บทที่ 2-1 วิวาห์สับสน
####บทที่ 1-1 วิวาห์สับสน
จากองค์หญิงผู้มีเกียรติสูงส่ง กลับต้องกลายเป็นภรรยาของอดีตแม่ทัพผู้พิการ ผู้ซึ่งถูกเนรเทศจากการเมืองของแผ่นดิน... อนาคตของนางช่างน่าเศร้านัก
ในเกี้ยวเจ้าสาวที่โยกเยกไปมาตามเส้นทางหินดิน ผิงเซียงจ้องมองโลกภายนอกผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง สีแดงเจิดจ้านี้งดงามกว่าที่จินตนาการไว้ แม้ชุดจะเรียบง่ายไร้เครื่องประดับ แต่ก็มิใช่สิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นที่สุดในยามนี้
ฮี่ๆ ผิงเซียงพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ ต่อไปนี้นางจะได้ไปอยู่ในดงตำราของวังจิ้งอ๋อง ที่นั่นเต็มไปด้วยหนังสือหายากและหลากหลายมากที่สุดในแคว้นหลิน สวรรค์ชัดๆ
ผิงเซียงก้มหน้าลง นางกำนัลที่เดินอยู่ข้างเกี้ยวนึกสงสารองค์หญิงจนร้องไห้ออกมา
“องค์หญิง มีข่าวลือเกี่ยวกับอ๋องขาพิการมากมายเหลือเกิน จิ้งอ๋องผู้นั้นอาจจะทำร้ายท่าน”
“ไม่หรอก”
จิ้งอ๋อง... ผู้ที่ใครๆ ต่างหวาดกลัว เรียกเขาว่าอ๋องเลือดดำ เป็นคนที่นางเฝ้ารอจะได้พบ ไม่ใช่เพราะข่าวลือบ้าคลั่งเกี่ยวกับเขา แต่เพราะเขาเป็นผู้เขียนตำราที่ผิงเซียงอยากอ่านมาตลอด ข่าวลือนั้นช่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความปรารถนาที่จะได้อ่านความคิดของเขาผ่านตัวหนังสือ
เมื่อถึงวังจิ้งอ๋อง บรรยากาศนั้นช่างเงียบงัน ราวกับทั้งวังถูกกลืนกินโดยความมืด ร่างบอบบางก้าวลงจากเกี้ยวด้วยท่วงท่าสง่างาม ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงปลิวลู่ไปกับลมเบาๆ นางจับมันขึ้นด้วยมือของตนเอง เปิดเผยใบหน้าให้สายลมแห่งค่ำคืนสัมผัส พ่อบ้านที่เฝ้ารออยู่เบื้องหน้ามององค์หญิงด้วยสายตาเย็นชา
"ท่านจิ้งอ๋องรออยู่ในห้องโถงใหญ่" เขากล่าวอย่างเฉยเมย "และขอเตือนองค์หญิง โปรดระวังคำพูด"
ผิงเซียงพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ หากแต่ในใจกลับตื่นเต้นสุดๆ นางกำลังจะได้พบกับผู้ที่รอคอยมาเนิ่นนาน คนที่นางศึกษาผ่านตำรามานับครั้งไม่ถ้วน และปรารถนาที่จะค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเงามืดของจิ้งอ๋อง
เมื่อองค์หญิงก้าวเท้าผ่านประตูห้องโถงใหญ่ นางเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง จ้องมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม้เก่าแก่
จิ้งอ๋องอายุมากกว่านางเกือบยี่สิบปี ตั้งแต่ทรงได้รับบาดเจ็บและถูกถอนออกจากตำแหน่งไท่จื่อ จิ้งอ๋องก็ทรงเก็บตัว ในจินตนาการของนางแล้วก็คิดว่าพระองค์น่าจะเป็นชายอ้วนวัยกลางคน ไว้หนวดเครายาวเฟื้อยและนิสัยเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ
ทว่าคนเบื้องหน้านางนี่สิ ตรงกันข้ามกับที่นางคิดทุกอย่าง
ผิงเซียงมึนงงไปหมด จนกระทั่งถูกส่งให้มานั่งข้างชายวัยฉกรรจ์หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางทรงภูมิคนหนึ่ง หากเทียบความงามกับหลี่ชางแล้ว ดูเหมือนว่าหลี่ชางจะกลายเป็นคางคกไปเลยทีเดียว
ร่างกายสูงสง่ากำยำ ผิวพรรณของเขาดูกร้านกรำตามวัยและสงคราม ขาของเขาถูกห่มผ้าหนาๆ เพื่อปกปิดรอยแผลแห่งสงคราม เพียงแค่สบตาผิงเซียงก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นผู้ทรงอำนาจอย่างยิ่ง พ่อบ้านที่มาพร้อมนางและเหล่าคนรับใช้ต่างเรียกเขาอย่างนอบน้อมว่า ‘จิ้งอ๋อง’
ขณะที่ผู้คนต่างเยาะเย้ยนางที่ต้องแต่งงานกับชายพิการ ท่านจิ้งอ๋องก็ยังคงนิ่งสงบ เขามิได้มองดูนางด้วยสายตาเวทนา หากแต่เป็นสายตาที่แฝงไปด้วยความเย็นชา ไม่เปิดใจให้ผู้ใด
ผิงเซียงเคยพบเขาครั้งหนึ่งเมื่อตอนยังเด็ก ตอนนั้นเขายังเป็นไท่จื่อผู้เก่งกล้าสามารถ ส่วนนางเป็นเด็กกะโปโล เล่นซ่อนแอบกับพี่เลี้ยงโดยมาหลบอยู่ในผ้าคลุมไหล่ของบุรุษรูปงาม ทำเอาพวกพี่เลี้ยงตื่นตกใจกันไปหมด นางไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่จับใจความได้ว่าเขาเป็นถึงแม่ทัพคุมกำลังสามแสน และเป็นผู้ที่ถูกวางตัวไว้ว่าจะได้เป็นฮ่องเต้คนถัดไป
แต่แล้วโชคชะตาก็ยึดทุกอย่างไปและมอบขาที่พิการไว้แทน เมื่อหมดความสำคัญ บรรดาผู้คนที่เคยรายล้อมยกยอปอปั้นก็ทยอยหายหน้า เกียรติภูมิที่เขามีเหลือเพียงอดีต ร่างของเขาแทบไม่ขยับ ผิงเซียงไม่แน่ใจว่าเขารับรู้ถึงการปรากฏตัวของนางหรือไม่ นางจึงตัดสินใจเอ่ยคำทักทาย
“จิ้งอ๋อง” ร่างบอบบางกล่าวเสียงหนักแน่น ชัดเจน “ข้า... องค์หญิงผิงเซียง เป็นชายาของท่านแล้ว”