บทย่อ
เธอกลายเป็นเจ้าสาวแทนคนอื่น ในการแลกเปลี่ยน เพียงเพราะเธออยากรักษาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในการแต่งงานครั้งนี้ที่ไม่ควรเป็นของเธอ เมื่อความจริงถูกเปิดเผยเธอควรจะจบลงยังไง...
บทที่001 ลุกออกไปจากเตียงผมเดี๋ยวนี้
บทที่001 ลุกออกไปจากเตียงผมเดี๋ยวนี้
บ่ายที่สวยงามวันหนึ่งในฤดูร้อน อากาศบ่ายนี้ร้อนจัดมาก
ณ บ้านตระกูลเจี่ยง บรรยากาศเต็มไปด้วยความปีติยินดี ทุกๆ คนกำลังเดินไปมาวุ่นอยู่ที่ลานหญ้าเขียวชอุ่ม ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีงานเลี้ยง
ทันใดนั้นมีเงาของหญิงสาวร่างเล็กเดินลับๆ ล่อๆ เข้ามาในสวนของบ้านตระกูลเจี่ยง
เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินใกล้เข้ามาเวินเที๋ยนเที๋ยนหญิงสาวร่างเล็กคนนี้ได้ยินเสียงจึงรีบผลักประตูเข้าไปแอบในห้อง
เมื่อเธอหันหลัง “ผลัก” เสียงดังขึ้น!
ทันใดนั้นเธอรู้สึกปวดอย่างรุนแรงที่ด้านหลังศีรษะ จากนั้นหน้ามืด
เธอล้มลงบนพื้น
ในเวลานี้ชายวัยกลางคนสวมสูทคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง กำลังสั่งการอยู่ “เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวอีกสักครู่รถนำขบวนขันหมากบ้านตระกูลจี้ก็จะมาถึงแล้ว! อย่าชักช้าอยู่หล่ะ”
……
เจ็บจังเลย
ใครเป็นคนผลักเธอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น เธอรู้สึกเจ็บที่ด้านหลังศีรษะอย่างรุนแรงจนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
“ไอหยา เนี่ยนเหยา ทำไมเธอถึงยังนอนอยู่เนี่ย? รถเจ้าบ่าวมาถึงนานแล้วนะ” เสียงตะโกนของหญิงสาวดังขึ้นมา
เสียงใคร?
ฉันเจ็บ……
“อย่างส่งเสียงดัง……”
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าเธอคนนั้นพูดอะไร แต่บรรยากาศโดยรอบๆ ก็เงียบสงบลงอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยายามครุ่นคิด เธอรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่เขย่าตัวเธออยู่ตลอดเวลา
เธอพยายามที่จะลืมตาขึ้น และพบว่าตนเองกำลังโดนจับให้เดินไปอยู่ ศีรษะของเธอถูคลุมด้วยผ้าคลุมผมเจ้าสาวสีขาว ทำให้เธอมองไม่ชัด
ปวดหัวมาก
“จะพาฉันไปไหน?”
“คุณหนูเจี่ยงคะ รถแต่งงานมาถึงแล้วนะคะ พวกเราจะต้องส่งตัวคุณหนูแล้วค่ะ”
อะไรนะ รถแต่งงานอย่างนั้นเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนหรี่ตาด้วยความงุนงง ความรู้สึกเธอรับรู้ช้ามาก จนเธอไม่มีการตอบสนองใดๆ
จนกระทั่งมีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าจริงๆ พวกเขาพยายามยกตัวเธอขึ้นรถไป
“ฉัน ฉันไม่แต่งงาน……”
สีหน้าของพวกเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ เลย ไม่สนใจเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยนแม้แต่น้อย ต่างก็ช่วยยกตัวเธอขึ้นรถไป
เสียงเอะอะโวยวายด้านนอกถูกกั้นด้วยกระจกรถเมื่อประตูรถปิดลง
บรรยากาศที่เงียบงันภายในรถทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งปวดหัวมากขึ้น เธอเอนกายลงบนเบาะอย่างนุ่มนวล ความง่วงก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง และเธอก็หลับไป
______
ปวด ปวดหัวมาก……
ปวดจนหัวจะแตกอยู่แล้ว
บนเตียงนอนกว้าง ร่างเล็กๆ อันบอบบางของหญิงสาวที่กำลังนอนเอนตัวนอนอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด
ปมคิ้วขมวด ปากของเธอเริ่มแห้งเนื่องจากขาดน้ำ
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เธอมองเห็นคือเพดานสีขาว ม่านยาวที่แขวนด้วยตะขอทองคำ
มีกลิ่นหอมจางๆ ในอากาศโชยมา
“นอนพอหรือยัง รีบลงไปได้แล้ว!”
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่เย็นชา ปนด้วยความโกรธก็ดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้สติขึ้นมาทันใด
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา และรู้สึกปวดที่หลังศีรษะอีกครั้ง
“โอ๊ย ปวดหัว……”
ชายหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แหลมคม
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินไม่ชัด แต่รับรู้ได้ว่าไม่ใช่คำพูดที่ดีแน่ๆ
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
เสียงก็เพราะดีนะ แต่……
ชั่วร้ายจริงๆ
เขาเอามือยื่นเข้ามาจับที่คางของเธอ และค่อยๆ จับหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนเงยขึ้นมา
กวาดสายตามองอย่างช้าๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ดั้งจมูกโด่ง ลูกตาดำลึก แววตาอันแหลมคม ริมฝีปากบางเรียว แต่ไม่มีแม้กระทั่งรอยยิ้ม ตรงกันข้าม สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเหน็บแนมเยาะหยัน
เขามองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความเย็นชา
“อยากได้ความเห็นใจอย่างนั้นเหรอ? แต่น่าเสียดายที่ในพจนานุกรมผมมันไม่มีคำว่าเห็นใจ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหรี่ตาลง ในสมองคิดอะไรไม่ออก เธอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มประชิดเข้ามาใกล้เธอจนเธอไม่อาจหลบได้
“นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“เหอะ”
ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นมาเยาะเย้ย พร้อมทั้งยังพูดจาอย่างไร้ความปรานีออกมา และมองหน้าเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
“ผมให้เวลาคุณสามวินาที ลุกออกไปจากเตียงผมเดี๋ยวนี้”