บทที่003 เชื่อฟังสักหน่อยสิ
บทที่003 เชื่อฟังสักหน่อยสิ
หนี!
หนี!
หนี!
ภาพวาดโบราณที่มีชื่อเสียงมากมายแขวนอยู่บนผนัง หากคิดจะเอาไปขายก็คงจะได้ราคาสูงทีเดียว แต่ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะชมภาพเหล่านี้
เธอรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว หันมองไปรอบๆ มีแต่ความเงียบ ไม่มีใครเลยนอกจากเธอ
ที่นี่ใหญ่โตมโหฬารอย่างน่ากลัว เธอวิ่งหนีอยู่พักหนึ่งแต่กลับไม่เจอประตูทางออก
แต่พอคิดถึงหน้าของชายหนุ่มโหดเหี้ยมในห้องคนนั้น ทำให้เธอไม่สามารถหยุดวิ่งได้ แต่กลับทำให้เธอต้องวิ่งเร็วขึ้นเพื่อหาทางหนีออกไปจากที่นี่
แต่ที่นี่……
ทำไมถึงใหญ่ขนาดนี้?
ให้ตายเถอะ!
ในใจเหมือนจะแตกสลาย แต่ทันใดนั้นเธอนึกขึ้นมาได้
ประตูใหญ่!
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบวิ่งไปที่ประตูทางออก กำลังจะก้าวเท้าไปยังประตู แต่ทันใดนั้นมีชายหนุ่มสองคนในชุดสูทสีดำได้ดักเธอไว้
“คุณผู้หญิงโปรดกลับเข้าไปเถอะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนมือสั่น
เธอกัดฟันยิ้ม ทำตัวนิ่งๆ แล้วพูดว่า “คุณผู้ชายของพวกคุณอนุญาตให้ฉันออกไปได้ เขาให้ฉันออกไปช่วยเอาของให้เขา”
บอดี้การ์ดทั้งสองทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ยังคงยืนขวางประตูไว้ไม่ให้เธอออกไป
“เขา เขาอนุญาตให้ฉันออกไปจริงๆ ไปช่วยเขา……”
“ช่วยอะไรผมเหรอ?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังนั้นมาทางด้านหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจสั่นไปทั้งตัว
ดูเหมือนว่าเธอจะถูกจับได้แล้ว
เธอถอยหลังมาสะดุดล้มไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ชายหนุ่มปล่อยหายใจแรงทะลวงเข้าไปในจมูกเธอ
จี้จิ่งเชินเห็นเธออยู่ในอ้อมกอดเขา ร่างกายอันบอบบางของเธอแนบติดกับหน้าอกของเขา ใจเขาเต้นแรงไปในชั่วขณะ สักพักเขารู้สึกตัวจึงแสดงสายตารังเกียจออกมา แล้วผลักตัวหญิงสาวออกจากอ้อมกอด
“คุณจะไปไหน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง เธอสั่นไปทั้งตัว
แก้มของเธอเป็นสีชมพู ขนตางอนชวนให้น่าหลงใหลคล้ายกับผีเสื้อตัวน้อยๆ ทำให้คนอยากจะค้นหาในตัวเธอ
สังเกตได้ว่าตอนนี้ในใจของจี้จิ่งเชินรู้สึกแปลกๆ เขาพยายามเพิ่มความโมโห ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา!
“คุณคิดจะหนีเหรอ?”
“เปล่า ฉันแค่……”
“คุณรู้ไหมว่าตระกูลจี้จะจัดการกับคนที่ไม่เชื่อฟังอย่างไร?”
ตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นกลัว ชายหนุ่มตรงหน้าเธอนั้นโหดร้ายเหมือนปีศาจ
ชายหนุ่มค่อยๆ หรี่ตาแล้วพูดว่า
“เอาตัวเธอไป สั่งสอนให้เธอเชื่อฟังหน่อย”
บอดี้การ์ดทั้งสองได้ยินคำสั่ง จึงรีบนำตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับเข้าไปด้านใน
“อ้า! ไม่นะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว แต่เรี่ยวแรงน้อยๆ ของเธอไม่สามารถเอาชนะแรงของบอดี้การ์ดทั้งสองคนได้
“พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว! ฉันไม่ใช่เจี่ยงเนี่ยนเหยาอะไรนั่นนะ!”
เธอพยายามจะอธิบายว่าเธอไม่ใช่เจี่ยงเนี่ยนเหยา แต่ไม่มีใครฟังเธอเลย บอดี้การ์ดทั้งสองรีบพาตัวเธอไปขังไว้ในห้องมืดๆ
“เดี๋ยว พวกคุณ……”
สองเท้าของเธอเพิ่งจะแตะลงบนพื้น เธอรีบวิ่งกลับมาเพื่อหนีออกไป
บอดี้การ์ดทั้งสองจึงโผเข้าไปจับตัวเธอกลับมาขังไว้อีกครั้ง
“คุณหนูเจี่ยง คุณจี้ไม่ชอบคนขัดขืน หวังว่าคุณหนูจะเข้าใจ”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่……”
“เพิง” เสียงปิดประตูดังขึ้น
ประตูถูกปิดลง ไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างใดๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัวสั่น และเสียงของเธอก็เงียบลง
ในห้องอันมืดมิดนี้ คล้ายกับว่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลงโทษคนที่ไม่เชื่อฟัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอยหลังหลบอยู่ที่มุมห้องมืดๆ เธอนั่งลงสองมือกอดเข่าแล้วมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดนั่นก็คือความมืด
เธอไม่ใช่เจี่ยงเนี่ยนเหยาตัวจริง และไม่รู้ด้วยว่าใครคือเจี่ยงเนี่ยนเหยา ทำไมถึงเอาเธอมาขังไว้ที่นี่ด้วย?
ชายคนนั้นจะขังเธอไว้ถึงเมื่อไหร่?
ความคับข้องใจเกิดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ เธอได้แต่นั่งกอดตัวเองไว้
“ทำไม ทำไมถึงได้ทำกับฉันแบบนี้? หรือว่านี่คือการลงโทษที่ฉันคิดจะขโมยโฉนดที่ดินอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันก็แค่อยากปกป้องครอบครัวของฉันก็แค่นั้นเอง……”