่สำคัญเอ็งยังเป็นน้องชายของพระยาพิชิตพลเดชาผู้เก่งกาจเชี่ยวชาญในการศึก การมีเอ็งเข้ามานั่นทำให้อำนาจในมือข้ามั่นคงยิ่งขึ้นอย่างใดเล่า”