ตอนที่ 1/3
ตอนที่ 1/3
ตกเย็นภายในวันเดียวกัน วันนี้นันนลินทร์กลับถึงคอนโดมิเนียมหรูเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าของนั้นบอกหล่อนล่วงหน้าแล้วว่าจะกลับไปนอนที่บ้านของเขา แพทย์หญิง บุษบา รักษ์สุขเกษม เป็นแม่ของธาฎา และท่านก็มีชื่อเสียงทั้งในวงการธุรกิจและวงการแพทย์ ด้วยความสามารถของท่านเอง
ท่านเคยเป็นหมอรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลของท่านเอง ทว่าตอนนี้เกษียรออกมาทำหน้าที่บริหารงานด้านโรงพยาบาลแทน แม้ว่าจะไม่ได้รับเคสรักษาคนไข้แล้ว แต่ท่านก็ยังเป็นที่ปรึกษาด้านการแพทย์ได้อย่างผู้มีองค์ความรู้
อันที่จริงหล่อนไม่เคยพูดคุยกับท่านโดยตรงแม้แต่ครั้งเดียว เพียงแต่รับรู้เรื่องราวจากลูกชายของท่านเอง รวมทั้งพนักงานหลายคนในโรงแรมที่มีอายุงานมากหลายปี คนเหล่านั้นเคยคุ้นชินกับท่านเมื่อครั้นที่คุณโสพล รักษ์สุขเกษม สามีของแพทย์บุษบานั้นยังมีชีวิตอยู่และดำรงตำแหน่งเดียวกันลูกชายท่าน ก่อนที่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ท่านจะจากไป เนื่องด้วยโรคประจำตัว
ร่างอรชรเดินทางกลับถึงภายในห้องไปที่เรียบร้อย เย็นวันนี้คงต้องพึ่งพาอาหารแบบเดลิเวอรี่ไปก่อน อย่างไรเสียคืนนี้เขาก็นอนที่บ้านเขาแล้ว คนที่ต้องรับบทแม่ครัวอย่างหล่อนจึงพลอยได้พักมือ เปลี่ยนรสชาติไปทานฝีมือคนอื่นบ้าง เพราะโดยปกติหากอยู่ที่นี่กันสองคน หน้าที่หลักในการทำอาหารก็ย่อมเป็นหล่อน ทิมภพจะไม่ค่อยซื้อจากข้างนอกทาน เขาถูกจริตกับรสมือหล่อนไปแล้ว
กริ๊ง~
ขณะที่กำลังจะวางสมาร์ทโฟนลงไว้ที่โต๊ะ ภายหลังจากที่กดเข้าไปสั่งอาหารเมื่อครู่ ทว่ากลับต้องหยิบยกมันขึ้นมาปัดหน้าจอปลดล็อคอีกครั้ง เมื่อเสียงริงโทนดังแจ้งเตือนให้รู้ถึงการโทรเข้าจากใครบางคนที่ไม่อยู่ในวันนี้
“ค่ะคุณทิม”
(ถึงห้องยัง?)
“ถึงสักพักแล้วค่ะ กำลังรออาหารมาส่ง”
(วันนี้ไม่ทำกินเองเหรอ?)
“วันนี้เหนื่อยๆ ค่ะ ซื้อเอาสะดวกกว่า”
ก็วันนี้หล่อนวิ่งวุ่นกับโต๊ะวีไอพีที่จองมาโดยอ้างชื่อของเขาอย่างไรล่ะ เพื่อนของเขามาทานมื้อกลางวันที่ห้องอาหาร โดยไร้เงาเจ้าของชื่อที่แอบอ้าง เล่นเอาหล่อนเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะเพื่อนของเขาแต่ละคนคือตัวแสบตัวตึงกันทั้งนั้นเลย ใช้พนักงานอย่างกับเป็นเจ้าของเสียเอง
“คุณแม่คุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
(ท่านฉีดยาเองแล้ว เป็นไข้หวัดเฉยๆ พรุ่งนี้อาการน่าจะดีขึ้น)
“ค่ะ”
ท่านเป็นหมอ ก็คงจะรู้วิธีรับมือกับอาการป่วยของตัวเอง ถึงขนาดที่ฉีดยาเองได้ คงไม่หนักอะไรแล้ว อันที่จริงการที่เขากลับบ้านไปอาจจะช่วยเหลือท่านไม่ได้เท่าที่ท่านช่วยเหลือตนเองได้เลยด้วยซ้ำ
แต่ก็อย่างว่า... แม่ลูกจะทิ้งกันลงคอได้อย่างไร
(พรุ่งนี้ฉันยังไม่กลับนะ พอดีฉันต้องไปงานวันเกิดแม่แพร)
“แต่...”
(แค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นแต่เช้าไปบ้านแพรที่เขาใหญ่ อาจจะแวะไปพักที่บ้านคุณย่าด้วยเลย)
“ค่ะ” ได้แต่ยอมจำนนตอบรับไป ทั้งที่ในใจอยากจะยื้อเขาให้กลับมาหาตัวเอง วันพรุ่งนี้งั้นเหรอ
วันนี้พรุ่งมันคงสำคัญกับเขาในฐานะว่าที่ลูกเขยของฝั่งนั้น ทว่าหากเขานึกดีๆ วันพรุ่งนี้มันก็เป็นวันสำคัญหล่อนเช่นกัน
วันเกิดของหล่อน... ที่ไร้เงาของเขา
ปีที่ผ่านมา...
‘เธอเกิดวันนี้เหรอ ฉันเห็นเพื่อนที่แผนกเธอพูดกัน’
‘ใช่ค่ะ’
‘ได้ของมาเยอะเลยสิ?’
‘ค่ะ ทุกคนในแผนกให้มา แถมยังจัดเซอร์ไพร์เล็กๆ น้อยๆ ให้หนิงด้วย น่ารักดีนะคะ’
‘งั้นก็... สุขสันต์วันเกิดนะ แต่วันนี้ฉันไม่ว่างอยู่ฉลองกับเธอ ฉันมีงานต่อที่สมุทรปราการ เย็นนี้ว่าจะไปเลย’
‘ไม่เป็นไรค่ะ หนิงเข้าใจ คุณทิมตั้งใจทำงานเถอะค่ะ’
ปีที่แล้วหล่อนเพิ่งย้ายมาอยู่กับเขาใหม่ๆ แม้จะต้องปรับตัวหลายอย่าง แต่ก็ยังเข้าใจว่าเขามีหน้าที่การงานที่จะต้องแบกรับ และไม่ค่อยมีเวลาว่าง อีกทั้งหล่อนเองก็ยังเข้าใจสถานะคู่นอนดี จึงไม่ควรเรียกร้องสิทธิ์มากเกินข้อตกลง
แต่ตอนนั้นมันคือช่วงแรก ๆ ที่เขาและหล่อนเพิ่งรู้จักกัน ความรู้สึกย่อมต่างจากวันนี้
เมื่อนันนลินทร์ไม่สามารถมองธาฎาเป็นเพียงแค่คู่นอนได้อีกต่อไป