บนที่1 (2)
“เธอเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ” จู่ๆเขาก็ถามโพล่งขึ้นมาในความเงียบ ส่งผลให้มินชยาดีดกายยืนตัวตรงเหมือนกำลังเคารพธงชาติ หน้าซีดสลับกับแดงก่ำดูน่าตลก ทว่าในสายตาของเขากลับไม่มีร่องรอยความขบขันเลยแม้แต่น้อย
“คะ คนไทยค่ะ”
“แล้วไปทำตามฝรั่งเขาทำไม ครูไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้เลย”
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” เธอแย้ง
“แล้วเอามาให้ครูทำไม”
“เพราะหนูปลื้มอาจารย์ค่ะ”
“ทำไมถึงปลื้ม” เขาซักละเอียดจนเธอชักไม่แน่ใจว่าเขาเป็นครูหรือเป็นตำรวจกันแน่
“เพราะอาจารย์มีเสน่ห์ค่ะ หนูปลื้มอาจารย์มานานหลายเดือนนับตั้งแต่อาจารย์เข้ามาสอนที่โรงเรียนนี้แล้วนะคะ”
“เหลวไหล” เขาบ่นเบาๆ “ครูจะรับไว้ก็ได้”
“จริงหรือคะ” เธอเงยหน้าฉับพลัน ดวงตาเปล่งประกายเจิดจรัส ริมฝีปากสีชมพูคลี่ยิ้ม ก่อนที่รอยยิ้มจะเลือนหายเมื่อได้ฟังเขาพูด
“แต่ครูอยากขอติงสักนิด เธอทำตัวไม่สมเป็นนักเรียนเลยนะ ใกล้จะเรียนจบ ม.6 แล้วใช่ไหม เธอควรเอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบเพื่อจะได้สอบติดมหาวิทยาลัยดีๆมากกว่ามามัวคิดเรื่องผู้ชาย”
“นะ…หนู หนูรู้ตัวว่าใกล้จะจบแล้ว เลยทำในสิ่งที่อยากทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสค่ะ”
“เหรอ…” ชายหนุ่มหยัดยิ้ม วางของในมือลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนเดินวนรอบตัวเด็กสาวที่ตอนนี้กำลังสั่นน้อยๆด้วยความหวั่นเกรง “อายุเท่านี้ริจะรักแล้วเหรอ เธอควรเรียนให้จบก่อนที่จะคิดมีแฟน ก่อนที่จะดูแลใครได้ เธอควรดูแลตัวเองให้ดีซะก่อน ดูสิ…ปล่อยตัวให้อ้วนแผละเหมือนฮิปโปจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย หน้าก็ล้างไม่สะอาดใช่ไหม หน้าถึงเต็มไปด้วยสิวเขลอะเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์ แล้วกระโปรงน่ะ…ครูบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามนุ่งสั้น เธอนุ่งไปก็ไม่ได้สวยอะไรเลย ท่อนขาใหญ่อย่างกับต้นกล้วย บั้นท้ายมหึมาเหมือนโอ่งมังกร เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าใช้น้ำอุทัยทิพย์ทาปากทาแก้มมาโรงเรียนอีกนะ แดงยังกับตูดลิง ไม่ได้ดูเจริญหูเจริญตาเลยสักนิด !”
วาจาเขาช่างร้ายกาจไม่ต่างจากคมมีดที่กรีดหัวใจเธอจนยับ…เด็กสาวหน้าชาเห่อด้วยความผิดหวังระคนอับอาย แม้ในห้องจะมีเพียงเขาและเธอ แต่ทำไมนะ…เธอถึงรู้สึกประหนึ่งกำลังโดนผู้คนนับร้อยนับพันหัวเราะเยาะหยันอยู่
หากพื้นตรงนี้มีรู เธอคงไม่ลังเลที่จะมุดเข้าไปซ่อนตัว
“อ้วนเหมือนฮิปโป…หน้าขรุขระเหมือนผิวดวงจันทร์…ท่อนขาใหญ่เหมือนต้นกล้วย…ตูดเหมือนโอ่งมังกร…ปากเหมือนตูดลิง…” เด็กสาวพึมพำ ดวงตาไร้แวว ราวกับคนละเมอจนชายหนุ่มชักกังวลว่าเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า แต่เขาจำใจต้องพูดเช่นนี้เพราะไม่อยากให้เธอหมกมุ่นกับเรื่องรักใคร่มากกว่าเรื่องเรียน เขาจึงพูดจาร้ายกาจใส่
ทว่าเขาไม่รู้เลยว่าผลจากการกระทำนั้นจะทำให้มินชยาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา…
หากคำพูดที่คนอื่นเคยดูถูกเธอเปรียบดังใบมีดโกนเชือดเฉือนความรู้สึก คำพูดจากอาจารย์หนุ่มคนนี้คงไม่ต่างจากเลื่อยขนาดใหญ่ที่ตัดหัวใจเธอเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่ปรานี
“ใช่… ใกล้จะ 8 โมงแล้ว เตรียมไปรอเข้าแถวเถอะ”
“ค่ะ ขอโทษที่รบกวนอาจารย์นะคะ” เด็กสาวกลั้นสะอื้น วิ่งผ่านหน้าเขาออกจากห้อง โดยมีสายตาของปฏิพัทธมองตามไปจนลับ…กระทั่งไม่เห็นเธอแล้วนั่นละ เขาจึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวม แกะกล่องใบน้อย หยิบช็อกโกแลตส่งเข้าปากทีละชิ้นจนหมด ก่อนจะจับดอกกุหลาบขึ้นมามองในระดับสายตา…
กุหลาบแรกแย้ม ยังไม่ทันจะบานก็โดนเด็ดมา สวยไม่ทันไรก็พลันบอบช้ำและเหี่ยวแห้งไร้ราคาไปในที่สุด เปรียบดังวัยสาวที่เพิ่งริรัก…จะดีเพียงไรหากให้ดอกไม้อยู่บนต้นไปนานๆ ไม่ต้องบุบสลายก่อนวัยอันควร
เขาคิดถูกแล้วใช่ไหมที่พูดจาใจร้ายใส่เธอไป สำหรับคนที่มีอาชีพครูเช่นเขาแล้ว…คงทำได้เพียงเท่านี้
วันนี้เธออาจไม่เข้าใจ แต่วันหน้า…เขาเชื่อว่าเธอจะต้องเข้าใจเขาอย่างแน่นอน
ฝ่ายมินชยานั้น เธอวิ่งเข้าห้องน้ำหญิงซึ่งมีแบ่งกั้นห้องไว้เป็นสัดส่วน เธอเลือกห้องที่อยู่ด้านในสุด ขังตัวเองไว้ในนั้น ทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเท้า มือข้างหนึ่งยันผนังห้องเพื่อกันไม่ให้ตัวเองทรุดลงกองบนพื้นที่มีกลิ่นอับโชยเป็นระยะ
น้ำตามากมายหลั่งไหลราวท่อน้ำประปาแตก เธอร้อง…ร้องจนตัวสะท้านไหว ไม่สนใจแม้หูจะแว่วได้ยินเสียงประกาศให้เด็กนักเรียนไปเข้าแถวหน้าเสาธง เธอไม่สน…ไม่สนอะไรอีกแล้วจริงๆ
“อาจารย์ใจร้าย…ใจร้าย” เธอได้แต่พร่ำคำนี้ออกมานับสิบครั้ง ในหัวมีแต่คำพูดเขาวนเวียนอยู่ในสมอง ดวงตาพร่าพรายไปด้วยม่านน้ำที่ขวางกั้น มองอะไรไม่เห็น ทว่าภาพในความทรงจำช่างเด่นชัดเหลือเกิน
ถึงเธอจะเกิดมาอาภัพ มีรูปลักษณ์ไม่ชวนมอง แต่เธอก็มีหัวใจ รู้จักที่จะชอบใครสักคน รู้จักที่จะปลื้มเพศตรงข้าม ทว่า…รักแรกของเธอกลับแตกยับไม่มีชิ้นดี
เด็กสาวสั่งน้ำมูก ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น…คอยดูเถอะ สักวันเธอจะต้องสวยจนผู้ชายทุกคนต่างพากันยอมสยบ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ฝ่ายปกครองหน้าดุปากจัดคนนั้น สักวันเธอต้องเอาชนะเขาให้ได้ …!