บท
ตั้งค่า

๓ ใส่ไฟ (๑)

ใส่ไฟ

เปิดประตูรั้วเสียงเบาแล้วเข้ามาในเขตบ้านปัณณทัต เธอยังคงทักทายกับลุงยามพร้อมนำขนมที่ซื้อมาจากหน้าหมู่บ้านให้อีกฝ่าย ค่อยก้าวตามทางเดินด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง พอกับจิตใจว้าวุ่น ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรกับความจริงที่เพิ่งทราบ

ตวิษาไม่ได้ภักดีกับกษมาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ...

ถอนหายใจหลายรอบ ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองจะอายุสั้นเพราะถอนหายใจหรือเปล่า เพราะมีเรื่องหนักอกให้คิดไม่ตก ทะเลาะกับตัวเองตั้งแต่ทราบเรื่องทั้งหมด กลัวว่าถ้ายื่นเท้าเข้าไปสอดกับความสัมพันธ์ของคนอื่น แล้วตัวเองจะเดือดร้อน

“เอาอย่างไง...บอกคุณก่อดีหรือเปล่า” แต่เรื่องนี้ก็ร้ายแรงเกินกว่าจะเก็บไว้คนเดียว ไม่รู้ชายหนุ่มถูกสวมเขามานานแค่ไหนแล้ว

นึกสงสารอีกฝ่ายจนต้องผ่อนลมหายใจอีกรอบ หากบอกเขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะเชื่อหรือเปล่า อาจกล่าวหาว่าหล่อนเป็นเด็กเลี้ยงแกะขี้โกหกก็ได้

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของหล่อนสักหน่อย เพราะฉะนั้นอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า...

“ไม่บอกหรอก” ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยสีหน้าจริงจัง เดินเข้าห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายแล้วเข้านอน แต่เพราะคิดไม่ตกเรื่องของกษมาและแฟนสาวของเขา จึงหลับตาไม่ลงจนต้องออกมาเดินเล่น

พลันเห็นแผ่นหลังหนาที่คุ้นเคยก็หยุดชะงัก ร่างสูงมานั่งที่สวนตั้งแต่เมื่อไหร่หล่อนไม่อาจทราบได้ แต่เห็นใบหน้าคมแหงนมองท้องฟ้า พร้องสูดลมหายใจลึกเมื่อได้กลิ่นหอมของกุหลาบโชยมาตามลม เผลอจ้องอย่างหลงใหลแล้วนึกสงสาร

หากเป็นเธอจะไม่ทำให้เขาเสียใจเด็ดขาด...

แกร็ก

เมียงมองกษมาอยู่นานแต่ก็เลือกจะไม่เดินเข้าไป หันหลังเพื่อเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าไม่ทันเห็นไม้ที่อยู่ใกล้เท้า จึงเผลอเหยียบจนเสียงดังปลุกคนตกอยู่ในภวังค์ให้ตื่น รีบหันหลังกลับมามองตามเสียงที่ได้ยิน

“ใครน่ะ” เพ่งสายตาฝ่าความมืด ก่อนที่เธอจะค่อยก้าวเข้ามาใต้แสงสว่างให้เขาเห็นหน้า

ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ตอนแรกคิดว่าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซะอีก ใบหน้าคมจึงแต้มยิ้มแล้วลุกมาทักทายหล่อนอย่างเป็นกันเอง นึกเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้าอยู่ครามครัน ถึงแม้การพบกันครั้งแรกจะไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่ก็ตาม

“ลินน์...มาทำอะไรตรงนี้”

เธอมองเขานิ่งเป็นใบ้ชั่วขณะ เม้มปากแน่นกำลังทะเลาะกับตัวเองว่าจะเอาอย่างไร กำหมัดแล้วเงยหน้ามองลูกชายเจ้าของบ้านปัณณทัต เปิดปากเพื่อจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าในเสี้ยววินาทีกลับเปลี่ยนใจ โป้ปดคำโต

“หาโทรศัพท์ ตอนเย็นมานั่งแถวนี้คิดว่าอาจจะลืมไว้ที่โต๊ะ แต่คงไม่มี...” ยิ้มจืดเจื่อนแล้วก่นด่าในความขี้ขลาดของตัวเอง

“ไม่เห็นนะ ให้ช่วยหาไหม” อาสาอย่างมีน้ำใจ แต่เธอรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว โทรศัพท์ตนไม่ได้หายสักหน่อยแค่หาข้ออ้างเท่านั้น

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวนคุณก่อดีกว่า ลินน์ไปนอนนะคะ” ก้าวถอยห่างร่างสูงแล้วค้อมศีรษะ กลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านี้จะแสดงพิรุธจนชายหนุ่มจับได้ ความคิดของเธอตีกันสับสนไปหมด คำพูดของหลานสาวแม่บ้านเขาจะเชื่อหรือเปล่า

มันคงไม่มีน้ำหนักเท่าคำพูดของแฟนที่คบกันมานานหรอก...บอกไปกษมาคงไม่เชื่อ

“อืม” ลินน์เดินหนีอย่างรวดเร็วราวกับกลัวเขาหนักหนา จนชายหนุ่มนึกสงสัยว่าตนน่ากลัวหรือเปล่า เหตุใดหล่อนจึงมีท่าทีเช่นนั้น

รถยนต์คันหรูแล่นพ้นจากรั้วบ้านปัณณทัต ชอบไปถึงที่ทำงานก่อนเวลาเพราะรถไม่ติด หากไปสายรถติดกว่าจะถึงอาคารสูงก็เกือบจะเลยเวลาเข้างานแล้ว แต่ระหว่างเส้นทางที่จะไปยังหน้าหมู่บ้าน ทันเห็นเรือนร่างแบบบางซึ่งเดินทอดน่องอยู่ริมฟุตบาธ

เขาไม่รอช้าจอดรถเทียบก่อนกดกระจกอีกฝั่งลงเพื่อทักทายคนในบ้านของตน เธอหันมามองด้วยความตกใจ ค่อยเดินเข้ามาใกล้พลางยกมือไหว้

“หาโทรศัพท์เจอหรือยัง” คำทักทายสร้างความงุนงงให้หล่อนครู่หนึ่ง ก่อนจำได้ว่าตัวเองโกหกเขาเอาไว้ จึงได้ยิ้มเจื่อนค่อยพยักหน้าตามน้ำ

“เจอแล้วค่ะ ตกอยู่ใต้เตียง”

“จะไปมหา’ลัยใช่ไหม ไปพร้อมกันสิ” ชวนอย่างมีน้ำใจ มารดาบอกว่ามหาวิทยาลัยของเธออยู่ใกล้กับที่ทำงานของเขา ชื่อของลินน์มักถูกคุณภัทรศยาเอ่ยถึงบ่อยครั้ง แม้จะเป็นหลานสาวของแม่บ้านแต่คนในครอบครัวปัณณทัตก็ไม่ได้รังเกียจหรือตีค่าให้เธอต่ำต้อยแต่อย่างใด

“ไม่ดีกว่าค่ะ ลินน์ชอบนั่งรถเมล์” กลัวตนอาจถูกกล่าวหาว่าตีสนิทเจ้านาย จึงเลือกปฏิเสธโอกาสที่จะได้อยู่กับเขาสองคน

เขาเห็นเธอมีสีหน้าลำบากใจ ก็เลือกตีหน้าขรึมพลางสั่งเสียงเข้ม ลึกในใจก็แอบถูกใจกับหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราและนิสัยเป็นมิตร มีรอยยิ้มติดริมฝีปากเสมอ เขารู้ว่าเป็นการไม่ควรที่นึกชื่นชมหญิงอื่นนอกจากแฟน

จึงพยายามหักห้ามใจตัวเอง...มองลินน์เป็นเพียงน้องสาว

“ไปกับฉันเนี่ยแหละ ยังไงก็ทางผ่านของฉันอยู่แล้ว จะไปนั่งรถเมล์ให้แออัดทำไม ขึ้นรถเร็ว” บังคับจนหญิงสาวจำต้องเปิดประตูซีดานคันหรู แล้วนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กษมาอย่างจำยอม กลัวว่าหากชายหนุ่มไปส่งถึงหน้าคณะ คงโดนเพื่อนล้อแน่นอน

“ค่ะ” ตอบรับในลำคอเสียงเบา ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่ามีรถยนต์อีกคันขับสวนมาก หญิงสาวที่นั่งตำแหน่งคนขับถึงกับต้องเหลียวมองตามหลัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนก

ตวิษาอุตส่าห์ตื่นเช้าแล้วมาหาแฟนหนุ่มเพื่อหยั่งเชิงว่าเด็กเสิร์ฟที่เจอจะบอกกษมาเรื่องตนหรือเปล่า แต่พอมาเห็นกับตาว่าอีกฝ่ายนั่งเชิดหน้าชูคอเป็นตุ๊กตาหน้ารถ จึงได้มั่นใจแล้วว่าควรทำอย่างไร

“นังลินน์!!”

แผดเสียงดังลั่นรถพลางเหยียบเบรกอย่างแรกจนหัวโยก กำพวงมาลัยแน่นแล้วผ่อนลมหายใจเข้าออกระงับอารมณ์ของตัวเอง

คิดได้ทันทีว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร!

ตวิษาไปนั่งรอแฟนหนุ่มถึงที่ทำงาน หลังกลับมาจากต่างประเทศ กษมาเข้าทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศ อยู่ฝ่ายบริหารด้วยตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการที่อายุน้อยสุด ทุกคนเชื่อว่าฝีมือของเขา อีกไม่นานคงขึ้นนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการได้ไม่ยาก

เธอควงแขนเขาเมื่อเห็นดวงหน้าคม เอ่ยชวนชายหนุ่มไปห้างสรรพสินค้า เพราะมีกระเป๋าแบรนด์ดังเพิ่งเข้าช็อป พนักงานทักมาบอกเธอพร้อมกำชับว่ามีเพียงสองใบในประเทศ เธอจึงไม่พลาดที่จะจับจองเอาไว้

อย่างไรก็ต้องเป็นเจ้าของ!

“เข้าร้านนี้ดีกว่าค่ะ ส้มจองกระเป๋าใบใหม่ไว้พอดีเลย” สองมือหนาถือของพะรุงพะรัง นึกอยากกลับไปพักผ่อนมากกว่าเดินเที่ยวในห้าง แวะทุกช็อปแล้วซื้อของอย่างละนิดละหน่อย สุดท้ายก็เต็มมือของชายหนุ่มที่เดินตามไม่ห่าง

ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายบอกบุญไม่รับ...

“แค่ที่มีก็เต็มตู้แล้วไม่ใช่เหรอ” ค้านอย่างรวดเร็ว จนตวิษาต้องหันมามองร่างสูงอย่างเอาเรื่อง ก้าวเข้าไปใกล้เขาพลางกดเสียงต่ำ บ่งบอกให้เขารู้ว่าหากขัดใจ คงโดนเหวี่ยงกลางห้างสรรพสินค้าให้อับอายเป็นแน่

“ทำไมคะ ไปกับส้มมันทำให้คุณเบื่อมากหรือไง งั้นก็กลับบ้านเถอะค่ะ ส้มไปของส้มเองได้ไม่ต้องขอร้องคุณหรอก”

หมายจะคว้าถุงมือถือไว้เอง แต่เขาก็เบี่ยงหลบ เลือกตามใจเธอแล้วอธิบายเหตุผลของตัวเอง

การกลับมาพบกันคราวนี้ควรมีแต่ความสุข ทว่าเขามีเพียงความเหนื่อยหน่าย เพราะความรักที่มีให้กันมันจางหายจนแทบไม่หลงเหลือ

เธอไม่ค่อยไปหาเขาที่ต่างประเทศ โทรหาไม่รับหลายวันต่อมากว่าจะโทรกลับ ยังนึกฉงนที่พวกเราคบกันมานานขนาดนี้...

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็แค่เห็นว่าคุณมีกระเป๋าเยอะแล้ว ซื้อไปก็ไม่ค่อยได้ใช้...” เหตุผลของเขาฟังขึ้น แต่สำหรับคนอย่างตวิษาแล้ว...

“ถึงไม่ค่อยได้ใช้ก็จะซื้อ อะไรที่ส้มอยากได้ก็ต้องได้”

ไม่ว่าของสิ่งใดที่หมายตา จะมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่า...หากหล่อนอยากได้ก็ต้องได้!

“เข้าร้านเถอะ” จำต้องตัดบทด้วยการชวนเธอเข้าร้านให้หมดปัญหา หญิงสาวเข้ามากระซิบเขาพอให้ได้ยินกันสองคน

“อย่าทำหน้าเหมือนโดนบังคับมาได้ไหม ยิ้มแย้มหน่อยสิ” ใบหน้าคมจึงฉีกยิ้มที่ฝืนอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเรามาถึงทางตันตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะในตอนนี้สำหรับเขา...

ไม่มีความสุขยามได้อยู่กับหล่อนเลย

“โอเค ไปเถอะ” เห็นสีหน้าของชายหนุ่ม ก็ทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าตัวเองควรทำอย่างไรกับลินน์ ผู้หญิงที่กำลังจะมาแย่งชายที่เพียบพร้อมไปจากตน

ทั้งที่เป็นเพียงหลานสาวแม่บ้านเท่านั้น!

ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงในห้างสรรพสินค้า แล้วอยู่บนท้องถนนกว่าสองชั่วโมงเพราะรถติด กว่าจะกลับถึงบ้านก็กินพลังไปหมดจนไม่อยากกระทั่งจะเคี้ยวอาหาร เขานั่งมองขนมหวานที่มารดาทำมาเสิร์ฟหลังกินข้าวเย็นร่วมกันด้วยแววตาว่างเปล่า

ถอนหายใจคิดไม่ตกกับความสัมพันธ์ลุ่มๆ ดอนๆ ที่ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะจบลง...

“เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบอย่างนั้นแหละ” เหลือเพียงมารดากับลูกชายอยู่กันสองคน เพราะคุณกนต์ธรออกไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนข้างนอก เขาจึงใช้โอกาสนี้คุยกับมารดาเรื่องความรัก

“คุณแม่ครับ ตอนที่รักกับคุณพ่อเคยรู้สึกเหนื่อยบ้างไหม”

“ไม่นะ ส่วนมากจะโมโหที่พ่อไม่ค่อยเชื่อฟังแม่เท่าไหร่ จนพ่อเขาถามแม่ว่าอยากเป็นเมียหรืออยากเป็นแม่ ก็เลยลดนิสัยชอบสั่งลงบ้าง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel