บทที่ 6 เฝ้าสังเกตการณ์
ยามรุ่งอรุณ
ลมเย็นพัดผ่านป่าอินโหว บรรยากาศรอบด้านเงียบสงัดจนได้ยินเสียงใบไม้ไหว ร่างสูงของ เยว่หัว ยืนอยู่บนกิ่งไม้สูง เขาจับจ้องไปยังลานโล่งกลางป่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สัตว์ป่ามักมารวมตัว
“วันนี้นางจะปรากฏตัวหรือไม่…”
เยว่หัวพึมพำกับตัวเอง
เขารอคอยอยู่เงียบ ๆ ความมืดค่อย ๆ ถูกขับไล่ด้วยแสงอาทิตย์ที่เริ่มเผยตัว เสียงฝีเท้าของสัตว์ตัวเล็ก ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ กวางตัวหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้ มันหันหัวซ้ายขวาราวกับระแวดระวังภัย
ทันใดนั้น เยว่หัวสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่แผ่กระจายออกมาจากด้านในป่า พลังนั้นเย็นเยียบ ราวกับจะดูดกลืนทุกชีวิตในบริเวณนี้
“มาแล้ว…”
อันเหมย ก้าวออกมาจากเงามืดอย่างช้า ๆ นางสวมชุดดำที่สะท้อนแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ใบหน้าของนางงดงามราวเทพธิดา แต่ดวงตาสีแดงฉานของนางเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า นางไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา สัตว์ป่าที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นหยุดนิ่ง ราวกับเวลาถูก
หยุดลง กวางตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อันเหมยเดินเข้าไปหากวางตัวนั้น นางยื่นมือออกไปช้า ๆ ดวงตาสีแดงของนางอ่อนลงเล็กน้อย ราวกับนางกำลังปรารถนาเพียง
สิ่งเดียว—การสัมผัสสิ่งมีชีวิตโดยไม่ทำลายมัน
เยว่หัวที่เฝ้ามองจากด้านบน จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของนาง เขาเห็นความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในแววตาของนางในช่วงเวลานั้น
“นางไม่ใช่มารอย่างที่ข้าคิด…”
แต่วินาทีที่มือของอันเหมยสัมผัสถึงตัวกวาง พลังแห่งความตายก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของนาง กวางตัวนั้นล้มลงกับพื้นในทันที ดวงตาของมันไร้แสง เงียบงัน และปราศจากลมหายใจ
อันเหมยมองร่างไร้วิญญาณของกวางตัวนั้น นางยืนนิ่ง ดวงตาสีแดงฉายแววเจ็บปวดลึกซึ้ง
“ข้าพยายามแล้ว…แต่ทำไม…”
นางพึมพำเสียงเบา ริมฝีปากของนางเม้มแน่น
เยว่หัวที่ซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้จับใจความได้ เขารู้สึกถึงความขัดแย้งในตัวนาง
“พลังของนางไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ…แต่มันกลับครอบงำนางอย่างสมบูรณ์”
ไม่ไกลจากจุดนั้น กระต่ายตัวหนึ่ง โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ มันมองอันเหมยด้วยความหวาดกลัว อันเหมยก้มลงมองกระต่ายตัวนั้น ดวงตาสีแดงฉายแววลังเล นางค่อย ๆ ยื่นมือออกไปอีกครั้ง แต่เมื่อมือของนางใกล้จะสัมผัสกระต่าย นางกลับชักมือกลับทันที
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า…”
นางพูดเสียงแผ่ว
นางหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงัน ราวกับพยายามหนีจากตัวเองและพลังที่ครอบงำนาง
หลังจากที่อันเหมยจากไป กระต่ายตัวนั้นยังคงอยู่ มันกระโดดออกจากพุ่มไม้ และมุ่งหน้าไปทางที่เยว่หัวซ่อนตัวอยู่
“เจ้าตัวเล็ก…เจ้ารอดชีวิตมาได้ เพราะนางเลือกจะไม่แตะต้องเจ้า”
เยว่หัวพูดเบา ๆ ขณะมองกระต่าย
เขาค่อย ๆ ลงมายืนอยู่บนพื้น และยื่นมือไปลูบหัวกระต่าย มันไม่ตื่นกลัว แต่กลับมองเขาราวกับเชื่อใจ
“แปลก…นางมีโอกาสทำลายทุกสิ่ง แต่เลือกที่จะหยุดมือ เหตุใดสวรรค์จึงมองว่านางเป็นภัยต่อโลกมนุษย์?”
เยว่หัวอุ้มกระต่ายตัวนั้นไว้ในมือ เขาหันมองลึกเข้าไปในป่าที่อันเหมยจากไป ราวกับพยายามค้นหาคำตอบ
ในคืนเดียวกัน เยว่หัวนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ป่าอินโหว เขาหลับตาและนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้เห็นในวันนี้
“สวรรค์บอกว่านางเป็นจอมมารที่คร่าชีวิตทุกสิ่ง แต่สิ่งที่ข้าเห็นกลับแตกต่าง นางเลือกที่จะเดินหนีจากกระต่ายตัวนั้น และแววตาของนาง…ข้าไม่เห็นความกระหายในการทำลายล้างเลย”
เขาลืมตาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังแสงจันทร์บนท้องฟ้า
“หรือว่านางเป็นเพียงเหยื่อของพลังที่ไม่อาจควบคุมได้…”
เยว่หัวเริ่มรู้สึกว่าภารกิจนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิดไว้ นางไม่ได้เป็นเพียงจอมมารที่เขาต้องกำจัด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
“ข้าต้องพบกับนางอีกครั้ง และไขความจริงนี้ให้ได้…”
