บทที่ 2-2 วิวาห์สับสน
“จิ้งอ๋อง” ร่างบอบบางกล่าวเสียงหนักแน่น ชัดเจน “ข้า... องค์หญิงผิงเซียง เป็นชายาของท่านแล้ว”
ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม้เก่าแก่ จิ้งอ๋องในชุดดำทมิฬดูสง่างามแฝงด้วยความมืดมน ใบหน้าของเขามีร่องรอยแห่งความเบื่อหน่าย ราวกับเวลาช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ทิ้งความโศกเศร้าและความทุกข์ระทมไว้บนไหล่ของเขา ทุกอณูของวังแห่งนี้สะท้อนความเงียบงันและโดดเดี่ยวจนน่าเศร้า
“ถูกบังคับมาล่ะสิ”
ผิงเซียงสะดุ้งก่อนจะรีบตอบตะกุกตะกัก “ก็ไม่เชิงเพคะ ส่วนหนึ่งหม่อมฉันเต็มใจมาเอง”
ไม่มีคำตอบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากเขา ผิงเซียงรอคอย พลางพิจารณาเขาอย่างละเอียด จิ้งอ๋องผู้นี้หาได้เหมือนชายที่นางจินตนาการไว้ และก็ไม่ใช่บุรุษบ้าคลั่งที่ข่าวลือกล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย หากแต่เป็นบุรุษที่เงียบงันและลึกซึ้งยิ่งกว่า ผิงเซียงรู้สึกถึงความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังดวงตาคู่นั้น
จิ้งอ๋องเอ่ยปากในที่สุด เสียงของเขาทุ้มลึกและเย็นชา “เจ้ามาที่นี่เพราะคำสั่งของไท่จื่อ ข้าสมควรจะถามเจ้า... เจ้ากลัวหรือไม่”
“หากข้ากลัว ข้าคงไม่มาที่นี่หรอกเพคะ” ผิงเซียงตอบตรงๆ น้ำเสียงมั่นคง “ข้ามาที่นี่เพราะข้ามีคำถาม ข้าอยากรู้ว่า... ข้อความในตำราตีความถึงใคร”
จิ้งอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาของเขาเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง ราวกับรู้สึกสนใจ “เจ้ากำลังพูดถึงตำราใด”
ผิงเซียงเลื่อนมือไปที่แขนเสื้อ หยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมา “ตำราวิจารณ์ประวัติศาสตร์โบราณ ข้าอ่านมันแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจบางส่วน”
ร่างบางหยุดพูดเล็กน้อย “และข้ารู้ว่าท่านคือผู้เขียน”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น”
“เพราะสำนวนของท่านมีเอกลักษณ์ ข้าเคยอ่านตำราที่ท่านเคยเขียนสมัยยังเป็นไท่จื่อ เทียบกับตอนนี้แล้ว วรรคทองของท่านเฉียบแหลมขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้งกลิ่นอายเดิม... ในใจท่านยังคงโลดแล่นอยู่บนหลังม้าศึก”
จิ้งอ๋องเงียบไปชั่วครู่ ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขากล่าวเสียงเบา “ข้าคือผู้เขียน แล้วเจ้าต้องการรู้สิ่งใด”
แค่ไม่กี่ประโยค ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่องค์หญิงหนอนหนังสือรอคอยมาตลอด ทุกข้อสงสัยใคร่รู้ของนางอาจได้รับคำตอบจากบุรุษผู้นี้... บุรุษที่ถูกตราหน้าว่าเป็นปีศาจ แต่สำหรับนางแล้ว เขาเป็นนักปราญช์เมธีที่ร้อยปีจะมีสักครั้ง แต่นางจะไม่ยอมให้เขาเอาแต่เก็บงำไว้หรอก!
“เพคะ หม่อมฉันอยากรู้เรื่อง...”
“รอก่อน” จิ้งอ๋องยกฝ่ามือขึ้น “เจ้าคงลืมไปแล้วว่าถูกส่งมาที่นี่ทำไม”
“ก็... เป็นเจ้าสาวของท่านเพคะ”
“แล้วเจ้าสาวจะต้องทำอะไรกับเจ้าบ่าวในคืนส่งตัว”
“อ่า...” ผิงเซียงกุมแก้มตัวเอง นางมัวแต่หมกมุ่นเรื่องตำราจนลืมเรื่องนี้ไปเลย “ข้านึกไปว่าท่านไร้สมรรถภาพ ก็เลยคิดแต่เพียงว่าจะมาอยู่ที่นี่ อ่านตำราวิจารณ์ตัวอักษรเป็นเพื่อนท่าน”
ผิงเซียงเป็นองค์หญิง แต่ก็เป็นแค่ดรุณีวัยสิบหก ส่วนพระองค์เป็นชายฉกรรจ์วัยเกือบสี่สิบ พอได้ฟังคำกล่าวหาของนางแล้ว จิ้งอ๋องก็หัวเราะมุมปาก
“จริงอยู่ว่าข้าพิการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเสพกำหนัดมิได้”
“อ่า...”
“หลายปีมานี้ข้าแทบไม่มีอารมณ์” ทรงเอ่ยช้าๆ เท้าแขนกับใบหน้าขณะพิจารณาเด็กสาวงามโฉมตรงหน้า นางเป็นเด็กประหลาดนัก นอกจากจะไม่กลัวพระองค์แล้ว ยังกระตือรือร้นจะถกวิชาการกับเขาอย่างมุ่งมั่นอีกต่างหาก มิน่าเล่า ไอ้เด็กนิสัยไม่เอาถ่านอย่างเจ้าหลี่ชางถึงได้เขี่ยนางทิ้ง
“ในเมื่อเจ้าอยากจะล้วงความคิดของข้า เจ้าก็ควรจะทำหน้าที่ชายาของข้าเสียก่อน อย่างเช่น... โก่งก้นให้ข้าชำเรา หากทำไม่ได้ก็ไป...”
เขาแค่ต้องการจะแกล้งขู่ ตั้งใจจะไล่นางกลับไป นึกไม่ถึงว่าผิงเซียงจะตอบกลับเสียงดังฟังชัด
“เพคะ หากท่านต้องการ”
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย เพราะแม้ว่าคำพูดของผิงเซียงจะฟังดูเป็นการเป็นงาน แต่น้ำเสียงก็สั่นจนบอกหมดเปลือกว่านางไร้ประสบการณ์
ดวงตาคมกริบหลุบมองเนื้อตัวของผิงเซียง ก่อนจะยกถ้วยชาร้อนขึ้นจิบ
“ใช้ปากบำเรอกามเป็นใช่มั้ย”
“ข้าจะพยายามเพคะ”
“งั้นมัวรออะไรอยู่ล่ะ” เขาพูดสั้นๆ ผิงเซียงจึงรวบรวมความกล้า ก้าวเข้ามาและคุกเข่าลงตรงหว่างขากำยำ
แม้ว่าจะตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็เด็ดเดี่ยว รับปากอะไรใครแล้วก็คำไหนคำนั้น มือขาวผ่องขยับผ้าห่มที่คลุมตักของเขาออก นางได้ยินมาว่าหัวเข่าของเขาได้รับบาดเจ็บ นางจึงค่อยๆ วางมือลงไปบนหัวเข่าทั้งสองข้างของเขาอย่างระมัดระวัง
“ย...ยังเจ็บอยู่หรือไม่เพคะ”
“เจ้าจะสนใจไปทำไม คนพิการเช่นข้าจะเจ็บหรือไม่เจ็บ มันก็ไม่ได้ทำให้ชะตาของเจ้าดีขึ้นหรอกนะ”
“ข้าเป็นชายา เป็นภรรยาของท่านนะเพคะ ถ้าข้าไม่ถามท่าน แล้วจะให้ถามใครล่ะ” ผิงเซียงมองค้อนเข้าให้ “อายุก็เยอะแล้ว ยังจะชอบตัดพ้อเป็นเด็กๆ ...แล้วนี่น่ะ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเอาแต่นั่งๆ นอนๆ ทำตัวงอแงไปวันๆ หรอกนะ ข้าจะช่วยฝึกท่านเดินเอง!”
“หนอย... นังเด็กนี่ เพิ่งจะมาแท้ๆ อย่ามาทำเป็นรู้ดี”
“เพคะๆ เอาล่ะ...”
ผิงเซียงกลั้นใจ ปลดกางเกงลง ปลดปล่อยแท่งลึงค์ที่กำลังเครียดเขม็งเต็มตัวออกมาเป็นอิสระ ผิงเซียงรู้ว่าไม่มีทางที่สิ่งนี้จะสงบตราบใดที่ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็สัมผัสลูบไล้ไปมา
“ถ้าข้าทำให้ท่านเสร็จสมได้สำเร็จ ท่านต้องยอมถกคำถามกับข้านะ”
“หนึ่งน้ำ หนึ่งคำถาม”
“อ่า... หนึ่งน้ำ สามคำถามก็แล้วกันเพคะ”
“สองคำถาม ถ้ายังอิดออดอีก ข้าจะไล่เจ้ากลับไปซะ”