บทย่อ
คุงหลงเข้าไปในเมืองที่พวกเขาเหล่านั้นเรียกเมืองของเขาว่า เมืองเย็นซึ่งเป็นเมืองที่ใคร ๆ ก็ยากจะหลุดผ่านภพเข้าไปได้เมื่อเข้าไปแล้วก็ยากที่จะออกมาสู่ชีวิตในบ้านเมืองปัจจุบันได้แต่เขาก็ได้กลับออกมาพบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาแต่การสูญเสียนั้นก็ทำให้เขาได้ช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ให้พ้นจากอุ้งมือของคนชั่วและเขาได้ทำกุศลครั้งใหญ่นั่นด้วย
บทที่ 1 ลางสังหรณ์
“เจอมั้ยวะ เจอมั้ย”
“ยังไม่เจอเลยผู้ใหญ่”
“หาให้ทั่ว ไปทางโน้นรึยัง กระจายกันออกไป”
คำถามและคำตอบดังเกือบทุก 5 นาที ขณะเดียวกันคำสั่งดังต่อเนื่อง แสงไฟฉาย ไฟหน้ารถ ไฟฉายต่อจากหม้อแบตเตอรี่ ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ค้นหาทั่วพงหญ้าริมทาง ในดงไม้ ไกลจากหมู่บ้านออกไปหลายกิโลเมตร
ความหวังจะพบตัวประทิวห่างออกไปทุกที ชมร่ำไห้ปานจะขาดใจ ลูกชายคนโตเป็นหลักของครอบครัว ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อยและเป็นคนดีในสังคมชนบทแต่เสียอยู่อย่างเดียวชอบดื่มเหล้า เมาหลับไปแม้อยู่ข้างถนน ชมผู้เป็นแม่และชไมพรผู้เป็นพี่สาวคอยตามหาทุกคืนวันเสาร์ซึ่งประทิวชอบดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ในโรงงานกลับดึกทุกครั้ง
“เจอหรือยัง มันไปเมาอยู่ไหนของมันวะ ทุกร้าน ทุกบ้านเพื่อนมันก็ไม่มี ในป่าก็ไม่เจอ มันหายไปได้ยังไงวะ”
ผู้ใหญ่สมศักดิ์ถอนหายใจหลายเฮือกกับการค้นหาลูกบ้านของเขา ประทิวไม่ใช่คนเกเร ไม่มีใครรังเกียจเขาถึงแม้เขาจะเมาแต่ไม่เคยหาเรื่องด่าทอใคร พาลทะเลาะกับใครสักครั้ง เมาแล้วมักจะหลับ นั่นเป็นนิสัยของเขา
“ผู้ใหญ่ เจอมันมั้ย”
ชไมพรออกตามหาน้องชายกับคนในหมู่บ้านด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประทิวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อคืนชมออกไปตามหาลูกชายเช่นทุกคืนวันเสาร์ที่บ้านเพื่อนๆ ของประทิวแต่ไม่มีใครเห็นประทิวสักคน เย็นวันเสาร์หลังเลิกงาน เพื่อนๆ แยกย้ายกันกลับบ้าน ประทิวก็กลับบ้านเช่นคนอื่นๆ วันเสาร์นี้ไม่มีนัดที่ร้านเหล้า
“ไม่มีหรอกน้า มันไม่ได้มาตั้งวงกัน มันมีงานมั้งพรุ่งนี้น่ะวันนี้เลยไม่แวะร้านฉัน”
ชมกลับบ้านด้วยความผิดหวัง ชไมพรโทรศัพท์ตามน้องชาย เสียงโทรศัพท์ดังจนตัดสายไปก็ไม่มีใครรับสาย ปกติน้องชายของหล่อนไม่ปล่อยให้โทร.ตามหลายสิบครั้งอย่างนี้ ประเด็นแรกที่ชไมพรสงสัย
“มันเป็นอะไรรึเปล่าวะ”
หล่อนรอน้องจนหลับไป ชมตื่นกลางดึกถามหาประทิว ชไมพรไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจกับแม่เพราะน้องยังไม่กลับมา
“ยังไม่กลับเลยแม่”
ชมไม่นอนต่อ หุงข้าว ทำกับข้าว ชไมพรห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง หล่อนจึงต้องช่วยแม่ทำกับข้าว ความรู้สึกของหล่อนใจหายหรือน้องชายของหล่อนมีอันตราย ใครอาจทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์
เช้าวันใหม่ ชมไปหาผู้ใหญ่สมศักดิ์แต่เช้ามืด ชไมพรขับรถมอเตอร์ไซค์มาส่งแม่ ตัวหล่อนร้อนใจเช่นเดียวกับแม่ ประทิวไม่เคยค้างคืนบ้านใครหากไม่โทรศัพท์มาบอกหล่อนก่อน
“ผู้ใหญ่ ไอ้ทิวมันหายไปตั้งแต่เมื่อคืน นังไมมันโทร.ตามก็ไม่รับสาย ไม่โทร.มาบอกว่าจะค้างที่ไหน ฉันออกไปตาหามันก็ไม่เจอ ผู้ใหญ่ช่วยประกาศตามหามันให้ฉันด้วย ฉันจะไปแจ้งความที่โรงพัก ผู้ใหญ่พาฉันไปหน่อยนะ”
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ ยายชม ไอ้ทิวมันอาจไปกับแฟนมันก็ได้ รอบ่ายๆ มันคงมาหรือไม่ก็ค่ำๆ อย่าเพิ่งใจร้อน”
“พี่ผู้ใหญ่ ฉันสังหรณ์ใจว่ามันจะเกิดเรื่อง”
ชไมพรเผยความรู้สึกลึกๆ ที่เพิ่งเกิดในช่วงเช้ามืดขณะช่วยแม่ทำกับข้าว หล่อนรู้สึกเหมือนน้องชายแอบดูหล่อนอยู่ เหมือนมีใครกำลังจ้องมองหล่อนกับแม่แต่ไม่มีใครอยู่ในบ้านของหล่อนนอกจากหล่อนกับแม่ เมื่อประทิวไม่อยู่บ้านก็ไม่มีใคร สุนัข 2 ตัวนอนนอกบ้าน ไม่มีคนแปลกหน้าแปลกกลิ่นมันจะไม่เห่า พ่อของหล่อนเสียชีวิตไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา หล่อนอยู่กับแม่และน้องชายเพียง 3 คนเท่านั้น บ้านชั้นเดียวหลังนี้มีประตู หน้าต่าง ปิดแน่นหนา ไม่มีใครเข้ามาได้ง่ายๆ หากคิดจะเข้าโดยไม่เรียกเจ้าของบ้านก็ต้องงัดประตูหรือหน้าต่างเข้ามา
“สังหรณ์ใจยังไงหรือไม”
ผู้ใหญ่สมศักดิ์มองหน้าหญิงสาว สนใจคำพูดของหล่อนและสนใจตัวหล่อนด้วย เขาหลงรักหล่อนมานานหลายปี เคยขอหล่อนแต่งงานก่อนได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน แต่หล่อนยังไม่พร้อมแยกครอบครัว อาจเป็นเพราะหล่อนไม่ชอบญาติๆ ของเขาก็ได้ พ่อแม่เขารังเกียจคนจน ครอบครัวของชมมีหนี้สินกับการกู้เงินมาปลูกบ้าน หล่อนทำงานร้านเสริมสวย น้องชายทำงานโรงงาน มีเงินเหลือใช้หนี้บ้างแต่หนี้ก็ยังไม่หมด พ่อแม่ผู้ใหญ่กลัวลูกชายจะมาช่วยปลดหนี้ให้ชไมพรจึงไม่ค่อยพูดคุยด้วยและพยายามหาผู้หญิงมาให้ผู้ใหญ่เลือกหลายคนแต่ผู้ใหญ่ไม่สนใจใครสักคน เขาจะรอชไมพรจนกว่าหล่อนจะใจอ่อนยอมแต่งงานกับเขา