บทที่ 11 ผิดธรรมชาติ
เขาหยิบก้อนทองน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม เขายกมันขึ้นมากอดไว้กับอก แถมเห็นรอยยิ้ม ดวงตาของคุงถึงกับผ่อนลมหายใจยาว คุงถูกม่านแห่งความโลภบังตา ความซื่อยังมีเหลืออยู่บ้าง เขาบอกกับแถมว่า
“น้า ฉันขอไปเป็นที่ระลึกก่อนกลับได้ไหมจ๊ะ”
“ไม่ได้ดอก เอ็งวางลงแล้วตามข้ามา ประเดี๋ยวนี้ก่อนที่เอ็งจะไม่ได้กลับบ้านตลอดชีวิตของเอ็ง”
“จ้ะน้า”
คุงลังเล แต่สุดท้ายเขาจำใจวางก้อนทองลงที่เดิม เหลียวมองรอบตัวอย่างเสียดาย เขาต้องกลับบ้าน เมื่อไหร่จะได้กลับมาที่นี่อีก เขาก้าวยาวๆ ตามหลังแถมไปเกือบถึงปากถ้ำ เท้าสะดุดเข้ากับก้อนทองหน้าคะมำ ล้มลงกับพื้น มือข้างหนึ่งคว้าแท่งทองไว้และเพราะน้ำหนักตัวของคุงค่อนข้างมาก
เมื่อล้มลงแรงดึงจึงรั้งแท่งทองหักลง แท่งทองแท่งเล็ก ไม่อาจต้านพลังแรงความตกใจของคุงไว้ได้ แท่งทองหักติดมือคุง แถมเหลียวมามอง
“คุณพระช่วย!”
แถมอุทานออกมา แท่งทองส่งประกายเข้าตา เขาหลับตาลง คุงลุกยืน มือกำแท่งทองไว้แน่น ความยาวของแท่งทองประมาณ 1ฟุต แถมถอนหายใจอีกครั้ง กฎแห่งกรรมของใครถึงเวลาเมื่อไรก็แสดงผลเมื่อนั้น ผลของคำขอไม่สำเร็จ ผลกรรมของคุงมาถึงแล้ว
“ไปกลับ เอ็งจะได้กลับบ้านเสียที เสียเวลานานมากแล้ว วางแท่งทองลงเสียพ่อหนุ่ม”
“ฉันขอนะน้า”
คุงออกวิ่งและเร็วกว่าที่แถมจะทันหยุดชายหนุ่มไว้ด้วยมือของเขา คุงวิ่งถึงปากถ้ำและพ้นถ้ำออกไป แถมวิ่งตาม
“พ่อหนุ่ม เอามาคืนไว้ในถ้ำประเดี๋ยวนี้ เชื่อข้า เอ็งนำติดตัวไปไม่ได้”
“ทำไมละจ๊ะน้า ฉันขอแค่นี้เอง ไม่ได้เอาไปมาก ฉันจะเอาไปให้พ่อแม่ฉันดู จะกลับไปเล่าให้พ่อแม่ฉันฟัง”
“อย่าเลย เอ็งนำกลับไปไม่ได้ ถ้าเขาไม่อนุญาต”
“เจ้าห้ามเขามิได้ดอก เขามิฟังใคร ถึงเวลาของเขาแล้ว ข้าอนุญาต ให้เขาไปเถิด”
เสียงดังออกมาจากด้านในถ้ำ แถมขนลุก ถอยห่างถ้ำ ดึงแขนคุงตามมา ท้องฟ้าเปลี่ยนสีราวกับพายุใต้ฝุ่นเข้ากะทันหัน ฟ้าสดใส สีฟ้าสวยเปลี่ยนเป็นสีเทาดำ ครึ้ม คล้อยต่ำลงใกล้ปากถ้ำ แถมรู้ว่าจะเกิดอะไรจากนี้
“กลับบ้านเร็วๆ พ่อหนุ่ม ข้าจะไปส่งตรงที่เอ็งเข้ามา เร็วๆ รีบตามข้ามา”
ไม่ทันเท้าจะก้าวเดิน เม็ดฝนหล่นพรูลงเบื้องหน้าแถมและถึงตัวแถมกับคุง แถมเข้าใจคำพูดของคนที่พูดกับเขาเมื่อครู่ ถึงเวลาของเขาแล้ว ใครห้ามมิได้ เวลานี้นี่เอง แถมวิ่งฝ่าสายฝน เม็ดฝนตกกระทบผิวเนื้อเจ็บดั่งถูกเข็มแทง
“เร็วๆ พ่อหนุ่ม”
คุงวิ่งตามเสียงเร่งของแถม เขาวิ่งตามแถมจนถึงบ้านแถม ฝนยังไม่หยุดตก หน้าฝนหรือหน้าหนาว หน้าร้อน คุงไม่รู้ แต่เวลานี้ฝนกระหน่ำรุนแรงกว่าที่เขาเคยเห็นมา ตกหนักปานจะถล่มทลายหมู่บ้านให้จมหายไปกับสายน้ำและเมื่อแถมถึงบ้าน ฟ้าผ่าลงต้นไม้เหนือบ้าน
“เปรี้ยง!”
“โอ๊ย!”
เสียงฟ้า เสียงคน ดังติดๆ กัน แถมใจหายเมื่อหันไปเห็นร่างของคุงล้มทั้งยืนลงริมชายคาบ้านของเขา คุงหมดสติทันที
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่ม...”
แถมวิ่งกลับไปดึงตัวคุงเข้าร่ม ทำอะไรไม่ถูก หันรีหันขวางครู่หนึ่งจึงวิ่งขึ้นเรือน
“แม่ทิพย์ แม่ทิพย์ ช่วยกันที พ่อหนุ่มถูหางฟ้า สลบไปแล้ว”
“ตายจริง อยู่ไหนรึ”
“ใต้ถุน”
ทิพย์วิ่งตามสามีลงมาใต้ถุน คุงนอนเหยียดยาวไร้สติ มือยังกำแท่งทองแน่น มุมปากมีรอยยิ้ม เขาหลับไปกับความสุข ทิพย์เห็นเช่นนั้น
“เขาตายรึเปล่าพี่”
“ไม่ดอกแม่ทิพย์ ไปเรียกลูกมาช่วยหามขึ้นเรือน เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก่อน ขืนนอนเปียกอย่างนี้ปอดบวมตายแน่ๆ”
“จ้ะ แล้วนั่นอะไร ทำไม...”
“อย่าเพิ่งถามเลย ช่วยเขาก่อน ค่อยคุยกัน”
“จ้ะ”
ทิพย์เห็นแท่งทอง แปลกใจทำไมอยู่ในมือคุง เจ้าที่ให้คุงมาเป็นของฝากอย่างนั้นหรือ หากให้เป็นที่ระลึก ทำไมฝนกระหน่ำ ฟ้าฟาดแรงอย่างนี้ ทิพย์ไม่เข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติที่กำลังเกิดอยู่ในขณะนี้
ทันทีที่เสื้อผ้าของคุงถูกถอดจากร่าง ฟ้าหยุดคำราม ฝนซาเม็ดอย่างเหลือเชื่อ ทิพย์ยังคงแปลกใจเช่นเดิม แถมไม่แปลกใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุงถูกกำหนดไว้แล้ว ตัวของคุงกำหนดชะตาตัวเอง หากคุงรีบกลับออกมาจากถ้ำทองและไม่ขอก้อนทองออกมาด้วย เหตุการณ์ผิดแผกจากธรรมชาติปกติจะไม่เกิดขึ้น
ที่ทำให้แถมไม่สบายใจ ไม่ใช่ทองแท่งในมือคุงแต่เป็นวิถีชีวิตของคุงต้องเปลี่ยน คุงจะรับได้หรือหากต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต...
รถตำรวจจอดต่อจากรถสมศักดิ์ ผู้กองชัยเลิศเปิดประตูก้าวลงจากรถ เขายังไม่เชื่อความฝันของชไมพรแต่ที่เขามาพบผู้ใหญ่สมศักดิ์เพื่อพิสูจน์ให้ชไมพรเห็นว่าความฝันกับความจริงมันต่างกัน ความฝันก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
“สวัสดีครับผู้กอง ผมรบกวนหน่อยนะครับ อย่างที่ผมเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ นี่ชไมพรครับ นี่น้าชม”
“สวัสดีครับ ไม่รบกวนหรอกครับ ไปครับ นำทางไปเลยครับคุณชไมพร”
ผู้กองรับไหว้ชไมพรและชม เห็นคราบน้ำตาของสาวใหญ่กับหญิงสาวยืนข้างสมศักดิ์ นายตำรวจหนุ่มรู้สึกผิดกับความคิดของตนเอง ความคิดว่าชไมพรเพ้อเจ้อ เขาต่างหากที่เพ้อเจ้อ เข้าข้างความรู้สึกตัวเอง เขาเดินตามหลังสมศักดิ์ เถียร รังและนุ่มเดินนำทาง ป่าไม้สูงข้างหน้าคือจุดหมาย