๑ เจ้าบ่าวชั่วคราว (๑)
๑
เจ้าบ่าวชั่วคราว
เพนส์เฮาส์สุดหรูที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวบนพื้นที่ทำเลทองติดแม่น้ำเจ้าพระยาได้ต้อนรับแขกกิตติมศักดิ์ แม้ท้องฟ้าข้างนอกจะมืดครึ้มฝนทำท่าว่าจะตกและนาทีต่อมาสายฝนก็กระหน่ำลงอย่างบ้าระห่ำ คาดว่าคืนนี้น้ำคงท้วมหน้าคอนโดมิเนียมอีกเช่นเคย
ทว่าเดี๋ยวนี้ถึงน้ำจะท่วมแต่ก็ลดลงเร็ว มีการจัดการที่ดีจากผู้ว่าราชการจึงไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ เจ้าของห้องหันกลับมาสนใจน้องชายที่เอาแต่นั่งหน้าอมทุกข์ไม่พูดจาเกือบสิบนาที เพิ่งกลับมาจากคุยงานที่ต่างประเทศได้นอนไม่ถึงสามชั่วโมงก็ถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู
ที่พักของเขามีการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างสูงทั้งยังมีลิฟต์ส่วนตัวที่เปิดหน้าห้อง คนที่จะขึ้นมาได้มีเพียงคนในครอบครัวและเลขานุการส่วนตัวเท่านั้น หากเป็นคนอื่นที่มาขอพบทำได้เพียงรออยู่ข้างล่าง
“น้ำ กาแฟหรือเบียร์” นั่งมองคนอายุน้อยกว่ามาสักพัก ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยประโยคใดออกมาสักคำ เขาจึงเลือกลุกยืนแล้วเดินไปโซนเครื่องดื่มไม่ลืมหันมาถามคนที่เอาแต่เงียบ ถึงน้องไม่ตอบเขาก็รู้ว่าตัวเองจะต้องหยิบอะไร
“เบียร์”
พยักหน้ารับทราบ หยิบเบียร์มาสี่กระป๋องและคิดว่าอาจจะไม่พอ ดูเหมือนพุฒจะมีเรื่องให้เล่าทั้งคืนเพื่อคลายความกลัดกลุ้ม แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน
พริศ พฤทธิ์สาธรเป็นพี่ชายที่เติบโตมาด้วยกัน พ่อแม่ของชายหนุ่มเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตั้งแต่อีกฝ่ายอายุได้สิบเป็ดปี ไม่หลงเหลือญาติพี่น้องที่ไหนจึงได้ครอบครัวของพุฒอุปการะจนเรียนจบ กลายเป็นหนึ่งในครอบครัวดณุสรเดชาไปโดยปริยาย
ความเก่งกาจของเขาทำให้สามารถดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารของบริษัทอย่างง่ายดายในอายุเพียงแค่สามสิบสี่ปี คุณชยันต์เอ็นดูหลานชายคนนี้มากแม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันก็ตาม เห็นถึงความเด็ดขาดและมุ่งมานะก็ทำให้นึกถึงตนตอนเข้ามาสานต่อกิจการของครอบครัว
จนบางครั้งพุฒยังนึกน้อยใจที่ปู่ชื่นชมพริศมากกว่าตนที่เป็นหลานชายซะอีก
แต่ความคิดเหล่านั้นก็เลือนหาย เพราะคนเป็นพี่วางตนเอาไว้ให้ต่ำกว่าน้องเสมอ เขารู้ดีว่าถึงแม้ในอดีตพ่อกับแม่จะสนิทสนมกับคุณวิศรุต ดณุสรเดชามากเพียงใด ทว่าตนก็ไม่ใช่หลานที่แท้จริง งานที่ทำตอนนี้ก็เพื่อปูทางให้พุฒมาดำรงตำแหน่งในสักวัน
“พร้อมจะเล่าหรือยัง” เปิดฝากระป๋องพลางเอนกายพิงพนักโซฟาตัวนิ่ม พยายามข่มความง่วงของตัวเองเอาไว้ ยิ่งบรรยากาศชวนง่วงแบบนี้ไม่รู้ว่าเขาจะฟังน้องได้นานแค่ไหน โชคดีที่ผนังห้องค่อนข้างหนาจึงไม่มีเสียงฝนมารบกวน เห็นเพียงการโปรยของเม็ดฝนขนาดใหญ่ที่ร่วงลงพื้นก็เท่านั้น
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้องคล้ายกำลังจะหลับ เหนื่อยจากงานที่ทำเป็นอย่างมาก ยิ่งช่วงนี้เขาต้องรับผิดชอบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ไหนจะงานต้องคั่งค้างต้องเคลียร์ให้เสร็จ หัวหมุนทุกวันมีเวลานอนแค่สี่ถึงห้าชั่วโมงต่อวันเท่านั้น
“ผมต้องแต่งงานกับมินนี่” เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เขาตื่นทันที ดวงตาเบิกกว้างแจ่มใสไม่มีอาการของคนง่วงงุนเหมือนเมื่อครู่สักนิด
แต่งงาน...หมายความว่ายังไง
เขาพอจะทราบว่าคนในครอบครัวอยากให้พุฒลงเอยกับมินทิรา แต่ไม่เห็นน้องชายจะมีใจให้ฝ่ายหญิงสักนิด มีเรื่องอะไรที่ตนยังไม่ทราบหรือเปล่า พริศทำได้เพียงสงสัยแล้วค่อยตะล่อมถาม เบียร์ในมือถูกวางไว้บนโต๊ะกระจกที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้สนใจเครื่องดื่มใดนอกจากมองหน้าของคนอายุน้อยกว่าเพื่อสังเกตความรู้สึก
“เป็นแฟนกันตอนไหน”
“เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมคิดกับมินนี่แค่น้องสาว...พี่ก็รู้ว่าผมรักเตย”
ใช่...เขารู้ดีเลยล่ะ
ตนกลายเป็นที่ปรึกษาให้กับพุฒเรื่องความรัก เรียกได้ว่าอีกฝ่ายค่อนข้างคลั่งรักเป็นอย่างมาก เล่าความในใจที่มีต่อพรรณรมณให้ตนฟังจนหมด ซึ่งความเป็นพี่ก็ทำได้แค่พยักหน้าไปขณะเป็นผู้ฟังที่ดีก็เท่านั้น
“ถ้านายรักคนพี่ทำไมต้องแต่งงานกับคนน้อง”
“คุณปู่บังคับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที
เขาเชื่อว่าคุณชยันต์ไม่ไร้เหตุผลขนาดจะบังคับหลานชายของตัวเองให้แต่งงานทั้งที่ฝ่ายหญิงเพิ่งเรียนและรับปริญญาได้ไม่นาน ยังไม่ทันจะถามต่อก็ได้รับคำตอบในทันที
“วันที่พี่ไปคุยงานอยู่อิตาลีแล้วไม่ได้ไปงานเลี้ยงรับปริญญาของมินนี่รู้ไหมว่าพลาดข่าวใหญ่ อึก” ดื่มแอลกอฮอล์ลงคออึกใหญ่ จนคนที่ตั้งใจฟังนึกรำคาญอยากให้รีบเล่ามากกว่า
เขาไปอิตาลีครั้งนี้ก็เพื่อพูดคุยธุรกิจ อยากนำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเข้าไปขาย ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเซ็นสัญญากันเรียบร้อย นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ตนไม่ได้ไปงานฉลองรับปริญญาของน้องสาวที่เห็นกันมาแต่เด็ก
เขานึกเสียดายแต่รู้ดีว่าเจ้าตัวคงจะโล่งใจที่ไม่เห็นกัน...
“เล่ามาสิ” เร่งทันทีเมื่อพุฒเงียบไป อยากรู้เรื่องราวทุกอย่างโดยเร็ว ก้นแทบจะไม่ติดเบาะเสียด้วยซ้ำ ท่าทีแปลกของพี่ชายไม่ได้อยู่ในสายตาของคนที่ตกในห้วงความเสียใจสักนิด เขากำลังเหม่อลอยไปถึงวันที่เกิดเรื่อง
“มินนี่มาเห็นตอนที่ผมบอกรักเตยพอดี เลยร้องไห้โวยวายจนคนในบ้านต้องจัดการทุกอย่างตามใจแม่เจ้าประคุณ ปู่เข้าไปคุยนานสองนานออกมาก็ไม่มีทีท่าจะว่าอะไร ผมนึกว่าจัดการทุกอย่างได้แล้วจนวันนี้คุณพ่อเพิ่งมาบอกให้ผมแต่งงานกับมินนี่” นึกแล้วก็ทำให้โกรธหญิงสาวที่เป็นตัวต้นเรื่อง
หากมินทิราจะยอมรับความจริงแล้วปล่อยพวกเขาคบกัน เรื่องมันคงไม่วุ่นวายเช่นนี้ แต่หญิงสาวกลับยืนกรานจะแยกพวกตน ทั้งยังบังคับให้เขาแต่งงานด้วยอีกต่างหาก ผู้หญิงอะไรหน้าไม่อายเสียจริง โกรธจนเผลอกำกระป๋องที่ไร้ซึ่งน้ำสีอำพันจนมันบี้แบน
“บ้าไปกันใหญ่แล้ว ไม่ได้รักจะให้แต่งงานกันได้ยังไง” โวยวายเสียงดังพลางกุมขมับ ตอนนี้พุฒมืดแปดด้านไม่รู้จะทำเช่นไร
เขาไม่เคยนอกลู่นอกทางและทำตามความต้องการของครอบครัวมาโดยตลอด มีเพียงเรื่องความรักที่อยากเลือกเอง แต่ทุกคนก็เข้ามาบงการชีวิตจนตอนนี้ร่างสูงรู้สึกเหมือนตนเองถูกขังอยู่ในห้องแคบที่มืดสนิท
มองไม่เห็นแสดงสว่างเลยสักนิด...
กระทั่งมือแสนอบอุ่นของพี่ชายวางลงบนบ่า พร้อมเสียงทุ้มที่พยายามปลอบใจสุดความสามารถ
“ใจเย็น”
“พี่ก็ใจเย็นได้สิ พี่ไม่ใช่ผมที่ต้องแต่งงานกับมินนี่!” น็อตหลุดอีกครั้งแล้วปัดมือหนาออก จนเห็นสายตาปรามของอีกฝ่ายจึงรู้ว่าตนกำลังทำผิด แต่ไม่มีอารมณ์มาขอโทษนอกจากหยิบเบียร์อีกกระป๋องมาเปิดแล้วดื่มรวดเดียวหมด
เห็นท่าทีของน้องชายก็นึกเป็นห่วง เขานิ่งไปสักพักแล้วค่อยตะล่อมถาม เริ่มคิดแผนการบางอย่างตามประสาคนชอบวางแผน
เพราะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนมีเพียงครอบครัวดณุสรเดชาที่คอยดูแล และไม่รู้ว่าวันไหนตนจะถูกทิ้ง ชีวิตของเขาจึงต้องมีแผนมารองรับความเสี่ยงทุกอย่าง ไม่ว่าจะการเรียนหรือการใช้ชีวิตจนกระทั่งการทำงาน ล้วนเกิดจากความคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนของชายหนุ่ม
ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเก็บเงินได้มากพอจะซื้อเพนส์เฮาส์แห่งนี้ก็ย้ายออกมาอยู่คนเดียว ค่อยกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านบ้างตามแต่ท่านจะเรียก
เขารู้ดีว่าบุญคุณของท่านท่วมหัวแค่ไหน จึงพยายามตอบแทนด้วยการพาบริษัทให้เจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ทำกำไรปีที่แล้วไปเกือบพันล้าน สร้างความภาคภูมิใจให้คุณชยันต์เป็นอย่างมากจนเอ่ยปากชมหลานคนนี้ไม่หยุด
อยากให้มาใช้นามสกุลเดียวกันแต่เขาก็เลือกใช้นามสกุลเดิมของตัวเอง...เพื่อระลึกถึงบุพการีที่จากไปอยู่เสมอ
“เด็กคนนั้นนิสัยไม่ดีเหรอนายถึงไม่รัก”
“ความรักน่ะพี่พริศ...มันไม่ได้วัดกันที่ความดีสักหน่อย” บอกอย่างเหนื่อยล้า เอนกายพิงพนักโซฟาแล้วดื่มแอลกอฮอล์จนหมด ค่อยหยิบกระป๋องสุดท้ายมาเปิด
ร่างหนาพยักหน้าเข้าใจ จริงอย่างที่น้องชายว่านั่นแหละ ความรักไม่ได้วัดกันที่ความดี ต่อให้มีคนดีเข้ามาหามากมายแค่ไหนแต่หากไม่มีใจปฏิพัทธ์ก็ไม่มีประโยชน์