05 บูลลี่
เวลาต่อมา
“เป็นอะไรไปยัยริน เห็นนั่งเหม่ออยู่ตั้งนานแล้ว” โดนัทเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวดูเหม่อลอย มันแปลกไปจากเดิมจากสิ่งที่เพื่อนอย่างโดนัทเคยเห็นมาก
“….”
“ยัยริน ยัยริน ยัยริน!!”
“เอ้ยอะไรเนี่ย อยู่ใกล้กันแค่นี้เองไม่เห็นต้องตะโกนเลย ตกใจหมด” ดารินสะดุ้งอย่างแรงเมื่อถูกเพื่อนสาวตะโกนเรียกจนตกใจไม่เป็นท่า
“ฉันเรียกแกตั้งนานแล้ว”
“มีอะไรล่ะ?”
“ฉันถามว่าแกเป็นอะไรไปทำไมถึงนั่งเหม่อลอยไม่อ่านหนังสือ แกดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะริน มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าพูดกับพวกฉันได้เลยนะ”
“เฮ้อ…ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกัน” เธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง เมื่อพูดถึงเรื่องที่เธอกำลังเป็นทุกข์อยู่
“ทำไมล่ะ เรื่องมันหนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอ” ซีเอ่ยถาม เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน ดารินเป็นคนที่สดใสร่าเริงในสายตาของบรรดาเพื่อนทุกคน และการที่ดารินเป็นแบบนี้มันก็ดูแปลกไปในสายตาของพวกเธอมาก
“เปล่า แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี”
“ก็พูดตามที่ใจคิดเลย ถ้าไม่สบายใจก็ระบายออกมาให้พวกฉันฟังจะได้โล่งใจ”
“ถ้าสมมติว่าพวกแกได้แอบรักใครซักคนนึง แต่คนนั้นไม่แม้แต่จะเหลียวมองเลยล่ะพวกแกจะทำยังไง” ดารินตัดสินใจพูดออกไป เผื่อว่าความคิดเห็นของเพื่อนๆ จะช่วยตัดสินอะไรได้บ้าง
“นี่แก…”
“อืม…แต่ยังไม่ต้องถามนะว่าฉันแอบชอบใคร ฉันแค่อยากรู้ว่าถ้าสมมุติพวกแกตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกแกจะทำยังไง”
“มันน่าอึดอัดมากเลยนะ ว่าแต่แกเคยพูดอะไรกับคนนั้นบ้างยัง อย่างเช่นไปบอกว่ากำลังแอบชอบหรือไม่บอกว่ารักเค้า หรือว่าแกอยู่เงียบๆ ไม่ยอมบอกอะไรเลย”
“ข้อสุดท้าย” ดารินพูดเบาๆ
“ทำไมแกไม่ลองไปพูดความในใจกับผู้ชายคนนั้นดูล่ะ จะได้รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับแก บางทีที่เค้าเมินแกไม่ได้แปลว่าเค้าไม่ได้ชอบสักหน่อย”
“แต่เค้าบอกกับฉันว่าเค้าคิดกับฉันแค่น้องสาว”
“อ่าว…แบบนี้ก็ จอดรถแล้วถอยกลับได้เลย”
“แต่ฉันแอบรักมานานแล้วนะ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องตัดใจจากเขาได้ยังไง”
“ทำได้สิ เพื่อนของฉันเก่งอยู่แล้วเรื่องแค่นี้เองจิ๊บๆ” โดนัทตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆ
“พวกแกก็พูดได้สิ พวกแกไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบฉันสักหน่อย”
“….”
“เค้าบอกว่าฉันยังเด็กยังไม่เหมาะที่จะมีเรื่องแบบนี้”
“ก็จริงนะ นี่เรายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยกันเอง บางทีเค้าอาจจะรอให้แกเรียนจบก่อนก็ได้แล้วค่อยคิดถึงเรื่องนั้น”
“ไม่หรอก ถ้าคนจะรักกันจริงต่อให้อายุแค่นี้ก็รักกันได้ มันไม่เกี่ยวกับอายุหรอก เราคบกันแล้วสร้างอนาคตไปด้วยกันก็ได้นี่นา”
“แล้วแกจะเอาไงต่อไป”
“ฉันว่าจะลองทำตามความเห็นของแกดู ไปบอกความในใจกับเขา ต่อให้คำตอบมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันหวังแต่ฉันก็ขอแค่ได้พูดก็พอแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นพวกฉันจะคอยให้กำลังใจแกนะ แต่อย่าทำร้ายตัวเอง ถ้าผู้ชายไม่รักเราก็แค่หันกลับมาดูแลตัวเองแค่นั้น ไม่จำเป็นต้องไปง้อผู้ชายให้มันเสียศักดิ์ศรีของเรา”
“อื้ม ขอบใจพวกแกมากนะที่เป็นกำลังใจให้กับฉันอย่างดีเลย”
“ยินดีจ้ะ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา”
ดารินถือว่าโชคดีมากเลยที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ดี พ่อแม่รักลูกเท่ากัน และไม่เคยคิดที่จะบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย แถมยังได้เพื่อนดีๆ แบบนี้อีก
“ว่าแต่พี่ไทเกอร์พี่ชายของแกกลับไปเรียนเมืองนอกแล้วเหรอ” เอ็มถาม
“อื้อ อีกปีเดียวก็จบแล้วล่ะ”
“อยากมีพี่ชายหล่อๆ แบบนั้นบ้างจังง่ะ แกรับฉันเป็นพี่สะใภ้ป่ะ ฉันอยากไปสมัครเป็นว่าที่ภรรยาของพี่ชายแกจังเลย”
“เหอะๆ แกเคยเห็นพี่ชายฉันสนใจผู้หญิงคนไหนด้วยเหรอ ทั้งชีวิตสนใจอยู่แค่กับงานสนใจอยู่แค่การเรียน อยากเป็นผู้พิพากษานั่นคือความฝันสูงสุดของพี่ชายฉันเลยแหละ”
“ดีอะ มีพี่ชายเป็นผู้พิพากษา มีพ่อเป็นคนรวย แม่เปิดบริษัทดีไซเนอร์ แกโคตรจะโชคดีเลยอะริน”
“ใช่ ฉันโชคดีที่ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น และฉันก็โชคดีมากที่ได้เพื่อนดีๆ อย่างพวกแก”
“งุ้ยน่ารักอีกแล้ว”
“เฮ้ยๆ ได้เวลาเข้าคลาสเรียนแล้ว รีบไปกันเถอะเดี๋ยวอาจารย์ไม่เช็คชื่อ” โดนัทรีบพูดขึ้นมาแทรกทุกคน เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่าอาจารย์ในคาบนี้ทั้งดุและเข้มงวดขนาดไหน
“โอเคๆ”
กลุ่มของดารินรีบเดินขึ้นไปยังตึกเรียนของตัวเอง ระหว่างทางก็ดันไปชนกับใครบางคนเข้าทำให้คนพวกนั้นถึงกับหงายหลังล้มตึงไปเลย
“โอ้ยย เดินยังไงเนี่ยไม่ดูทางเลย” ผู้หญิงคนนั้นโวยวายเสียงดัง เธอมีใบหน้าที่สะสวยแถมยังหุ่นดีราวกับนางแบบอีกต่างหาก
“ขอโทษๆ เป็นยังไงบ้างเราไม่ทันได้ระวัง” ดารินเอ่ยปากขอโทษอย่างจริงใจ เพราะเธอเองก็รีบเข้าไปเรียนเหมือนกัน
“เจ็บสิถามได้ ก็ตัวอย่างกับควายอะ”
“เฮ้ย พูดแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอวะ พูดกันดีๆ ก็ได้นี่” ซีไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับคำพูดของผู้หญิงคนนั้น
“ซีช่างเถอะ ฉันผิดเองนี่แหละที่ไปเดินชนเค้าเอง” ดารินหันไปพูดกับเพื่อนสาว
“ผิดก็ขอโทษแล้วไง ทำไมต้องมาด่าทำไมต้องมาบูลลี่รูปร่างกันด้วย”
“ทำไม? พูดแค่นี้รับไม่ได้หรือไง ก็ฉันพูดความจริงนี่นา เพื่อนเธออ้วนอย่างกับควายขนาดนี้”
“เฮ้ยพูดแบบนี้มาใส่กันเลยดีกว่ามะ!!” เอ็มที่ยืนดูอยู่ก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน เธอจะพุ่งตัวเข้าหาผู้หญิงคนนั้นแต่กลับถูกดารินคว้าตัวเอาไว้ซะก่อน
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะ เรารีบไปเรียนกันดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทัน ส่วนเธอฉันขอโทษก็แล้วกันนะที่ชนเธอล้ม เอาเป็นว่าเราจบกันแค่ตรงนี้นะ”
“เออ! จบก็จบดิ อยากให้เห็นนะว่ามาชี้หน้าด่าฉันอีก ครั้งหน้าฉันไม่ยอมแน่” ผู้หญิงคนนั้นพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง
“ดารินไม่เห็นจะต้องไปยอมแบบนั้นเลย อีนี่มันปากดีน่าจะตบให้เลือดกลบปากสักทีสองที” ซีพูดอย่างหงุดหงิด
“ก็ฉันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่นา ฉันอ้วนแบบนี้มันก็ต้องมีเรื่องบูลลี่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
“เฮ้ย แต่เรื่องรูปร่างหน้าตาอะไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอามาบูลลี่กันเลยนะเว้ย”
“ช่างเถอะ แกก็รู้ว่าฉันเจอแบบนี้มาจนชินแล้ว เรารีบไปเรียนกันดีกว่านะ”
“เออไปก็ไป แต่ฉันบอกเอาไว้ก่อนเลยนะ ถ้ามีเรื่องกันคราวหน้าอีกแกอย่ามาห้ามฉันอีกนะ ฉันอยากจะลองวางมวยกับผู้หญิงปากดีแบบนั้นบ้างจัง จะรู้ว่าลีลาบนสังเวียนมันจะดีเหมือนปากหรือเปล่า”
“เอาเถอะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงจะได้ไม่ต้องโดนลงทัณฑ์บนกัน”
“แม่งหงุดหงิด คิดว่าตัวเองสวยนักหรือไงถึงได้เที่ยวเหยียดคนนั้นคนนี้ไปทั่ว”
“ช่างเถอะ หายใจเข้าลึกๆ จะได้ใจเย็น” ดารินทำได้เพียงปลอบใจเพื่อนสนิท เธอไม่อยากให้เพื่อนของเธอมีเรื่องกับใครในมหาวิทยาลัย เธอรู้ดีว่าซีกับเอ็มเป็นคนที่ค่อนข้างหัวร้อนง่าย ใครพูดผิดหูแค่นิดเดียวก็มีเรื่องกันแล้ว และอีกอย่างก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดอะไรไม่ดีต่อหน้าด้วย ดารินรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เพื่อนมีเรื่องทะเลาะกันมันจะเกิดอะไรขึ้น