บทที่2 (4)
“คุณเหมือนคนปกติเลยนะคะ”
“อันตัวฉันนั้นหาใช่คนปกติธรรมดาเหมือนเจ้าไม่ แต่คือหญิงสาวผู้เลอโฉมดั่งสโนไวท์ในโลกนิทาน” จุไรพรกางมือออก หลับตาพริ้ม แล้วเปล่งเสียงอีก “ฉันมั่นใจในความสวยและความดีของฉัน เอิงเอย…”
มินชยาส่ายหน้า ไม่ไหวหรอก…แบบนี้เป็นโรคประสาทชัวร์ๆอยู่แล้ว คนอะไรเดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า
“ทำไมไม่กินข้าว ห๊ะ!” เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นหลังใช้เท้าถีบบานประตูให้เปิดออกแล้ว
“อะ อาจารย์…” เธอครางเสียงอ่อย อดนึกถึงอดีตวันวานไม่ได้…เมื่อก่อนเขาคืออาจารย์มาดเข้มที่ตั้งมั่นในศีลธรรมและปากคอเราะร้าย ทว่ายามนี้…เขาแต่งกายเหมือนคาวบอยหนุ่ม หล่อเหลา มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อ 7 ปีก่อนจนเทียบกันไม่ติด
“ตอนนี้ฉันเป็นชาวไร่ อย่าเรียกฉันว่าอาจารย์” เขาพูดเสียงสะบัด
“แต่คุณเคยเป็นอาจารย์อยู่โรงเรียนที่ฉันเคยเรียน”
“เธอคืออดีตลูกศิษย์ของฉันงั้นเหรอ..?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ขยับมาหยุดยืนข้างเตียง ใบหน้าใต้หมวกสีดำปีกกว้างฉายแววฉงนอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ใช่ค่ะ อาจารย์ไม่ได้สอนฉัน แต่ฉันเคยหลงปลื้มอาจารย์…” เธอหวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมา…ตอนนั้นเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 แม้จะมีรูปลักษณ์ไม่ชวนมอง ทว่าเธอก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่รู้จักสนใจเพศตรงข้าม วันแรกที่ปฏิพัทธย้ายมาทำหน้าที่ที่โรงเรียนของเธอ เพียงแว่บเดียวที่ได้สานสบนัยน์ตาสีสนิมเหล็กดุดันคู่นั้น เธอก็รู้สึกราวโลกทั้งใบหยุดหมุน…จากนั้นมา เมื่อมีโอกาสเธอมักจะแอบมองเขาจากที่ห่างไกลเสมอ จนกระทั่งถึงวันวาเลนไทน์ เธออยากให้ดอกกุหลาบกับช็อกโกแลตแก่เขา ทว่าเขากลับพูดจาบั่นทอนจิตใจเธออย่างเจ็บแสบ
“หลงปลื้มฉัน…?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ค่ะ…” ตอบเพียงเท่านี้ก็เงียบไป ขณะที่เขาเอ่ยถาม
“หิวน้ำใช่ไหม เธอสลบไป 3 วัน ไม่แปลกที่จะคอแห้ง”
“ 3 วันเชียวหรือคะ” หญิงสาวเบิกตากว้าง “ทำไมฉันหลับไปนานขนาดนั้น”
“นั่นสิ บางทีฉันก็คิดนะ…ไอ้พรรคพวกของเธอนี่ใจโหดน่าดู ถึงจะผิดใจกันเองแต่ก็ไม่เห็นต้องทำร้ายเธอรุนแรงขนาดนั้น นี่สินะ…คำว่ามิตรภาพไม่มีในหมู่โจร” เขารินน้ำใส่แก้ว หยิบหลอดในถาดเงินมาเสียบแก้ว แล้วประคองศีรษะเธอขึ้น
“ดื่มซะ…” เขาสั่ง เธอเหลือบตาขึ้นมองเขาชั่วแว่บหนึ่ง ไม่อยากทำตามคำสั่งนั้น แต่ตอนนี้เธอกระหายน้ำเหลือเกิน
หลังจากดูดน้ำไปเกือบครึ่งแก้ว เธอก็ทิ้งศีรษะลงนอนตามเดิม ดวงตาคู่โตเหม่อมองโคมระย้าสีอ่อนนั่น พลันความคิดก็เริ่มล่องลอย…น่าตลกโชคชะตาที่นำพาให้เธอได้หวนกลับมาพบชายที่เป็นรักแรกอีกครั้ง และเป็นการพบกันที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย ในเมื่อเธอต้องตกเป็นเชลยอย่างไม่อาจขัดขืน
แม้จะอยู่ในห้องหรูหรา เตียงกว้างขวาง แต่กลับโดนปฏิบัติเยี่ยงนักโทษ นี่หรือคือผลแห่งการคิดทำความดีด้วยการช่วยเหลือคนแปลกหน้า
“ที่แท้ฉันก็ไม่เคยสอนเธอมาก่อน แต่ก็ดีแล้วละ เพราะฉันคงช้ำใจน่าดูหากเห็นว่าลูกศิษย์ฉันโตมาจะทำตัวต่ำช้าแบบนี้” เขาแขวะ เล่นเอาเธอหน้าชาเห่อ
“อาจารย์ยังปากเสียเหมือนเดิมเลยนะคะ” เธอเน้นคำว่า‘อาจารย์’เป็นพิเศษ เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบให้เรียกแบบนี้ แค่ได้ทำอะไรที่เป็นการขัดใจเขาได้นิดๆ หน่อยๆ เธอก็พอใจแล้ว “แต่ก็ต้องขอบคุณอาจารย์นะคะ เพราะถ้าไม่ได้คำพูดของอาจารย์ในวันนั้น คงไม่มีฉันในวันนี้”
“ทำไม เราเคยสนิทสนมพูดคุยกันมากมายเหรอไง” เขาย้อนถามเสียงเรียบ
“อ้วนเหมือนฮิปโป…หน้าขรุขระเหมือนผิวดวงจันทร์…ท่อนขาใหญ่เหมือนต้นกล้วย…ตูดเหมือนโอ่งมังกร…ปากเหมือนตูดลิง…” เธอท่องเหมือนจำจนขึ้นใจแล้ว ก็เพราะถ้อยความเหล่านี้นี่ละที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง จนกระทั่งมีวันนี้…วันที่แตกต่างจากวันวานลิบลับ
ปฏิพัทธ์จ้องหน้าสวยเขม็ง…วูบหนึ่งที่มีใบหน้ากลมแป้นซึ่งเต็มไปด้วยสิวเสี้ยวมากมายซ้อนทับขึ้นมา ไม่น่าเชื่อ เด็กคนนั้นโตมาเป็นสาวสวยขนาดนี้เชียวหรือ !
“เธอคือเจ้าของช็อกโกแลตและดอกไม้นั่นใช่ไหม”
“ขอบคุณที่ยังจำได้ค่ะ” เธอตอบเชิดๆ “เพราะคำพูดของอาจารย์นั่นละที่ทำให้ฉันเกิดพลังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลังจบ ม.6 แล้ว ฉันก็เรียนปริญญาตรีต่อ ระหว่างนี้ก็ดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพร ควบคุมน้ำหนัก 7 ปีที่อาจารย์ไม่ได้เจอฉัน เห็นความเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนละคะ”
ชายหนุ่มบดกรามจนเป็นสันนูน เขาเมินไปทางอื่น แล้วพูดเย็นชา “ฉันไม่สนใจเรื่องนั้น และฉันก็ไม่ได้มีฐานะเป็นอาจารย์อีกต่อไปแล้ว ฉันสนแค่ว่าเธอเป็นคนที่ทำให้น้องไปรเจ็บตัว” เขาหันกลับมาทางเธอ คราวนี้ดวงตาสว่างวาบจนคนมองถึงกับเย็นเยือกไปถึงในอก “ถ้าน้องไปรเป็นอะไร ฉันจะฆ่าเธออีกคน”
“ต้องให้บอกอีกกี่ครั้ง อาจารย์ถึงจะเชื่อว่าฉันไม่ได้ทำ” เธอบอกเสียงสั่น ขณะที่มือใหญ่จับไหล่เธอบีบ…บีบแรงจนต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ “ปล่อยนะ ฉันเจ็บ”
“ฉันอยากทำให้เธอเจ็บมากกว่านี้ด้วยซ้ำเพื่อชดเชยในสิ่งที่เธอทำกับน้องไปร เด็กคนนั้นทำอะไรให้เธอเคืองแค้นงั้นรึ ถึงต้องทำกันขนาดนั้น”
“ไม่ค่ะ น้องไปรไม่ได้ทำอะไรฉัน และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรน้องไปรด้วย ว่างมากนักหรือไงคะถึงเที่ยวใส่ความคนอื่นแบบนี้” เธอแหว…ก่อนชะงักเมื่อท้องส่งเสียงครวญ
“หึ…” เขาทำเสียงชนิดหนึ่งในลำคอ ละมือจากไหล่กลมกลึงแล้วถาม “ทำไมไม่กินข้าว คิดว่าตัวเองเป็นแขกพิเศษที่ฉันต้องคอยพะเน้าพะนอเอาใจหรือไง”
“ฉันไม่กิน อาจารย์ก็เห็นนี่คะว่าฉันโดนมัดจนขยับตัวไม่ได้”
“อืม…ก็จริงของเธอ” เขาลูบคาง ทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ก็ถอดหมวกออกวางข้างถาด จากนั้นก็นั่งริมขอบเตียง “ฉันจะช่วยสงเคราะห์ป้อนเธอก็แล้วกัน อ้าปากซะ”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ…ผู้ชายจอมเผด็จการ กล้าดียังไงมาทำกับเธออย่างนี้ ทั้งกล่าวหาว่าเธอเป็นคนร้าย จับเธอมัดเหมือนหมูรอโดนเชือด แล้วยังวาจาร้ายกาจชอบบังคับให้เธอทำตามเขา
นี่เธอเคยหลงปลื้มมารร้ายอย่างเขาได้อย่างไรกัน !