ตอนที่ 1/2
ตอนที่ 1/2
ภายหลังจากที่ส่งข้าวส่งน้ำให้กับเจ้าของโรงแรมเสร็จสิ้น ร่างอรชรกลับมาประจำที่ห้องอาหาร ตอนนี้ใกล้จะถึงรอบ Lunch แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็คงมีลูกค้าเข้ามาทานอาหาร
หล่อนทำงานที่นี่มาได้ปีกว่า หลังจากที่เจอธาฎาในวันนั้น แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตเพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ทว่าเพื่อนร่วมงานหลายคน หากมีเรื่องอะไรที่สงสัยหรือขอความช่วยเหลือ หล่อนก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง ไม่ใช่เพียงเพราะหล่อนเก่ง แต่ยังเป็นเพราะหล่อนสามารถเข้าใจปัญหาของเพื่อนร่วมงานหลายคนได้อย่างตรงจุด
โดยที่ใช้ทัศนคติที่ดีแก้ไขปัญหาร่วมกันกับเพื่อนพนักงานในองค์กร เพราะแบบนี้ถึงได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นแห่งปีไปครอบครอง
“พี่หนิง เดี๋ยวสักบ่ายโมงมีโต๊ะจอง M20 นะ” เสียงใสจากสาวรุ่นน้องเทรนนีที่เพิ่งเข้ามาฝึกงานในแผนกนี้เอ่ยบอก
“โอเคจ้ะปลา แล้วจองมากี่ที่ เขาพักที่โรงแรมเราไหม?”
“ไม่ได้พักค่ะ พี่จุ๋มเป็นคนรับเรื่องมา เห็นบอกว่าเป็นแขกของคุณธาฎานะคะ” น้องเทรนนีในแผนกมีหน้าที่แค่เดินมาบอกอีกที ส่วนคนที่รับเรื่องนี้มาก็คือจุฑารัตน์ หรือ จุ๋ม สาวโฮสเตสประจำแผนก FB
พอสาวรุ่นน้องพูดชื่อธาฎาขึ้นมา คนฟังเลยอดสงสัยต่อไม่ได้ วันนี้เขามีแขกมาทานมื้อกลางวันที่ห้องอาหาร แล้วเขาล่ะจะทานที่ไหน หากจะมาที่นี่ทำไมถึงไม่บอกหล่อนทั้งที่เมื่อครู่นี้หล่อนเพิ่งจะเข้าไปหาเขาอยู่แท้ๆ หรือว่าเขาอาจจะไปทานมื้อกลางวันข้างนอกก็อาจจะเป็นไปได้
“คุณธาฎา ไม่ได้มาด้วยนะคะพี่หนิง จัดแค่ 3 ที่พอ สำหรับเพื่อนของเขา น่าจะชื่อคุณวิทย์ค่ะ”
“อ่อ... โอเคจ้ะปลา” คุณวิทย์ เตรังธนวัฒน์ หรือ ด็อกเตอร์วิทย์ เป็นเพื่อนของเขาและเป็นอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลของคุณหญิงบุษบา
“ปิดบิลเป็น Entertain Owner เลยนะคะ” อธิบายคำสั่งของจุฑารัตน์ให้แก่สาวรุ่นพี่คนสวยได้ฟังแล้วก็เตรียมตัวเดินออกไปจากห้องอาหาร ทว่ากลับมีเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมาก่อน
“จ้ะๆ หนูจะลงไปกินข้าวที่แคนทีนใช่ไหม? งั้นพี่ฝากไปเก็บจานห้องคุณธาฎาหน่อยนะ” ป่านนี้เขาคงจะทานอาหารหมดแล้ว ตอนนี้หล่อนเองก็ยุ่งกับการเตรียมของหลายอย่าง หลังจากที่เพิ่งเก็บเบรกฟาสต์ ไหนจะโต๊ะจอง VIP แขกของธาฎาอีก ไหน ๆ ก็มีน้องเทรนนี้มาแล้ว ก็ไว้วานเสียเลย
“เอ่อ... พี่หนิงไปเองดีกว่าไหม ปลากลัว”
จริงสินะ จนถึงตอนนี้แล้ว ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปยังห้องนั้น ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องจะทำหน้าดุใส่คนอื่นไปถึงไหน เด็กในแผนกหล่อนถึงได้ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องของเขา
บางทีหล่อนก็รู้สึกว่ามันจะต้องเป็นหล่อนเองทุกครั้งเลยหรือที่เข้าไปในห้องนั้น ทั้ง ๆ ที่คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน อย่างที่มาลิกา หัวหน้าแผนกบัญชีบ่นเมื่อเช้า ว่าหากเจอลูกค้าที่เรื่องมากกว่าเจ้าของโรงแรมเด็กๆ ในแผนกหล่อนจะรับกันได้หรือ เพียงแค่นี้ยังเกี่ยงกันเป็นว่าเล่นเลย
“งั้นปลากินข้าวเสร็จแล้วมารีดผ้าปูโต๊ะแทนพี่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะไปเก็บจานที่ห้องคุณทิ... เอ่อ คุณธาฎาก่อน”
นักศึกษาฝึกงานที่นี่จะเกรงกลัวเจ้าของโรงแรมอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นนักธุรกิจวัยสามสิบต้นๆ ที่หน้าตาหล่อเหลาครบเครื่อง แต่นั้นไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูใจดีเลย ตรงกันข้ามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์บวกกับสายตาคมของเขายิ่งทำให้น้อง ๆ ฝึกงานหวาดกลัว จนต้องรักษาระยะห่างให้มากที่สุด แม้แต่การเรียกชื่อจริงแทนชื่อเล่น จนนันนลินทร์ต้องเรียกชื่อจริงตามสาวรุ่นน้อง
“ได้เลยค่ะ พี่หนิงจะให้ปลารีดสักกี่สิบผืนก็ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ขออย่างเดียวคืออย่าให้ปลาเข้าให้คุณธาฎาเลยนะคะ เจ้าที่แรง ปลากลัว”
“เจ้าที่แรง?”
“ค่ะ เจ้าที่แรง ...ขนาดวันที่พี่หนิงหยุด แล้วปลาต้องเข้าไปเก็บจานกับเสิร์ฟอาหารแทนนะ คุณคู่หมั้นของเขายังขลึงตาใส่ปลาราวกับจะฉีกเนื้อออกมาแล่ปลาเป็นชิ้นๆ เลยอ่ะ”
“หมายถึงคุณแพรน่ะเหรอ?”
แปลก ทุกครั้งที่เป็นวันทำงานของหล่อน หล่อนไม่เคยเจอแพรไหมมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ น้อยครั้งแทบจะจำได้ว่าหล่อนเข้านอกออกในที่โรงแรมนี้ ทว่าสาวรุ่นน้องกลับพบเจอหล่อนในห้องของธาฎาในช่วงวันผลัดเปลี่ยนเวร
“วันไหนที่พี่หนิงหยุด คุณแพรไหมมาตลอดเลยนะ มาเฝ้าคุณธาฎาทำงาน”
“ก็เขาเป็นคู่หมั้นกันนี่ปลา” ส่วนหล่อนมันแค่คู่นอน จำจนขึ้นใจแล้วล่ะ
“คู่หมั้นอะไรไม่เห็นจะเคมีเข้ากันเลย”
“ปลา!” นันนลินทร์ดุสาวรุ่นน้องไปที กลัวว่าถ้าเกิดคนของเขาเข้ามาได้ยิน หรือเป็นตัวเขาเองที่ผ่านมาได้ยิน อาจจะเป็นเรื่องได้
“พี่หนิงน่ะไม่รู้อะไรไง เพราะนางชอบมาวันที่พี่หนิงหยุด แถมมาแต่ละทีนะ สั่งนั่นสั่งนี่พนักงานทุกแผนกจนแทบหัวหมุนไปตามๆ กัน ขนาดเจ้าของโรงแรมยังไม่ขนาดนี้เลย”
“ถ้าไม่ขนาดนี้ แล้วทำไมถึงยังกลัวคุณทิมเขาอีกล่ะ แล้วทำไมไม่กล้าเข้าห้องเขา วันนี้ก็ไม่มีคุณแพรนี่”
“ยิ่งไม่มีนี่แหละ ยิ่งไม่กล้าเข้า สายสืบนางเยอะ”
“ยัยปลา”
“ก็ปลาพูดจริงนี่ เอาจริงพี่หนิงสวยกว่าคุณแพรไหมตั้งเยอะ”
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะปลา เดี๋ยวใครได้ยินเขามันจะไม่ดี” หล่อนส่งสายตาดุๆ ให้รุ่นน้องอย่างจริงจัง
“ก็ได้ค่ะ” ส่วนปานชีวาก็ได้แต่ตกปากรับคำไปอย่างจำนนท์ หล่อนไม่ได้เจตนาใส่ความคู่หมั้นของเจ้านาย เพียงแต่ประสบพบเจอมาด้วยตัวเองแล้ว และยังขุ่นเคืองใจที่โดนคู่หมั้นของเจ้านายกล่าวหาเรื่องมือที่สาม ทั้งๆ ที่หล่อนเองไม่รู้เรื่องเลย กับธาฎาเจ้าของโรงแรมดังหลายสาขา แม้จะหล่อเหลาโปรไฟล์ดีสักแค่ไหน ทว่าก็ยังเป็นคนที่เอื้อมถึงยากอยู่ดี