บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 แผนการของเยว่หัว

ท่ามกลางป่าลึกของเมืองอินโหว

เยว่หัวนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปยังทางเข้าลึกของป่า ที่ซึ่งมวลพลังแห่งความตายแผ่ปกคลุมเหมือนม่านหมอก

“นางไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิด… แต่นางก็ยังคงเป็นอันตราย”

เยว่หัวครุ่นคิดถึงการเข้าใกล้อันเหมย หากเขาปรากฏตัวในฐานะเทพ นางจะมองเขาเป็นศัตรูทันที และด้วยพลังอันมหาศาลของนาง การโจมตีด้วยกำลังตรง ๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้

“ข้าต้องให้นางเชื่อว่า ข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา”

แต่ปัญหาก็คือ นางสามารถทำลายทุกชีวิตที่อยู่ใกล้ตัวได้ แม้แต่สัตว์ยังไม่อาจอยู่รอดในรัศมีพลังของนาง

เยว่หัวหลับตาลง รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่มุมปาก

“พลังของข้าทำให้ข้ารอดชีวิตได้…แต่ข้าจะบอกนางว่ามันคือยาไม่ใช่เพราะข้าเป็นเทพ”

เยว่หัวใช้เวลาหลายวันในการสำรวจพื้นที่รอบ ๆ กระท่อมของอันเหมย เขาศึกษาเส้นทางและวิถีชีวิตของนางอย่างละเอียด

เขาสังเกตเห็นว่า กระท่อมของอันเหมยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ถูก

ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่และเถาวัลย์ ดูเหมือนนางพยายามหลีกเลี่ยงการออกมาสู่พื้นที่โล่ง นางมักออกมาเก็บสมุนไพรและน้ำจากลำธารเล็ก ๆ ใกล้ ๆ

“สมุนไพร…”

เยว่หัวพึมพำ

“หากข้าแกล้งทำตัวเป็นนักปรุงยา และบาดเจ็บอยู่ใกล้ที่นางเก็บสมุนไพร นางอาจสนใจข้า”

เขาเตรียมอุปกรณ์บางอย่างใส่กระเป๋า รวมทั้งผงสมุนไพรที่ทำให้บาดแผลดูสมจริงและเลือดเทียมที่เขาสร้างขึ้นด้วยพลังวิเศษ

ในรุ่งอรุณที่แสงจันทร์ยังเลือนราง เยว่หัวใช้ดาบฟันเข้าที่แขนตัวเองพอให้เลือดไหลออก เขาป้ายเลือดเทียมลงบนเสื้อผ้า และใช้ผงสมุนไพรให้ดูเหมือนบาดเจ็บหนัก

เขาทิ้งร่องรอยการต่อสู้ปลอมไว้บนพื้นที่ใกล้ลำธาร สร้างภาพว่าตนถูกโจมตีระหว่างเดินทางผ่านป่า

เมื่ออันเหมยออกมาจากกระท่อม พบเขานอนหมดสติอยู่ริม

ลำธาร ท่ามกลางกลิ่นไอความตายที่แผ่จากตัวเธอ

นางหยุดชะงัก สายตาจับจ้องไปยังร่างของชายแปลกหน้าที่นอนอยู่ ใบหน้าของเขาซีดเซียวจาก “บาดแผล” แต่เขายังมีลมหายใจ

“ทำไมเขาไม่ตาย…”

อันเหมยพึมพำเบาๆ

พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ ๆ รัศมีพลังของนางยังคงแผ่กระจายออกอย่างไม่ตั้งใจ ทว่าชายผู้นี้กลับไม่มีท่าทีได้รับผลกระทบ

ใบหน้างามก้มลงสำรวจบาดแผลของเขาอย่างระมัดระวัง แม้

อันเหมยจะไม่เคยมีความรู้เรื่องการรักษา แต่ก็รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่น่าจะรอด

“นี่เจ้ามาจากใดกันแน่?”

เยว่หัวลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แสดงสีหน้าราวกับพยายามฝืนตัวเอง

“ข้า…เป็นนักปรุงยาจากหมู่บ้านใกล้เคียง ข้าหลงทาง…แล้วถูกโจมตี”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากเข้ามาในป่าแห่งนี้ เจ้าจะต้องตาย?”

อันเหมยถาม น้ำเสียงของนางเย็นชา แต่แววตาฉายแววสงสัย

เยว่หัวไอเล็กน้อย และพยายามพยุงตัวขึ้น

“ข้าคิดว่า…ข้าคงไม่รอดเช่นกัน แต่ข้าได้กินยาของตระกูลข้าเข้าไปก่อนหน้านี้…ยานั้นช่วยป้องกันพิษและพลังทำลายล้างได้”

คำพูดของเขาทำให้อันเหมยชะงัก

“ยา…?”

อันเหมยตัดสินใจพาเยว่หัวกลับมายังกระท่อมของเธอ แม้จะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่อยากให้ชายคนนี้ตายโดยไร้เหตุผล

ร่างบางระหงพาเขาไปนอนที่เตียงไม้เล็ก ๆ ในกระท่อม เยว่หัวแสร้งทำเป็นอ่อนแรง แต่ในใจกลับคอยสังเกตท่าทีของเธอ

“ข้าจะอยู่ที่นี่เพียงไม่นาน หากเจ้าดีขึ้น ข้าจะปล่อยเจ้าไป” อันเหมยพูดเสียงเรียบ

เยว่หัวพยักหน้าเล็กน้อย

“ข้าขอบคุณท่านมาก…ท่านไม่เหมือนปีศาจอย่างที่คนพูดถึง”

คำพูดนั้นทำให้อันเหมยนิ่งไป นางหันหลังให้เขาและไม่ตอบ

กลางดึก

เยว่หัวลอบมองอันเหมยที่นั่งอยู่หน้าประตู ดวงตาสีแดงจ้องมองดวงจันทร์ด้วยแววตาเศร้าสร้อย

“เหตุใดนางจึงเลือกอยู่คนเดียว…ทั้งที่นางดูเหมือนจะปรารถนาเพียงชีวิตปกติธรรมดา”

เยว่หัวคิดในใจ

วันต่อมา

อันเหมยออกไปเก็บสมุนไพร โดยทิ้งเยว่หัวไว้ในกระท่อม เขาใช้โอกาสนี้สำรวจรอบ ๆ และพบว่าอันเหมยมีหนังสือสมุนไพรเล่มเก่า และตำราเกี่ยวกับพิษ

“นางศึกษาเรื่องพวกนี้เพื่ออะไร…”

เขาพึมพำ

เมื่ออันเหมยกลับมา สายตาเรียวสังเกตเห็นว่าเยว่หัวยังคงมีชีวิตอยู่ และดูเหมือนเขาจะฟื้นตัวเร็วขึ้น นางจึงพูดขึ้นว่า

“เจ้า…ดูเหมือนจะไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป”

อันเหมยพูด น้ำเสียงเจือความระแวง

“ข้าเพียงแค่โชคดีที่มีสมุนไพรดี ๆ และยาแกร่งกล้าของตระกูลข้า ข้าขอโทษหากทำให้ท่านสงสัย”

เยว่หัวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

อันเหมยมองเขาด้วยสายตาครุ่นคิด แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ และยังคงรักษาระยะห่างจากเขา

วันเวลาผ่านไป

เยว่หัวเริ่มเห็นอีกด้านหนึ่งของอันเหมย นางไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่ทุกคนคิด แต่กลับมีจิตใจที่อ่อนโยน เขาสังเกตเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งมีชีวิตโดยสิ้นเชิง

“เจ้ากลัวอะไร?”

เสียงทุ้มเอ่ยถามอันเหมยในคืนหนึ่ง แต่อันเหมยมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วตอบเขาว่า

“ข้ากลัวว่าจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวข้า…รวมถึงเจ้า"

คำพูดนั้นทำให้เยว่หัวนิ่งงัน ในใจเขาเริ่มสับสนมากขึ้น เขารู้ดีว่าเขาถูกส่งมาฆ่านาง แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้หัวใจเขาหนักอึ้ง

หลายวันผ่านไป เยว่หัวยังคงอาศัยอยู่ในกระท่อมของอันเหมย แม้เขาจะฟื้นตัวแล้ว แต่ยังคงแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้ได้อยู่ใกล้นางมากขึ้น

วันนี้เป็นที่ฝนตกหนัก อันเหมยนั่งเงียบอยู่ข้างหน้าต่าง จ้องมองออกไปยังป่าที่ถูกลมพายุโหมกระหน่ำ ดวงตาสีแดงเต็มไปด้วยความเหงา

เยว่หัวเดินมานั่งข้าง ๆ นาง พร้อมกับเอ่ยถามว่า

“เจ้าชอบฝนหรือ?”

อันเหมยไม่ตอบในทันที นางเพียงแค่มองฝนที่ตกหนักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นเบา ๆ

“ฝน…ทำให้ข้ารู้สึกสงบ มันเหมือนกับน้ำตาของฟ้าที่ล้างความโสมมบนโลก”

เยว่หัวนิ่งงัน คำพูดของสตรีตรงหน้าแฝงไปด้วยความเศร้าและความรู้สึกผิดที่ลึกซึ้ง

“เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเป็นความโสมมหรือ?”

ดวงหน้าเรียวหันมามองชายหนุ่ม ดวงตาสีแดงฉานฉายแววเจ็บปวด

“ข้าคือจอมมาร ทุกสิ่งที่ข้าแตะต้องล้วนพังทลาย แม้แต่ชีวิตของคนที่ข้ารักก็ยังดับสูญเพราะข้า…เจ้าว่าข้าคือความโสมมหรือไม่?”

เยว่หัวไม่ตอบในทันที เขามองใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน มันทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ในคืนเดียวกัน ขณะที่อันเหมยหลับสนิท เยว่หัวตัดสินใจลอบออกไปสำรวจพื้นที่รอบกระท่อม เขาใช้พลังเทพเพื่อตรวจสอบอาณาเขตพลังของนาง

เขาพบว่าพลังของอันเหมยไม่เพียงทำลายชีวิต แต่ยังแทรกซึมไปในดินและน้ำรอบๆ ป่า ทำให้พืชพันธุ์เติบโตอย่างผิดปกติ

“นี่หรือคือพลังที่ทำให้แม้แต่เทพยังต้องหวาดกลัว”

เขาพึมพำ

ขณะที่เยว่หัวกำลังตรวจสอบ พลังของนางก็แผ่กระจายออกมาราวกับจะป้องกันตัวเอง เยว่หัวรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล แต่เขาก็ยังทนทานได้

เมื่อกลับมาที่กระท่อม อันเหมยตื่นขึ้นมาพอดี นางมองเขาด้วยสายตาสงสัย จึงเอ่ยถามขึ้น

“เจ้าออกไปทำอะไร?”

“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เลยออกไปเดินเล่นเพื่อหายใจ

โล่ง ๆ”

เยว่หัวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย

อันเหมยมองเขาอย่างระแวดระวัง แต่ไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากนางคิดว่าอาจจะเป็นเพราะคำสาปที่ติดตัวของนาง ไม่แปลกที่ผู้ใดที่อยู่ใกล้จะรู้สึกไม่สบาย

ในวันต่อมา

เยว่หัวเริ่มช่วยอันเหมยเก็บสมุนไพรและทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในกระท่อม แม้นางจะไม่ไว้ใจเขาอย่างเต็มที่ แต่ก็เริ่มเปิดใจให้เขามากขึ้น

ขณะที่ทั้งสองกำลังเก็บสมุนไพร เยว่หัวสังเกตเห็นนางพยายามหลีกเลี่ยงไม่แตะต้องพืชหรือสิ่งมีชีวิตโดยตรง

“เจ้าไม่ต้องการทำลายทุกสิ่งที่เจ้าสัมผัสหรือ?”

เขาถามขึ้น

อันเหมยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเบา ๆ

“ข้าคือความตาย…ข้าไม่มีสิทธิ์แตะต้องชีวิตใด”

“แต่เจ้าก็ยังช่วยข้าไว้ ทั้งที่ข้าก็เป็นชีวิตหนึ่ง”

อันเหมยมองเขา

“เพราะเจ้าไม่ตาย ข้าจึงสงสัย…และข้าก็ต้องการคำตอบ”

คำพูดนั้นทำให้เยว่หัวรู้สึกถึงความขัดแย้งในตัวอันเหมย นางไม่ได้ชั่วร้ายโดยธรรมชาติ แต่กลับเต็มไปด้วยความกลัวและความเศร้าที่สะสมมานาน

เยว่หัวเริ่มตั้งคำถามกับภารกิจของเขา เขาควรฆ่านางจริงหรือ? นางที่ดูเหมือนถูกสาปให้มีชีวิตอยู่ในความโดดเดี่ยวและทุกข์ทรมานเช่นนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel