7คืนแรกรักแต่เหมือนกลับใจสลาย(1)
ตอนที่ 3
คืนแรกรักแต่กลับเหมือนใจสลาย
คุ้มขวัญไม่รู้ตัวว่าเผลอปล่อยใจคิดกับเจ้านายมากเกินกว่าความสัมพันธ์ในที่ทำงานไปตั้งแต่เมื่อไหร่มารู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็หลงรักเจ้านายของเธอไปแล้ว ตำแหน่งเลขาทำให้เธอและพิรภพต้องออกไปทำงานด้วยกันที่ต่างจังหวัดแทบจะทุกอาทิตย์ การที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองได้กินข้าวร่วมกันไปเที่ยวหยอกล้อพูดจาปรึกษาในปัญหาต่าง ๆ ด้วยกันบ่อยครั้งทำให้ความสนิทสนมจากที่คุ้มขวัญเคยคิดว่าเธอสามารถควบคุมมันได้ตอนนี้หัวใจของเธอมันมอบให้เขาไปอย่างไม่รู้ตัว
พิรภพเองก็รู้สึกเหมือนว่าทุกวันนี้เลขาของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปเสียแล้วนอกจากเวลาที่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยครั้งที่ถึงแม้อยู่ในกรุงเทพฯชายหนุ่มก็ยังคงไปไหนมาไหนนอกเวลางานกับเลขาส่วนตัวเสมอจากที่สนใจว่าคนอื่นจะมองเช่นไรตอนนี้พิรภพก็ไม่สนใจแล้วเพราะเขารู้สึกว่าความสุขของการได้อยู่กับคุ้มขวัญมีค่ามากกว่าจะสนใจสายตาของพนักงานคนอื่น
“จะไม่ชวนผมขึ้นไปบนห้องคุณบ้างเลยหรือครับ”
พิรภพมาส่งคุ้มขวัญที่คอนโดของเธอแทบจะเกือบทุกวันแต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ฝ่ายหญิงจะเอ่ยปากชวนให้ท่านประธานบริษัทมีโอกาสได้ขึ้นไปนั่งเล่นที่ห้องของเธอครั้งนี้พิรภพทนไม่ไหวจึงเป็นคนเอ่ยเพื่อขอขึ้นไปเอง
“สามทุ่มแล้วนะคะ ฉันว่าคุณรีบกลับบ้านจะดีกว่าเพราะกว่าจะถึงก็คงดึกพอดีพรุ่งนี้เรายังต้องทำงานนะคะ”
“คุณห่วงว่าผมจะกลับดึกหรือว่าความจริงบนคอนโดของคุณมีใครซ่อนอยู่เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่ยอมให้ผมขึ้นไปผมก็จะถือว่าคุณมีเจ้าของแล้วและผมก็คงต้องถอนตัวไม่อยากสนิทกับคนมีแฟนแล้วมากกว่านี้กลัวจะถูกเจ้าของเขามายิงหัวเอา”
ท่านประธานสุดหล่อทำใบหน้าเคร่งขรึมมองอีกทีก็คล้ายเหมือนคนแก่กำลังงอนใบหน้าของพิรภพทำให้หลายคนคิดว่าเขามีอายุไม่ต่างจากคุ้มขวัญแต่ความจริงแล้วชายหนุ่มมีอายุมากกว่าเลขาสาวมาถึงสิบกว่าปี
“ไม่ต้องเล่นบทเศร้าขนาดนั้นก็ได้ค่ะ บอสใหญ่ถึงขนาดขอขึ้นไปบนห้องเลขาสาวมีหรือจะกล้าขัดใจแต่บอกไว้ก่อนเลยนะคะคอนโดที่ฉันอยู่เป็นแค่ห้องเล็ก ๆ เท่านั้นคงไม่สะดวกสบายและคงไม่มีอะไรต้องรับไปมากกว่าน้ำเปล่าและขนมสักชิ้น”
คนขับหันมาส่งยิ้มอย่างผู้ชนะแววตาของเสือใหญ่เจ้าเล่ห์ทำท่าดีใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการใกล้จะสมหวังทั้งที่ความจริงแล้วตลอดเวลาที่เขากับเลขาสาวใกล้ชิดไปไหนมาไหนด้วยกันไม่เคยมีสักครั้งที่ทั้งคู่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันนอกจากปรึกษาเรื่องงานก็มีแต่คุยแต่เรื่องสนุกสนานทั่วไป
“เชิญค่ะบอส...” สาวน้อยเปิดประตูพร้อมกับหงายฝ่ามือเล็กเชิญอีกฝ่ายให้เข้าไปยังห้องของเธอ
“ห้องน่าอยู่มากเลยนะครับ ปกติแล้วผมก็ใช้งานคุณจนกลับค่ำมืดดึกดื่นทุกวันไม่น่าเชื่อว่าจะมีเวลาจัดห้องและทำความสะอาดได้ดีแบบนี้ ผู้ชายคนไหนได้คุณไปเป็นภรรยาต้องถือว่าโชคดีมากๆทั้งเรียนเก่งทำงานเก่งและยังเป็นแม่บ้านแม่เรือนอีก ผมจะขอถามคุณได้ไหมว่าตอนนี้คุณมีผู้ชายที่โชคดีคนนั้นหรือยัง”
ซาตานเจ้าเล่ห์ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือเขาเอ่ยถามทันทีเมื่อเอื้อมมือไปรับแก้วน้ำเย็นจากมือของเลขาสาวที่กำลังพาตัวเองมานั่งโซฟาข้างๆเขา
“คุณก็พูดเกินไปค่ะ ผู้ชายที่ไหนจะมาชอบผู้หญิงธรรมดาบ้าน ๆ อย่างฉันและยิ่งทุกวันนี้ชีวิตก็มีแค่ที่ทำงานและก็คอนโดนอกจากบอสและลูกค้าฉันก็แทบไม่มีโอกาสได้เจอผู้ชายคนไหนเลยค่ะ”
คุ้มขวัญยังไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายกำลังเริ่มหว่านเสน่ห์เดินหน้าจีบเธออย่างเต็มกำลังเพราะตัวหญิงสาวเองเกิดมายังไม่เคยได้สัมผัสกับความรักถึงแม้ว่าจะเคยมีผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกหัวใจสั่นได้อยู่แต่มันก็ไม่เคยถูกพัฒนาไปเกินกว่าแค่คนรู้จัก
“คุณพูดจริงใช่ไหม ในเมื่อทุกวันนี้เราสองคนก็แทบจะอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนถ้าไม่นับรวมเวลานอนที่เราแยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมันผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเราสองคนแทบจะเป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว”
คำพูดที่ดูเหมือนธรรมดาในสายตาของชายหนุ่มที่พูดคำนี้ออกมาบ่อย ๆ เมื่อยามที่อยากได้หญิงสาวสักคนแต่สำหรับคุ้มขวัญแล้วคำพูดนี้ช่างแสนหวานและสายตาที่แสนจะอบอุ่นที่จ้องมองเธอทำให้หญิงสาวถึงกับต้องก้มหลบตามองมือน้อยของตัวเองที่กำลังจิกกันแน่นด้วยความเขินอาย
“เสาร์นี้เราต้องไปภูเก็ตใช่ไหมคะฉันยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลยแล้วบอสล่ะเตรียมตัวหรือยัง”
สาวน้อยพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด เธอไม่ต้องการให้เขาหยอดคำหวานเธออีกต่อไปเพราะตอนนี้เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆจิตใจของเธอมันสั่นจนเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่กำลังเกิดมันเรียกว่าความรักหรือเปล่าเพราะคุ้มขวัญไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะกลับผู้ชายคนไหนก็ตาม