บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ข้ามภพ

ทิพย์เลื่อนชามข้าวมาตรงหน้าคุง ชี้ชวนให้ตักกับข้าวในสำรับ แถมตักแกงป่าใส่ชามข้าวให้คุง ชายหนุ่มจึงยอมกินข้าวบ้านคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่คุ้น ไม่เคยเห็นแต่สิ่งเดียวที่คุงคุ้นและรู้สึกอบอุ่น บริเวณบ้านของแถม

รสชาติของอาหารทำให้คุงชะงักช้อนส่งข้าวกับน้ำแกงป่าเข้าปาก ปลายลิ้นรับรสน้ำแกง รสชาติอย่างนี้เป็นรสเดียวกับแม่จันทร์ของคุงทำให้กิน ทิพย์ยิ้มให้คุงเมื่อเขาจับช้อนค้างอยู่ในปาก

“ไม่อร่อยรึพ่อ”

คุงดึงช้อนออก เขาเสียมารยาทกับเจ้าของบ้านหรือเปล่า แสดงกิริยาไม่ดีให้ทิพย์กับแถมเห็นหรือเปล่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะหยุด ไม่ได้ตั้งใจเบิกตากว้างคล้ายตกใจกับอะไรสักอย่าง เขาจะชิมน้ำพริกในถ้วยทองเหลือง รสชาติน้ำพริกจะเหมือนของแม่จันทร์หรือเปล่า รสเปรี้ยวนำ เค็มพอดี เขาตักน้ำพริกราดบนหัวปลีต้ม กลั้นใจก่อนส่งอาหารเข้าปาก

ความร้อนแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง คอแห้งผาก ตาลืมไม่ขึ้น ประทิวดินรนกระสับกระส่าย มือไขว่คว้าสิ่งที่อยู่รอบข้างเพื่อยึดเป็นหลักพยุงตัวลุกนั่งแต่ไม่มีอะไรอยู่ข้างกายเขาสักสิ่ง

เขาพยายามลุกนั่งด้วยตัวเอง กำลังเหมือนถูกดูดกลืนไปกับความร้อนทุกรูขุมขน หัวใจเต้นแรงดั่งจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เขาเป็นอะไร กำลังจะตายอย่างนั้นหรือ เขาอยู่ที่ไหน ใครจะช่วยเขาได้ แวบแรกเขาคิดถึงแม่กับพี่สาว

“แม่ เจ๊ไม ช่วยฉันด้วย แม่ช่วยฉันด้วย ฉันหายใจไม่ออก เจ๊ไม ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

เขาร้องสุดเสียงเมื่อมีบางอย่างเย็นราวน้ำแข็งเคลื่อนทับปลายเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ถึงหัวเข่า ต้นขาทั้งสองข้าง ถึงเอว เลื่อนมาถึงหน้าอก เขาหายใจติดขัด ไอออกมาติดๆ กัน

“แม่ช่วยฉันด้วย เจ๊...ม่ะ...ไม...”

ความเย็นทับถึงคอ ปาก ตา หน้าผากถึงเส้นผม แขนสองข้างหมดแรง ทุกส่วนหมดพลังจะดิ้น ขยับ ทุกส่วนเย็น ชา และหมดความรู้สึก ไร้การรับรู้แม้แต่ลมหายใจพลันจางหายไปจากจมูก...

ลมพัดเฉื่อยฉิวและแรงขึ้นเมื่อเค้าเมฆรวมตัวเป็นก้อนใหญ่ ทะมึน จากสีเทาเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีดำ

อากาศรอบตัวชไมพรเย็นชื้น หล่อนเก็บเสื้อผ้าจากราวไม้ไผ่หลังบ้าน ปิดประตูหลังบ้าน หน้าต่างทุกบานเมื่อเม็ดฝนร่วงหล่นกระทบหลังคา สายฝนกระหน่ำทุกพื้นผิวหลังคา พื้นหญ้าหลังบ้าน หน้าบ้าน ถนนซีเมนต์หน้าบ้าน เปลวละอองตามแรงลมเป็นควันขาวขุ่น วันนี้ฝนตกหนักกว่าทุกวันในรอบสัปดาห์

ชมนั่งมองสายฝนผ่านช่องประตูหน้าบ้าน ดวงตาเหงา เศร้า ลูกชายของหล่อนอยู่ที่ไหน วันนี้เพื่อนบ้านตามหากันทั้งวัน พรุ่งนี้ผู้ใหญ่สมศักดิ์จะพาหล่อนไปแจ้งความคนหาย หัวใจของสาวใหญ่ร้าวเจ็บแปลบเมื่อคิดถึงวันพรุ่งนี้ หล่อนกลัว ความกลัวรุมเร้าอยู่ภายใน มันเป็นลางร้ายคอยกระซิบเตือนอยู่ใกล้ๆ

“แม่ เข้าข้างในเถอะ ละอองฝนสาดเข้ามาแล้ว ฉันจะปิดประตู”

ชไมพรปล่อยให้ชมนั่งอยู่นานพอควรจึงเรียก หล่อนเข้าใจความรู้สึกของแม่ หัวใจหล่อนเจ็บไม่แพ้แม่เช่นกัน เมื่อคิดไปไกลว่า ประทิว ไร้ลมหายใจแล้ว หากถึงวันพรุ่งนี้

ลมพัดกระโชกขณะชไมพรปิดประตูบ้าน ฟ้าเปรี้ยง แสงสว่างวาบเข้าตาหญิงสาว หล่อนผงะหลบข้างบานประตู หัวใจเต้นระทึก สายฟ้าลงหน้าบ้านของหล่อนหรืออย่างไร ทำไมรุนแรงจนบ้านสะเทือนอย่างนี้

“เปรียะ เปรี้ยง คลืนนนน...”

สายฟ้าแยกเป็นแฉก ส่งเสียงน่ากลัวในความรู้สึกของชไมพร หล่อนปิดประตูบ้านใส่กลอนข้างบนข้างล่าง ฝนแรงอย่างนี้มีแนวโน้มว่าจะตกหลายชั่วโมง หล่อนไม่เปิดประตูออกไปไหนอีก หาสำรับกับข้าว กินข้าวเย็นกับแม่

“แม่กินข้าวจ้ะ ฝนกว่าจะหยุดคงดึก”

“แม่ไม่หิว เอ็งกินเถอะ”

“กินสักคำสองคำ พรุ่งนี้จะได้ออกตามทิวไงแม่”

“ไม...คิดเหมือนแม่ไหม พรุ่งนี้จะเจอน้องหรือลูก แม่กลัวว่า...”

“ต้องเจอ ตำรวจเขาจะช่วยเราตาม ยังไงก็ต้องเจอจ้ะ แม่กินข้าวเนาะ”

ชไมพรน้ำตารื้น พยายามกลั้นไว้ไม่ให้ไหลออกมา แม่กำลังใจอ่อนแอ หล่อนต้องเข้มแข็งให้แม่เห็น ลางสังหรณ์กระตุ้นเตือนทุกลมหายใจว่าครอบครัวของหล่อนกำลังสูญเสียคนที่รักไป ฟ้าคำรามก้อง หลังคาสะเทือน หล่อนป้ายน้ำตาไม่ให้แม่เห็น

“ไม ไอ้ทิวมันอยู่ที่ไหน มันเป็นอะไรไหมไม แม่กลัวเหลือเกินไม กลัวมันจะไม่กลับมาอยู่กับเราแล้ว ไม...แม่...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel