บทที่ 2 ที่ไหน
“เมื่อเช้ามืด ไอ้หมีกับไอ้มอมมันครางเหมือนเจอคนรู้จัก ฉันรู้สึกเหมือนมีคนมองฉันกับแม่ตลอดเลยตอนที่ทำกับข้าวจ้ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวสายๆ พี่จะให้พวกเราช่วยกันตามบ้านเพื่อนๆ มันอีกที ถ้าไม่เจอค่อยไปแจ้งความกัน น้าชมอย่าเพิ่งกังวลนะ ฉันช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”
“มีอะไรกันถึงมาแต่ก่อนไก่โห่อย่างนี้ มาทั้งแม่ทั้งลูกเชียวนะ”
สมใจได้ยินเสียงลูกชายคุยกับใครอยู่หน้าบ้านจึงเดินออกมาดู พอเห็นหน้าสองแม่ลูก อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาทันที
“ไอ้ทิวมันหายตัวไปจ้ะแม่ น้าชมเขามาขอให้ผมพาไปแจ้งความ”
“เมาหลับที่ไหนรึเปล่า เมาแอ๋ทุกวันเสาร์ไม่ใช่รึ”
“ไม่น่าใช่จ้ะป้า ไปตามบ้านเพื่อนไม่เจอ ร้านเหล้าก็ไม่เห็นจ้ะ”
“มันจะไปไหนถ้าไม่เมาจนลืมทางกลับบ้าน เผลอๆ เดินเลยบ้านไปหลับในป่าโน่น ลองไปตามในป่าดูสิ”
สมใจไม่ได้เห็นใจชมกับชไมพร นอกจากคำพูดตัดกำลังใจและซ้ำเติมให้เสียใจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น สมศักดิ์เปลี่ยนใจแม่ให้ชอบชไมพรไม่ได้ แม่ก็เปลี่ยนใจเขาให้เลิกรักชไมพรไม่ได้เช่นกัน เขาตัดสินใจในเช้าวันนี้ หากหาตัวประทิวพบ เขาจะขอชไมพรแต่งงาน...
หอมกรุ่นกลิ่นควันฟืนอวลรอบกายชายหนุ่ม กลิ่นควันมาจากทิศทางใดเขาจับทิศไม่ถูก ความรู้สึกกลิ่นควันนั้นมาทุกทิศทาง อยู่ไม่ห่างตัวเขา ดวงตะวันใกล้ลับทิวไผ่ป่าชายทุ่งไกลสุดสายตา
ท้องทุ่งนายามเย็น งดงามตามธรรมชาติ แสงสุดท้ายแห่งวันส่องเป็นลำขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉาบเหนือทิวไผ่ด้วยสีส้มเป็นผืนยาวแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาดำพร้อมลำแสงจางหาย ดวงสีส้มกลมโตลับหายไปกับกลุ่มไผ่ ความสลัวปกคลุมทั่วผืนนากว้าง ทุ่งสีน้ำตาลมืดมัว ทว่าคุงยังคงเดินอยู่บนคันนา
กลิ่นหอมควันฟืนจางไป กลิ่นปลาเค็มทอดโชยมาตามลม บ้านใครทอดปลากเค็มส่งกลิ่นหอมมาถึงท้ายทุ่งนาอย่างนี้ คำถามเกิดขึ้นในใจของคุงเพียงครู่เดียวเท่านั้น เขาอดรนทนกับกลิ่นหอมนั้นไม่ไหวจึงต้องเอ่ยออกมา
“หอมจังว่ะ ใครทอดปลาเค็มวะ หอมไกลมาถึงกลางทุ่งเชียว กลับไปจะขอสักตัวเถอะ”
จบคำท้วงของคุง กลิ่นปลาหายไปหมดสิ้น กลิ่นแกงป่าแทรกเข้ามา เขาชะงักเท้ากำลังก้าวอยู่กับที่ มองไปรอบตัว
“แกงป่า บ้านนี้ทำกับข้าวหลายอย่างเลยโว้ย”
เท้าก้าวไม่หยุดขณะพูดและสูดกลิ่นหอมของแกงป่า เขาออกไปดูไร่ซึ่งอยู่ท้ายนา ทางไปไร่เลียบข้างแปลงนาของคนในหมู่บ้าน นาของคุงอยู่ติดกับที่ไร่ แบ่งทำนาครึ่งหนึ่ง ทำไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย ไร่ถั่วลิสง งา มันสำปะหลัง ปลูกหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป
ชาวบ้านมะแว้ง ปลูกพืชหมุนเวียนเหมือนๆ กันในฤดูเดียวกัน เมื่อผลผลิตออกมา นำไปขายพร้อมๆ กัน รายได้ของคนในหมู่บ้านได้จากพืชผักเหล่านี้ คุงเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ขยัน ทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน ขอให้ได้เงินมาจุนเจือครอบครัวและเงินที่ได้มาต้องเป็นเงินจากการทำงานหรือการขายของ ไม่เป็นเงินจากการฉ้อโกง ลักขโมยของใคร
คุงเดินเร็วขึ้นเมื่อตะวันใกล้ลับขอบฟ้า เขาก้มหน้าก้มตาเดิน อีกประมาณครึ่งกิโลเมตรจะถึงหมู่บ้าน เขาเงยหน้าขึ้นมองหมู่บ้านแต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าแปลกไปจากเดิมๆ เขาผ่านทางนี้เป็นประจำ ต้นกะบกอยู่ซ้ายมือขนาด 2 คนโอบจึงจะรอบต้น ถัดไปเป็นต้นเข็งขนาดเล็กกว่ากะบก ด้านขวามือเป็นต้นยางใหญ่ ใกล้ๆ ต้นยางเป็นต้นไม้แดงแต่ทำไมต้นไม้พวกนั้นหายไป มีบ้านคนเรียงรายอยู่เบื้องหน้า
บ้านแต่ละหลังเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง หลังคาเป็นทรงไทยเหมือนกันเกือบทุกหลัง บางหลังปลูกธรรมดา บอกให้รู้ถึงฐานะความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้าน
ชายหนุ่มแปลกใจ เขาเดินมาถึงหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร เขากำลังกลับเข้าหมู่บ้านมะแว้งของเขาไม่ใช่หรือ เขาหลงทางมาหรือ เป็นไปไม่ได้ ทางที่เขาเดินกลับเป็นทางเดิม ไม่หลงอย่างแน่นอน จากหมู่บ้านไปไร่ระยะทาง 2 กิโลเมตร เขาเดินบ่อยเพราะต้องไปดูไร่ บางวันเพื่อนบ้านไปลงแขกปลูกข้าวโพดช่วย ปลูกถั่ว ปลูกมันสำปะหลังถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็ลงแขกอีกครั้งช่วยเหลือกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนช่วยกันจนกว่าจะครบคนที่ไปช่วย แล้วทำไมวันนี้เขามาโผล่หมู่บ้านแปลกตาได้ เขายืนมองซ้าย มองขวา ผู้คนเดินไปมาตามบ้าน ใต้ถุนบ้าน ไม่มีใครสนใจเขาสักคน
กลิ่นแกงป่าโชยมาแตะจมูก เขาหันไปทางกลิ่นลอยมา ควันไฟกรุ่นอยู่เหนือหลังคาหญ้าแฝก เขาเพิ่งสังเกตทุกหลังคาเรือน มีควันไฟลอยอวนอยู่เหนือหลังคา บางบ้านก่อไฟอยู่ใต้ถุน เสียงคุยดังเป็นระยะ
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย เรามาถึงนี่ได้อย่างไร”
“พ่อหนุ่ม มาจากไหนหรือ”