เมียอุ้มบุญ

157.0K · จบแล้ว
ปาจามาศ
98
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมียอุ้มบุญ | ฉบับปรับปรุงแล้ว เมียอุ้มบุญ “แต่งเมื่อไหร่กันล่ะคะ หนิงจะได้เตรียมตัว...” “ฉันจะแต่งวันไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ” ร่างสูงเบือนหน้าหนีออกทางหน้าต่าง เขาไม่อยากจะมองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของคนที่กำลังเรียกร้องสิทธิ์ที่ไม่ควรจะได้ เขากับหล่อนมาได้เท่านี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องทายาทก็สำคัญ ไม่ว่าจะเกิดมาจากผู้หญิงคนไหน เขาก็คือสายเลือดของรักษ์สุขเกษม นั้นคือสิ่งที่เขาต้องการ “ทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด เด็กคนนี้เขาจะได้ทุกอย่าง ไม่แพ้ลูกในสมรส” นันนลินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง หล่อนหน้าชาไปกับคำพูดจากปากเขา หล่อนตัดพ้อเขาทางสายตา คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำคำนี้จากเขา หล่อนไม่อยากเจรจาต่อความยาวสาวความยืดกับเขาในตอนนี้ หล่อนแค่ขอเวลาคิด แต่แน่นอนว่าเจตนาของหล่อนนั้นไม่ได้ต้องการให้ตัวเองและลูกในท้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อธาฎา รักษ์สุขเกษมได้อีกต่อไป หล่อนเจ็บเกินกว่าจะทนเห็นเขา ในวันที่เขาไล่หล่อนออกไปจากชีวิต แล้วพรากลูกไปดูแลเพียงผู้เดียว ---------- [คำชี้แจง] *** นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงแค่จินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ชื่อ สถานที่ หรือฉากประกอบ ในเนื้อเรื่อง เป็นเพียงแค่จินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ในเนื้อหาอาจมีคำพูด หรือการกระทำของตัวละคร ที่อาจส่อเจตนาในแง่ลบ รวมทั้งเนื้อหาเรท 18+ ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ เพื่อความบันเทิงเพียงเท่านั้น ห้ามนำเนื้อหาไปเผยแพร่ หรือคัดลอกเนื้อหาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด *** ชเวจีอู

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันสัมพันธ์ครอบครัวเผด็จการรักรักต้องห้าม

บทนำ

บทนำบทนำ

@Dubai

'เอาเงินนี่ไปนะลูก ตอนนี้แม่ยังไม่พร้อมจริงๆ' ธนบัตร 2-3 ฟ่อนใหญ่ถูกส่งใส่มือลูกสาว ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินสวนกันอยู่ภายในสถานีรถไฟ หรือ Dubai metro ที่มีจุดเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงสนามบิน

นันนลินทร์อุตส่าห์เก็บเงินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อหวังพักใจหลังจากการเสียชีวิตของบิดา ด้วยค่าตั๋วเครื่องบินแสนแพง หล่อนแทบเทหมดหน้าตัก เพียงหวังมาพึ่งพาผู้เป็นแม่

นางนิรณีหล่อนหย่าขาดกับพ่อตนมานานนับยี่สิบกว่าปี นิรณีมีชีวิตที่ดีราวกับเจ้าหญิงบนกองทองกับสามีใหม่ของหล่อน

นันนลินทร์ไม่คิดหวังจะให้ผู้เป็นแม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อหล่อนอย่างดีหลังจากที่ตัดสินใจมาที่นี่ ทว่าเพียงแค่ให้หล่อนได้อยู่ด้วยในบ้านหลังใหญ่ราวกับราชวังนั้น เพียงเท่านี้นิรณีกลับทำให้ลูกสาวไม่ได้ ด้วยเหตุที่ว่าสามีใหม่ที่เป็นชาวอาหรับไม่ยอมรับลูกติดอย่างนันนลินทร์

'ฮึก... ให้หนิงอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้หรอคะแม่? กลับไทยไปหนิงก็ไม่มีใครแล้วนะ'

หล่อนเพิ่งสูญเสียผู้เป็นที่รักมาแท้ๆ พ่อของหล่อนจากไปด้วยโรคมะเร็งปอดที่คร่าที่ชีวิตคนนับไม่ถ้วน และท่านก็เป็นหนึ่งในนั้น

ตอนนี้หล่อนหวังความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่อย่างที่สุด แม้ว่าตลอดช่วงที่ผ่านมาหลายปีนิรณีจะไม่เคยกลับไปดูดำดูดีหล่อนกับอดีตสามีเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมีบ้างที่ส่งเงินกลับไทยให้นันนลินทร์ได้ใช้จ่ายเรื่องการเรียน แต่หารู้ไม่ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หล่อนส่งกลับไปนั้น นันนลินทร์นำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับค่ารักษานายสมพรผู้เป็นพ่อหมดแล้ว

'หนิง แม่ขอโทษจริงๆ นะที่ให้ลูกอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้' หล่อนมาตัวคนเดียว ตั้งแต่มีเพียงเสื่อผืนหมอนใบ มาทำงานโรงแรมได้เพียงไม่นานก็พบรักกับเศรษฐีชาวอาหรับที่นี่ แม้ว่าสามีใหม่ของหล่อนจะรวยมากแค่ไหน ทว่าชีวิตจริงสำหรับหล่อนที่เข้ามาเป็นภรรยาลำดับที่ 5 ของเขา มันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น

เพียงแค่ทุกวันที่ตื่นเช้าขึ้นมาหล่อนก็ต้องเหนื่อยกับการสู้รบตบมือกับเหล่าเมียๆ ทั้งหลายของเขาแล้ว แม้จะเคยได้ยินมาว่าภรรยาเหล่าเศรษฐีอาหรับจะต้องยอมรับและใจกว้างกับภรรยาตำแหน่งรองก่อนจะได้ตบแต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน

ทว่าไม่ใช่กับคฤหาสน์หลังนั้น อีกทั้งสามีใหม่ของหล่อนเองก็ไม่ยอม หากนันนลินทร์จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับลูกแท้ๆ ของเขาทั้งหลาย มันเลยไม่สวยงามดั่งที่คิดเอาไว้

และไม่ใช่ว่านิรณีจะไม่เคยบอกเรื่องที่หล่อนมีลูกมาก่อน สามีใหม่หล่อนรับรู้ดี ทว่าด้วยความคิดและธรรมเนียมที่ต่างกันนันนลินทร์จึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้

'ถ้าหนิงไม่อยากกลับไทย อาบีร์เขายินดีจะให้ที่อยู่แบบอพาร์ทเม้นท์ หรือที่ไหนก็ได้ถ้าหนูโอเค'

ที่ไหนก็ได้ ทว่าไม่ใช่ที่บ้านหลังนี้

'ฮึกกก แต่หนิงมาที่นี่เพื่อมาอยู่กับแม่'

'แม่เข้าใจลูก แต่มันไม่ได้จริงๆ'

'หนิงจะหางานที่นี่ทำ แม่ไม่ต้องห่วง ขอแค่หนิงได้อยู่กับแม่ หนิงจะไม่รบกวนเขา'

การมาที่นี่ของหล่อน ไม่ได้หวังจะมาเกาะนิรณีแต่อย่างใด แม่ของหล่อนไม่ได้ทำงานอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจากตื่นเช้าขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตาสวย ดูแลจัดการบ้านเรือนตามที่สามีต้องการ หากหล่อนจะมาเบียดเบียนใช้จ่ายเงินของผู้ชายคนนั้น เห็นทีว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก และหล่อนก็จะไม่ทำ

'หนิงจะไปหางานที่ไหนลูก? งานที่นี่มันหนักเอาเรื่องอยู่นะลูก หนิงจะไหวเหรอ?'

'ถ้าหนิงหาไม่ได้ หนิงจะกลับไทยเองค่ะ แม่ไม่ต้องห่วง แต่ขอให้หนิงได้ลองดูก่อน' เรื่องภาษาหล่อนพอได้ เพราะระดับเด็กทุนเรียนดีเกียรตินิยมเหรียญทองอย่างหล่อนเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา

'แม่ขอโทษ และรู้สึกผิดต่อลูกจริงๆ' มือของหล่อนกุมมือลูกสาวเอาไว้แน่น

'รับเงินนี้ไว้ และเอานี่ไป... คืนนี้หนิงไปนอนที่นี่ก่อนนะลูก' นามบัตรใบหรูที่สามารถพาหล่อนไปยังสถานที่สุดหรูแห่งหนึ่งในรัฐดูไบถูกยื่นมาพร้อมกันฟ่อนเงินปึกใหญ่ มือบางยอมรับเอาไว้ คราวนี้หล่อนต้องยินยอมรับเอาไว้เพื่อความอยู่รอดของหล่อนเอง เงินที่เก็บสะสมมาจากไทยก็เหลือน้อยนิด หากไม่มีเงินก้อนนี้จากนิรณีหล่อนอาจจะลำบากได้

@โรงแรมแห่งหนึ่ง

โรงแรมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมานานหลายปี เป็นโรงแรมสัญชาติไทยที่เข้ามาขยายสาขาถึงที่นี่ โรงแรมระดับ 6 ดาว ตั้งตระหง่านสวยอยู่ที่ Mirage beach ของรัฐดูไบ

ไม่รู้ว่านิรณีมีเส้นสายที่นี่ด้วยเรื่องอะไร เพียงแค่หล่อนยื่นนามบัตรนี้ให้เจ้าหน้าที่พวกเขาต่อสายตรงไปหามารดาของหล่อนเลยทันที หรือคงจะเป็นอิทธิจากสามีใหม่ผู้ร่ำรวย แต่อย่างไรก็แล้วแต่คืนนี้หล่อนมีที่ซุกหัวนอนแล้ว

“ห้องนี้อยู่ชั้นที่ 14 นะคะ กระเป๋าเราให้พนักงานนำไปให้แล้ว เชิญตามสบายเลยค่ะ”

ด้วยความที่เป็นโรงแรมสัญชาติไทย ย่อมมีพนักคนไทยอยู่ที่นี่ นับว่าเป็นโชคดีของนันนลินทร์ที่อย่างน้อยการมาอยู่ต่างแดน หล่อนก็ยังได้เจอคนไทยที่นี่อีกด้วย

“เดี๋ยวมีเจ้าหน้าที่ยกสัมภาระที่เหลือขึ้นไปให้นะคะ เชิญคุณนันนลินทร์พักผ่อนตามสบายได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวกำชับกระเป๋าสะพายใบเล็กของตน ทิ้งไว้แต่สัมภาระสี่ล้อลากให้เจ้าหน้าที่จัดการต่อ ก่อนที่จะเดินไปยังลิฟท์หรู เพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องพัก

ขณะที่อยู่ในลิฟท์กำลังจะเตรียมตัวกดไปที่ชั้น 14 ก็ดันมีผู้มาใหม่เข้ามาก่อน

“W Wait Wait!”

ชายร่างสูงราวร้อยแปดสิบปลายๆ หลุดเข้ามาในลิฟต์ จากระยะสายตาของนันนลินทร์ที่มอง เขาหน้าตาเหมือนคนเอเชียหุ่นดีราวกับนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสาร ทว่าสำเนียงภาษาอังกฤษของเขานั้นราวกับเป็นเจ้าของภาษาเอง

มือหนาของเขากดไปยังชั้น 15 ซึ่งห่างจากหล่อนเพียงชั้นเดียว ใบหน้าเพียงครึ่งซีกเดียวที่นันนลินทร์สามารถมองได้ เพียงเท่านี้ก็ทำเอาใจของหล่อนปั่นป่วนเข้าแล้ว

กลิ่นน้ำหอมของเขามีรสนิยมต่างจากชาวอาหรับทั่วไปที่มักจะใช้น้ำหอมกลิ่นแรงแทบฉุนจมูก ทว่ามันกำลังเป็นกลิ่นที่พอดีสำหรับจมูกของหล่อนและกลิ่นนี้มันช่างน่าหลงไหลจนอยากจะขยับตัวเข้าใกล้ให้มากกว่านี้

เสียงสัญญาณในลิฟต์ดังขึ้นบอกให้รับรู้ว่าตอนนี้ถึงที่หมายแล้ว นันนลินทร์ก้าวขาออกจากลิฟท์โดยที่อีกคนเบี่ยงตัวหลบทางให้หล่อนได้เดินสะดวก ทว่ายังไม่ทันได้ออกไปไหนไกลสายตาเจ้ากรรมดันอยากจะหันไปมองหน้าเขา แล้วดันปะทะเข้ากับสายตาคมคู่นั้นอย่างบังเอิญ

เขามองหล่อนอยู่เช่นกัน จังหวะนั้นไม่มีใครเอื้อนเอ่ยประโยคใดออกมา ก่อนที่หล่อนไล่สะบัดความคิดบางอย่างที่เพิ่งก่อตัวขึ้นในหัว รวบรวมสติได้แล้วพาตัวเองไปยังห้องพักตามที่พนักงานต้อนรับได้บอกเอาไว้