บทที่ 9 แค่ฝัน
เมื่อไม่มีเสียงตอบและไม่มีตัวคนพูดออกจากที่ซ่อน สาวใจจึงคว้าไม้กวาดซึ่งอยู่ใกล้มือ เดินเร็วๆ ไปทางหลังตู้ หล่อนพบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่ซอกเล็กๆ แมวสักตัวก็ไม่มี ถ้าอย่างนั้น หล่อนได้ยินเสียงใคร ใครพูดกับหล่อน หูหล่อนไม่ฝาดอย่างแน่นอน
“ใครมันแกล้งกูวะ”
ฟ้าแลบแปลบ เสียงครืนตามมา ฝนยังตกหนัก ตกราวกับฟ้ารั่ว สมใจยิ่งหงุดหงิด ความกลัวแทรกอยู่กับความโกรธ หล่อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ห่มผ้าห่ม ไม่กล้าลุกเดินทั่วบ้าน เสียงคนพูดกับหล่อนยังแว่วอยู่ในโสตประสาท
“อีนังสมใจ”
ใครกล้าเรียกหล่อนอย่างนี้ แวบหนึ่งภาพใบหน้าประทิวลอยอยู่ตรงหน้า หล่อนดึงผ้าห่มคลุมโปง ล้มตัวลงนอนบนเตียง ทำไมกลัวประทิว หล่อนไม่เคยกลัว ซ้ำยังด่าทอหลายคำหากพบซึ่งๆ หน้าและประทิวเมาพูดไม่รู้เรื่อง
“มึงเมาก็ไสหัวกลับไปบ้านมึงโน่น อย่ามาพาลชาวบ้านเขา จนแล้วไม่รู้จักเจียม หาเงินได้แทนที่จะเก็บงำหรือให้แม่ไว้ ดันมาแดกเหล้าหมด ทุเรศไม่มีใครเกินมึงไอ้ทิว ออกไปให้พ้นบ้านกู ออกไป”
คำด่าและไล่ส่งอย่างไม่ไยดีและไร้ความปรานีของสมใจเจ็บลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจชายหนุ่ม เขาเดินชี้หน้าสมใจก่อนจะเดินเซซ้ายที ขวาที ไปกลางถนน
“ทิว เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้องไปยุ่งกับมันนะศักดิ์ ปล่อยมันไป”
“แม่ พอเถอะ ผมจะไปส่งมันเดี๋ยวเดียว”
สมศักดิ์ยังคงมีเมตตากับประทิว น้องชายชไมพร หญิงสาวที่เขารักหล่อนและไม่เคยปันใจให้หญิงคนไหน เขาส่งประทิวถึงบ้าน ชไมพรเร่งให้เขากลับทันทีแต่เขาดื้อจะนั่งคุยกับชมและหล่อน สมใจโทรศัพท์ตามลูกชายทุกครั้งที่สมศักดิ์รับอาสามาส่งประทิว
ชมบอกสมศักดิ์หลายหน ห้ามเขามาพบชไมพร ห้ามมาวุ่นวายกับครอบครัวของหล่อนเพราะสมใจไม่เหมือนคนอื่น สมใจคิดแค้นชมไม่เลิกรา สิตรักชม สนใจชม หากสมใจไม่ใช้วิธีเจ้าเล่ห์จับเขาเป็นสามี เขาก็ไม่คิดจะแต่งงานกับสมใจ แม้จะผิดหวังจากชมเขาก็ไม่มองสมใจ นี่เป็นปมทำให้สมใจเกลียดชมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ลูกชายคนเดียวชอบลูกสาวชมยิ่งเพิ่มความโกรธเกลียดเป็นเท่าตัว พยายามหาหญิงสาวคนอื่นให้ลูกชายแต่สมศักดิ์กลับไม่สนใจใครสักคน
“จะกลัวอะไรนักหนาวะ ถ้ามันตายไปแล้วก็ไปอย่าง เอ๊ะ หรือมันตายแล้ววะ เอ๊ย ถ้ามันตายล่ะ ดี ตายซะได้ก็ดี กูจะสมน้ำหน้าแม่มัน”
“ใจชั่ว”
เสียงดังพร้อมกับเสียงฟ้าสั่นสะเทือนทั้งบ้าน เสียงครืนยาวและฟ้าลั่นตามมาติดๆ แสงสว่างวาบเข้าทางหน้าต่าง
“เปรียะ เปรี้ยง!”
“ว้ายย... คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยเถอะจ้ะ”
“ใจเลวๆ พระที่ไหนก็ไม่ช่วยอีนังสมใจ”
เสียงดังมาอีกแล้ว ร่างสาวใหญ่สั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่ม ขนลุกชันเมื่อคิดถึงประทิว หล่อนสังหรณ์ใจว่าประทิวเสียชีวิตแล้ว หล่อนเห็นหน้าประทิวลอยคว้างกลางอากาศทั้งที่ตายังหลับ
“อ๊ายๆ ๆ อย่ามากวนกู มึงตายแล้วใช่ไหม ตายแล้วก็ไปส่วนของมึง ออกไปจากบ้านกู ออกไป ออกไป๊ อ๊ายๆ ๆ ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย อ๊ายๆ ๆ”
“อีคนใจเลว ใจชั่ว...ใจเลว อีใจเลว...”
“อ๊ายๆ ๆ ออกไป ออกไป ออกไปจากบ้านกู ออกไป ไอ้เลว ออกไปนะ ออกไป”
สมใจร้องโหวกเหวก ด่าและไล่ประทิว ร่างของหล่อนดิ้นขลุกใต้ผ้าห่มและกลิ้งตกจากเตียง ความเจ็บช่วยปลุกหล่อนให้ลืมตา
“โอ๊ย!”
ศีรษะ ไหล่และสะโพก กระแทกกับพื้นอย่างแรง ความเจ็บปลุกสมใจตื่นจากความฝัน ผ้าห่มสะบัดพ้นตัว ตาลืมมองไปรอบๆ ห้องนอน หล่อนกลัวจนกระทั่งหลับไปและหล่อนฝัน ฝันเห็นประทิวแต่ทำไมความฝันของหล่อนจึงเหมือนจริง ประทิวยืนด่าหล่อนอยู่ข้างเตียง ประทิวชี้หน้าหล่อน ดวงตาแดงราวกับสีเลือด
ชไมพรทบทวนความฝันตลอดเส้นทางออกจากหมู่บ้าน ต้นไม้ข้างทางทุกต้น ป่าละเมาะ ไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด รถวิ่งผ่านไปเรื่อยๆ ยังไม่พบต้นไม้ในความฝัน สมศักดิ์มองถนน สลับกับใบหน้าเครียดของหล่อน
“รถมาไกลแล้วนะไม ถึงต้นไม้สามต้นหรือยัง”
“ยังจ้ะพี่”
“มาถูกทางหรือเปล่าไม ถ้าไม่เจอก็อย่าคิดมากนะ เอ็งเป็นห่วงน้องมากก็เลยฝัน มันเป็นแค่ความฝันคิดแค่นี้นะไมมันจะได้ไม่ทุกข์มากเชื่อน้า”
เถียรปลอบใจหลานสาว เขาเป็นห่วงหลานชายเช่นกัน ประทิวไม่เคยเมาค้างบ้านใครนานหลายวันอย่างนี้ เมาอย่างไรก็กลับบ้าน ประทิวรักแม่ รักพี่สาวมาก ใครดูถูกดูแคลนแม่กับพี่สาวไม่ได้ เขาร้อนตัวร้อนใจหาเรื่องทะเลาะกับคนเหล่านั้นตัวเองถูกทำร้ายบาดเจ็บก็ไม่กลัว ขออย่างเดียวอย่าพูดถึงแม่เขาในทางไม่ดี ไม่ดูหมิ่นพี่สาวของเขาแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว
ชไมพรไม่อยากยอมรับว่าความฝันมันเป็นเพียงความฝัน แต่เมื่อรถวิ่งไกลจากหมู่บ้านออกไปเรื่อยๆ ความหวังจะพบต้นไม้ 3 ต้นห่างไกลออกไปทุกที ความฝันของหล่อนคงเป็นแค่ความฝันอย่างที่น้าชายบอก หล่อนกำลังยอมรับว่าหล่อนแค่ฝันไป
“พี่ผู้ใหญ่ กลับเถอะจ้ะ ฉันแค่ฝัน ฉันขอโทษนะจ๊ะทำให้พี่เดือดร้อน ถูกน้าป้าสมใจบ่น กลับเถอะพี่”
“ไม่เป็นไรหรอกไม พี่ทำให้ไมได้ทุกอย่าง จำไว้นะ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน พี่ทำให้ไมได้ มีอะไรอย่าลืมคิดถึงพี่ก่อนนะจ๊ะ”
“จ้ะพี่ กลับเถอะ”
“ไม แม่ว่าไปอีกหน่อย ไม่เสียหลายหรอกมั้งศักดิ์ น้าช่วยค่าน้ำมันเองนะ ขับไปอีกหน่อยนะ”