บทที่ 2 สิ้นใจอาฆาต
เหตุการณ์ก่อนที่อันเหมยจะถูกประหาร
ท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนเป็นสีหม่นหมอง ขณะที่เสียงกลองประหารดังก้องสะท้อนในหูของทุกคนที่ยืนอยู่ในลานประหาร เสียงกลองก้องกังวานเหมือนเสียงคำสาปของแผ่นดิน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด บนแท่นประหาร อันเหมยยืนนิ่ง มือที่ถูกโซ่เหล็กขึงไว้แน่นจนเลือดซึมออกจากข้อมือ ดวงตาคู่งามของนางถูกปกคลุมด้วยม่านน้ำตา ความเจ็บปวดที่ประสบมากมายในวันนี้เหมือนถูกยิ่งซ้ำเติมไปอีกครั้งจากการทรยศที่ท่านอวี่กงทำกับนาง
พ่อและแม่ของนางถูกประหารไปก่อนหน้านี้ หนึ่งในภาพที่นางไม่อาจลืมได้คือเมื่อแม่ของนางถูกดาบฟาดลงตรงหน้า หัวแม่ของนางตกลงไปที่พื้น ร่างของแม่สิ้นชีพทันที พ่อของนางก็ไม่อาจรอดพ้นจากชะตากรรมเดียวกันเขาถูกลากไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าอวี่กง ดาบของเพชฌฆาตสะบัดลงอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่ร่างของพ่อจะร่วงลงทันที ดวงตาของนางมองทุกสิ่งด้วยความช็อค แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด
อวี่กงยืนอยู่ข้างๆ ท่ามกลางขุนนางที่ยืนห้อมล้อม มองมายังอันเหมยด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาของเขาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่ในใจเขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้ง เขาเคยรักอันเหมยในอดีต แต่วันนี้เขาต้องทำตามคำสั่งเพื่อความมั่นคงของอาณาจักร และล้างความผิดของนางที่ยอมทำลายเสถียรภาพของราชวงศ์
“อันเหมย เจ้าทำให้แผ่นดินต้องเจอกับความทุกข์ทรมาน เจ้าฆ่าพระเชษฐาและทำร้ายราชวงศ์ด้วยยาและคำพูดที่ไม่สมควร ข้าจึงไม่มีทางเลือก นอกจากประหารเจ้าและครอบครัวของเจ้า”
อวี่กงเอ่ยด้วยเสียงที่เย็นชาและไร้ความรู้สึก
อันเหมยมองเขาด้วยแววตาที่เจ็บปวด ท่ามกลางการประหารที่โหดร้าย น้ำตาของนางไม่ได้ไหลออกมาอีก แต่ยืนอยู่ในท่าที่แข็งกร้าว หัวใจของนางยังคงรักเขาอย่างไม่อาจบอกออกมา ทว่าในตอนนี้ อันเหมยรู้ดีว่าความรักของนางจะไม่มีวันได้รับการตอบแทน
“ท่าน… ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้ารักท่านมากกว่าสิ่งใด… ท่านกลับทำลายข้า… ท่านทำให้ข้าสูญเสีย
ทุกสิ่ง”
น้ำเสียงของอันเหมยแหบแห้ง ท่ามกลางการประหารที่เกิดขึ้น รอบตัวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเกลียดชัง
ทุกคำพูดของอันเหมยเหมือนเชื้อไฟที่จุดให้เกิดเปลวเพลิงในใจของอวี่กง แม้เขาจะพยายามยับยั้งตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจหลีกหนีจากสิ่งที่เขาต้องทำได้ การประหารคงต้องดำเนินต่อไป
“มันสายไปแล้ว”
อวี่กงกล่าว ก่อนจะโบกมือให้เพชฌฆาตมารับคำสั่ง
เพชฌฆาตคนหนึ่งยกดาบขึ้น ตรงหน้าอันเหมย ชั่วขณะเดียวดาบก็ฟาดลงมาบนร่างบางระหง เสียงที่ดังสนั่นไปทั่วลานประหาร ร่างของอันเหมยถูกผลักไปข้างหน้า ขาดจากกันราวกับโลกทั้งใบถูกฉีกขาด น้ำเลือดที่ไหลออกมาเป็นการแสดงถึงความสิ้นสุดของชีวิต บนร่างขาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยทำอันตรายแก่ผู้ใดเลย
ท่ามกลางการสิ้นชีวิตของนาง เสียงของอันเหมยไม่ดัง แต่ในใจของนางถูกเผาผลาญไปพร้อมกับทุก ๆ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
จนสิ้นใจในที่สุด ทว่าการจากไปของนางไม่ได้จบลงที่แค่ความตาย ความมืดมิดที่ปกคลุมร่างของนางไม่ยอมให้จิตวิญญาณของอันเหมยหายไปง่าย ๆ ทุกคำสาบานที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้ ล้วนท่วมท้นไปด้วยความอาฆาต
ทันทีที่วิญญาณของอันเหมยออกจากร่าง สายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้ามืด ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างตื่นตระหนก รู้สึกถึงพลังที่ยากจะบรรยายได้
วิญญาณของอันเหมยได้ออกจากร่างนั้น ท้องฟ้าเหนือศีรษะกลับมืดมัวและเต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้อง วิญญาณของนางกลายเป็นพลังที่เกินกว่าที่จะหยุดยั้งได้ จากนั้น อันเหมยเริ่มรู้สึกถึงความมืดในตัวเองที่ก่อตัวขึ้น ร่างกายที่เคยบอบบางเริ่มมีพลังที่ไม่อาจคุมขังได้
“แม้ฟ้าจะลงโทษข้า ข้าจะถล่มมันให้สิ้น! แม้แผ่นดินจะฝังกลบข้า ข้าจะพังแผ่นดินให้เป็นผง!”
วิญญาณของอันเหมยกรีดร้องจนท้องฟ้าสะท้าน
คำพูดนั้นสะท้อนและสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการล้างแค้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทุกชีวิตจะต้องตกอยู่ภายใต้คำสาปที่อันเหมยได้สาบานไว้
การจากไปของอันเหมยไม่ได้หมายความว่านางหายไปจากโลกนี้ ทว่าอันเหมยคือต้นกำเนิดของความมืดที่จะพาผู้คนไปสู่การลงโทษที่ยิ่งใหญ่
