บทนำ๒
ไม่อยากเห็นมือของเขาที่กอบกุมมือพี่สาวตน จึงเข้าไปแกะมันออกแต่กลายเป็นว่าพุฒจับมือของคนรักแน่นกว่าเดิม แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวว่าเขาจะไม่ยอมคนตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว
“ทำไมพี่เตยทำแบบนี้ เป็นพี่ทำไมถึงแย่งแฟนน้อง พี่เตยนิสัยไม่ดี! คนหน้าด้าน!” หันมาโวยวายใส่พี่สาวอย่างเหลืออด พยายามเข้าไปทำร้ายพรรณรมณจนชายหนุ่มต้องดึงคนรักให้มายืนข้างหลัง พร้อมเอาตัวเป็นกำบังแล้วผลักคนที่กำลังเสียสติให้ออกห่าง แต่ไม่คิดว่าหญิงสาวจะสะดุดขาตัวเองแล้วล้มลงบนพื้น
“หยุดนะมินนี่!”
“โอ๊ย”
พอดีกับที่ทุกคนมารวมตัวกันอย่างตื่นตระหนก กรวีร์เข้ามาประคองน้องสาวให้ลุกจากพื้น พร้อมปัดเศษหญ้าเศษดินออกจากกระโปรงของมินทิรา สำรวจใบหน้าหวานซึ่งมีแต่คราบน้ำตาเปื้อนแก้มนวลก็นึกสงสาร ก่อนเงยหน้ามองชายหญิงที่ยืนเคียงกัน
เขาพอจะเดาเหตุการณ์ตรงหน้าได้แล้ว...
“เกิดอะไรขึ้น!” ผู้อาวุโสของบ้านตะโกนถามเสียงดังเมื่อแก้วตาดวงใจถูกทำร้าย
ทุกคนต่างรู้ดีว่าคุณปู่ณฐพงศ์รักหลานสาวคนเล็กมากเพียงใด เฝ้าประคบประหงมตั้งแต่เด็ก เลี้ยงดูราวไข่ในหินไม่เคยให้มีเรื่องใดมากระทบ แต่คราวนี้สาวน้อยกลับโดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ มีหรือที่ท่านจะอยู่เฉยได้
“พี่กรช่วยหนูด้วย พี่พุฒบอกว่าไม่รักหนู พี่พุฒบอกรักพี่เตย ฮือ ไม่เอาแบบนี้ ไม่เอาแบบนี้นะพี่กร พี่พุฒต้องรักหนู ไม่ให้รักคนอื่น” กอดพี่ชายเอาไว้แน่นเหมือนต้องการหาที่พึ่ง พลางปล่อยโฮอย่างไม่อายใครแล้วจ้องมองชายหญิงที่จับมือกันไม่ยอมปล่อย
ทั้งโมโห โกรธและเสียใจ...
แต่ความรู้สึกที่ชัดที่สุดน่าจะเป็นโมโหที่ถูกพี่สาวซึ่งตนรักและไว้ใจหักหลังกันอย่างเลือดเย็น จึงจดจ้องพรรณรมณไม่วางตา
“ใจเย็นนะมินนี่” คนอายุมากกว่าไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี
“คุณปู่ขา คุณย่าขา ต้องช่วยหนูนะคะ หนูรักพี่พุฒ...” พอรู้ว่ากรวีร์ไม่น่าจะช่วยอะไรตัวเองได้ จึงรีบผละออกแล้วเดินไปหาประมุขของบ้านด้วยเสียงอ้อนวอน เธอหาพรรคพวกให้ตัวเองและเชื่อว่าท่านต้องตามใจอย่างแน่นอน
“ชยันต์ ฉันว่าเราคุยกันหน่อยไหม” และก็ไม่ผิดหวังที่คุณณฐพงศ์หันไปมองเพื่อนสนิท เอ่ยเสียงเรียบแต่แววตากลับแข็งกร้าว โกรธที่หลานชายของอีกฝ่ายกำลังทำให้หลานสุดที่รักของตนเสียใจ
“คุณปู่ครับ...” พุฒใจหายเมื่อปู่ของตนทำเพียงแค่ปรายตากลับมามอง เขายิ่งกระชับมือของคนรักแน่นกว่าเดิม รู้สึกวูบโหวงในอกยามไล่สายตาจ้องมองคนที่กำลังจ้องตน โดยเฉพาะบุพการีที่มองเขาเหมือนจะกล่าวโทษ
ทั้งที่พุฒมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ความรักมันห้ามกันได้เสียที่ไหน...เขารักพรรณรมณ
ไม่ใช่มินทิรา...
“ฮือ พี่กร...” นิสิตที่เพิ่งได้รับใบปริญญามาหมาดๆ ร้องไห้กอดพี่ชายเอาไว้แน่นยามมองภาพบาดตาตรงหน้า
เรื่องมันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร เชื่อมั่นมาตลอดว่าเป็นคนที่ฝ่ายชายรัก แล้วเหตุใดเขาถึงได้ไปคบกับพี่สาวของตน ทั้งยังออกหน้าปกป้องเต็มที่อีกต่างหาก จนเธอนึกอิจฉาถึงขั้นอยากเอาชนะ
ไม่ว่าอย่างไร...พี่พุฒก็ต้องเป็นของหล่อนคนเดียว!
ผ่านไปสองวันแล้วที่ร่างบางขังตัวเองอยู่ในห้องนอนตลอดเวลา ซุกกายใต้ผ้าห่มผืนหนาไม่ยอมแตะอาหารที่มารดานำเข้ามาให้แม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่จิบน้ำพอเป็นพิธี ทั้งที่ตนรู้สึกหิวก็พยายามอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
เชื่อว่าอย่างไรทุกคนก็ต้องตามใจยอมให้เธอคบกับพุฒอย่างแน่นอน
มาถึงวินาทีนี้เธอไม่อาจถอยกลับได้แล้ว พี่สาวหักหลังอย่างเลือดเย็น ชายผู้เป็นที่รักก็ทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจ เธอจึงไม่อาจปล่อยคนทั้งสองให้มีความสุขได้ ยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว กำลังจะพรากความรักของพี่สาว
แต่เธอก็คิดว่าตนอยู่ไม่ได้เช่นกันหากไม่มีเขา...
“กินอะไรหน่อยไหมลูก” คุณณหทัยเดินเข้ามาในห้องนอนของบุตรสาวพร้อมกับให้แม่บ้านยกถาดอาหารไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของหล่อน นั่งลงที่ปลายเตียงแล้วมองใบหน้าหวานที่ซูบตอบด้วยใจเจ็บปวด
ความสดใสของมินทิราหายไปตั้งแต่วันที่รู้ว่าพุฒคบกับพี่สาว กลายเป็นคนเก็บตัวไม่พูดคุย ถามคำตอบคำต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับเหว คนทั้งบ้านต่างร้อนใจเพราะคุณณฐพงศ์ไม่บอกอะไรสักอย่างว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้
“หนูไม่หิว” บอกเสียงเบาพลางหลับตาลง คล้ายต้องการไล่ให้ทุกคนออกไปจากห้อง
“แต่หนูขังตัวเองในห้องได้สองวันแล้วนะ กินกับข้าวก็นิดเดียวทั้งที่แม่อุตส่าห์ทำให้แท้ๆ แม่เองก็น้อยใจเหมือนกันนะ” พยายามหว่านล้อมด้วยการลุกไปหยิบถาดอาหารมาไว้ตรงหน้าคนที่นอนนิ่ง พอดีกับคุณปัทมวรรณเข้ามาในห้องเพื่อดูอาการของหลานสาว
“หนูกินก็ได้ค่ะ” ยอมแต่โดยดีจนทุกคนยิ้มแก้มปริ เรือนร่างแบบบางลุกนั่งอย่างคนอ่อนแรง มองอาหารตรงหน้าด้วยความหิวเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเกือบสองวันแล้ว ใช้น้ำดื่มประทังความหิวไปพลางเพื่อเป็นการประท้วง
แต่ตอนนี้คงจะใช้ไม่ได้ผล...ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน
“แม่ขา...หนูรักพี่พุฒจริงๆ นะ หนูรักเขา...” ตักอาหารเข้าปากเพียงคำเดียวก็ร้องไห้โฮ คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งสงสาร วางถาดอาหารเอาไว้แล้วตรงเข้ากอดลูกสาวที่ในสายตายังเป็นหนูน้อยของแม่เหมือนเดิม
“โธ่ลูกแม่”
“หลานย่าไม่ร้องนะลูก...ยังไงย่าก็จะทำให้หนูมีความสุขที่สุด” คุณปัทมวรรณเองก็เข้ามาลูบไหล่บางแล้วบอกเพื่อให้คนตรอมใจคลายความหนักอึ้งในอกได้บ้าง เมื่อคืนคุยกับสามีแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
สงสัยคงต้องเด็ดขาดแล้วล่ะ...
เย็นวันนั้นที่บ้านหลังงามยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศแสนอึมครึม พรรณรมณกลับจากทำงานก็ตรงเข้าห้องนอนของตัวเอง ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนั่งมองกระจกนิ่ง สำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วนพลางยกหวีของแปรงผมจนเรียบเงา
หน้าผากโหนกนูน คิ้วโก่งสวย ดวงตากลมโตล้อมรอบด้วยขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งได้รูปปลายเชิดเล็กน้อย ปากอวบอิ่มตามแบบฉบับสาวนิยมโดยไม่ต้องเข้าคลินิกให้หมอช่วย ผมดำขลับยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวผ่องเนียนใส
รูปลักษณ์ของเธอสวยชวนมองสะกดสายตา...มั่นใจอย่างนั้นมาโดยตลอด
แล้วเหตุใด...ทำไมเขาถึงได้...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แม่เข้าไปได้ไหมลูก” ความคิดหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอลุกจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินไปปลดล็อค เปิดให้คนข้างนอกได้เข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาสักนิด
“ค่ะคุณแม่”
คนทั้งบ้านคุยกับเธอนับคำได้ราวกับว่าตนเป็นคนผิดที่แย่งผู้ชายของน้อง ทั้งที่ความจริงแล้วเราสองคนเป็นแฟนกัน หากจะถามหาคนผิดก็ควรเป็นมินทิราไม่ใช่หรือที่เข้ามาแทรกกลาง แล้วเหตุใดทุกคนจึงโยนบาปมาให้หล่อน
“เตย...แม่ถามจริงๆ นะ ยกพุฒให้น้องได้ไหม” คุณณหทัยนั่งลงที่โซฟาปลายเตียง สูดลมหายใจลึกแล้วพูดเรื่องสำคัญที่ไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วน แม้จะรู้สึกผิดกับคนตรงหน้ามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าความรักที่มีให้ลูกสาวคนเล็กกลับมากกว่า
หล่อนเผยอปากค้างไม่คิดว่าท่านจะมาคุยเรื่องนี้ หัวใจของหญิงสาวเจ็บปวดยามจ้องมองคนตรงหน้า ทำได้แค่ครางเรียกชื่อมารดาเสียงแผ่ว
“คุณแม่”
“แม่ขอโทษที่ต้องถามแบบนี้ แม่รู้ว่ามันไม่ถูกต้องจะพรากความรักของลูก แต่แม่ก็สงสารน้อง...เตยก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าน้องไม่ยอมกินข้าวกินปลาเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน ถือว่าช่วยน้องเถอะนะลูก” คว้ามือบางมากุมเอาไว้ อ้อนวอนอีกครั้งยามนึกถึงสภาพของนิสิตสาวที่ควรจะมีความสุขหลังเรียนจบ กลับต้องมาจมอยู่ในความทุกข์ที่รักไม่สมหวัง
ทว่าการมาขอโดยตรงอย่างนี้ ยิ่งทำให้พรรณรมณแน่ชัดกับหัวใจถึงความจริงบางอย่าง ไม่ว่าเธอจะเพียรพยายามเป็นคนเก่งแค่ไหน หรือทำดีมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยทำให้คนที่บ้านเวศน์สุวรรณวงศ์รักได้เลย
“คุณแม่เคยรักหนูบ้างไหมคะ หรือคุณแม่รักแค่น้องคนเดียว” ถามอย่างน้อยใจด้วยดวงตาแดงก่ำ คุณณหทัยเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิด รู้ว่าตัวเองพลาดแล้วที่เข้ามาพูดเรื่องนี้กับลูกสาวที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน หมายจะโน้มกอดเพื่อปลอบใจแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะร่างบางผละออกรวดเร็วพร้อมลุกยืนเต็มความสูง
“เตย...”
“หนูแล้วแต่คุณแม่ค่ะ ถ้าคุณแม่อยากให้หนูเลิกกับพุฒ...หนูก็จะทำ” สูดลมหายใจลึกขณะมองท่านด้วยดวงตาสั่นไหว
เธอเป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง มีหรือจะสู้ลูกสาวในสายเลือดของท่านได้
คนในบ้านบอกให้ทำอะไร...ก็ต้องทำ!
“ผมไม่แต่ง! ยังไงผมก็ไม่แต่งงานกับมินนี่เด็ดขาด”
โวยวายเสียงดังลั่นห้องโถงขณะลุกยืนไม่ยอมรับการแต่งงานที่ผู้ใหญ่สองบ้านตกลงกันเรียบร้อย ดวงหน้าคมแข็งกร้าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขายอมตามใจทุกคนมาตลอดทั้งการเรียนและเข้าทำงานในกิจการของทางบ้านทั้งที่ไม่ได้ถนัดงานบริหาร
คิดว่าทุกอย่างน่าจะเพียงพอให้ได้ทำตามหัวใจของตัวเองแล้ว
แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าตนต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก เพียงเพราะท่านเห็นว่าเหมาะสม...
“ผมรักกับเตย เราสองคนเป็นแฟนกันแล้วจะให้ผมแต่งงานกับมินนี่ได้ยังไง หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก” มองพ่อกับแม่ที่นั่งนิ่ง รู้ดีว่าท่านช่วยอะไรตนไม่ได้เพราะคนที่มีสิทธิ์เด็ดขาดในบ้านหลังนี้มีเพียงคนเดียว
“แต่ถ้าฉันสั่งล่ะ...”
คุณชยันต์ ดณุสรเดชา...
“คุณปู่...ผมไม่ได้รักมินนี่” ท่านคงเป็นคนไปคุยกับเพื่อนสนิทจนตกลงกันว่าจะให้มีงานแต่งเกิดขึ้นเพื่อสองบ้านจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันสักที แต่มีสิทธิ์อะไรมากำหนดเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้เขา
พุฒไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำตาม ทั้งยังพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจอีกต่างหาก
“ยังไงแกก็ต้องแต่ง ฉันกับคุณพงศ์เป็นเพื่อนกันมานาน วันที่ฉันมีเงินติดกระเป๋าแค่ไม่กี่สตางค์ก็ได้เขาคอยช่วยเหลือจนฉันมีวันนี้ แค่แต่งงานกับหนูมินนี่มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอก” เรื่องนี้ถูกเล่ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เพื่อให้เขาสำนึกในบุญคุณของคนบ้านเวศน์สุวรรณวงศ์
ครั้งหนึ่งธุรกิจของบ้านเกือบล้มละลาย ไม่มีธนาคารไหนให้กู้ยืมเงิน มีเพียงคุณณฐพงศ์ที่ให้ยืมเงินส่วนตัวจนกิจการกลับมารุ่งเรืองคืนหนี้สินจนหมด ทว่าตอนนี้ก็เริ่มธุรกิจใหม่แล้วต้องไปยืมเงินเช่นเดิม ก็ได้ดอกเบี้ยถูกกว่ารายอื่นมากโข
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เกรงใจเพื่อนคนนี้ได้อย่างไร...
“แต่ผมไม่ได้รักมินนี่” ยืนกรานเช่นเดิม
“แต่งไปก็รักกันเองนั่นแหละ”
“ผมยืนยันคำเดิมว่าผมไม่แต่ง!” พูดจบก็เดินออกจากตัวบ้านไปที่โรงจอดรถ ขับแลมโบกินี่สีแดงเพลิงออกจากบ้านด้วยความเร็วเพื่อระบายความหงุดหงิด
หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ยอมแต่งงานกับมินทิรา!