ตอนที่ 2 เบบี๋ของคุณป๋า
เช้าวันต่อมาหนูดีตื่นขึ้นมาเพื่อไปโรงเรียนตามปกติ เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ เอาแต่คิดหาวิธีที่จะหลีกเลี่ยง ผอ.หนุ่ม แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ร่างบางเดินลงมาจากห้องนอน เพื่อรับประทานอาหารเช้าก่อนไปเรียน ที่โต๊ะอาหารมีเพียงนภาป้าสะใภ้นั่งดื่มกาแฟอยู่เพียงแค่คนเดียว เด็กสาวตัดสินใจที่จะเดินเลี่ยงออกไป แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน
“แกอย่าเพิ่งไปนังหนูดี” เด็กสาวหยุดเดิน แล้วหันหน้าไปทางป้าสะใภ้ที่นั่งหน้าเชิดใส่เธออยู่ ด้วยมาดนางพญา
“มีอะไรคะ” หนูดีกระชับเป้ที่สะพายอยู่ด้วยท่าทางเซ็งๆ ขนาดเธอเลี่ยงการปะทะแล้วนะ แต่ป้าสะใภ้ของเธอกลับเรียกไว้ซะงั้น ไม่รู้จะว่าอะไรเธออีก ขนาดไม่ได้ทำอะไรยังหาเรื่องมาว่าเธอได้ทุกวัน
“แกไม่คิดจะไหว้ฉันเลยเหรอนังตัวดี ตาแกบอดรึไงถึงมองไม่เห็นหัวฉันนะ” นภาถามเสียงกระด้าง จ้องมองหลานสาวของสามีที่เธอไม่ชอบขี้หน้าด้วยสายตาวาวโรจน์
“ปกติหนูก็ไหว้ แต่คุณป้ามักจะเมิน ไม่ก็เชิดหน้าใส่ หนูก็เลยคิดว่าไม่ไหว้จะดีซะกว่า คุณป้าจะได้ไม่ต้องลำบากที่จะคอยหาวิธีหลีกเลี่ยงหนู ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอตัวไปโรงเรียนก่อนนะคะ” หนูดีก้มหัวให้แล้วเดินออกไปโดยที่ไม่ได้ยกมือขึ้นมาไหว้อย่างที่นภาต้องการ
“นังเด็กบ้า! เมื่อไหร่แกจะออกไปให้พ้นๆ จากบ้านฉันสักทีนะ” นภาหน้าบึ้ง อยากจะไล่นังหนูผีออกไปจากบ้านใจจะขาด แต่ติดที่สามีเธอไม่ยอม ไม่รู้จะรักนังหลานคนนี้อะไรนักหนา ทีกับลูกตัวเองละคอยแต่จะห้ามนั่นห้ามนี่
“คุณแม่เป็นอะไรคะ ทำไมหน้ายุ่งจัง” ฟ้าใสเดินเข้ามานั่งที่ห้องอาหาร ก็เห็นว่ามารดานั่งทำหน้าบึ้งตึง เหมือนกำลังโกรธใครอยู่
“แม่โมโหนังหนูผีมัน เด็กอะไรไม่มีสัมมาคาระวะเอาซะเลย สู้ลูกของแม่ก็ไม่ได้น่ารัก ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย” นภายิ้มอย่างภูมิใจ เจอหน้าลูกค่อยยิ้มออกหน่อย ไม่ว่าฟ้าใสจะทำอะไรแม่อย่างเธอก็คอยสนับสนุนลูกอยู่เสมอ
“หนูกับมันคนละชั้นกันเลยค่ะ นังนั่นมันเด็กกำพร้า ส่วนหนูมีทั้งคุณพ่อและคุณแม่ที่น่ารักแบบนี้” ฟ้าใสยิ้มให้มารดาอย่างประจบ
“น่ารักจริงๆลูกแม่ หนูทานข้าวดีกว่าจ๊ะ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”
“ค่ะ”
หนูดีมาถึงโรงเรียนแล้วก็เดินไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรรองท้อง ทุกจะมีเพื่อนมานั่งกินด้วยแต่วันนี้สองสาวออกจากบ้านสาย ทำให้เธอต้องมานั่งกินอยู่คนเดียว
“หนูดี ทำไมวันนี้มานั่งกินข้าวเช้าคนเดียววะเนี่ย” เบลสาวห้าวหน้าหมวยเพื่อนต่างห้อง เดินถือจานข้าวมานั่งตรงข้ามกับหนูดี
“คนเดียวที่ไหน แกก็มานั่งกับฉันแล้วนี่ไง ว่าแต่มานั่งกับฉันแบบนี้เด็กๆ ของแกไม่งอนแย่หรอ” หนูดีแกล้งแหย่เพื่อนที่เป็นขวัญใจผู้หญิงที่ชอบสาวหล่อ
“ใครจะมาว่าฉันได้ พูดแบบนี้หึงอะดิ” เบลยักคิ้วให้แล้วตักข้าวเข้าปาก
“หลงตัวเองชะมัด” หนูดีส่ายหน้า ยอมรับว่าคนตรงหน้าน่ารักมาก แต่เธอก็ไม่เคยคิดอะไรเป็นอื่นนอกจากเพื่อน ก็ไม่ต่างจากเบลที่ไม่ได้ชอบหนูดีมากกว่าความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ลูอิสเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงโรงอาหาร สายตาคมกวาดมองไปรอบๆ ก็เห็คนที่ทำให้เขานอนไม่หลับ จนต้องถ่อมาโรงเรียนแต่เช้าแบบนี้ กำลังนั่งหัวเราะกับเด็กผู้หญิงที่ท่าทางออกห้าวๆ มือหนากำหมัดแน่นอย่างโมโห สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ อย่างต้องการจะระงับอารมณ์โมโห ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือทอมเขาก็ไม่ชอบทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่าชอบผู้หญิงเหมือนกันแล้วมันก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น!
“เอารูปนี้ลงสิ รูปนั้นไม่เห็นสวยเลย” หนูดีกับเบลกำลังเลือกรูปที่จะเอาลงเฟสบุ๊ค เลยไม่เห็นว่าตอนนี้มีคนเดินมาจ้องทั้งคู่อย่างไม่วางตา
“ฮึ่ม!” ลูอิสส่งเสียงฮึ่มฮั่มเป็นสัญญาณว่าเขามีตัวตนอยู่ตรงนี้ หนูดีกับเบลเลยเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ ผอ.” หนูดียกมือขึ้นไหว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเบลเห็นว่าเพื่อนเรียกว่า ผอ.ก็รีบยกมือขึ้นมาไหว้เช่นเดียวกัน
“อือ” ลูอิสรับคำส่งๆ จ้องหน้าหวานไม่วางตา ยังไงซะวันนี้เขาก็ต้องคุยกับแม่แมวน้อยนี่ให้รู้เรื่อง กล้าดียังไงถึงได้มานั่งอี๋อ๋ออยู่กับเด็กนี่ ตอนนี้เขาทำอะไรมากไม่ได้เลยต้องพยายามนิ่งเอาไว้ รอให้อยู่กันสองคนก่อนเถอะพ่อจะจับทำโทษเสียให้เข็ด
“เราไปกันเถอะ” หนูดีดึงแขนเบลให้ลุกขึ้นยืนแล้วลากออกมา เพราะไม่อยากจะอยู่ให้อีตาลุงนี่จ้องนานๆ คิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว ทำให้หน้าเธอร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้ แถมใจยังเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นอีกด้วย
“จะรีบไปไหนเนี่ย ทำอย่างกับจะหนี ผอ.อย่างงั้นแหละ” หนูดีหันกลับไปมองทางด้านหลังเพื่อดูให้แน่ใจว่า ผอ.ไม่ได้เดินตามมา แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไม่ได้หนีใครทั้งนั้นแหละ แค่อยากออกมาเดินย่อยอาหารเดี๋ยวอ้วน แกนี่ไม่รู้เรื่องเลย” หนูดีสะบัดมือออกจากแขนเพื่อน รีบเดินนำออกไปเพื่อขึ้นตึกเรียน
“อะไรของมัน” เบลพึมพำเบาๆแล้วเดินตามไป
“ไม่อยากเรียนคณิตเลย” วีต้าย่นจมูกอย่างเซ็งๆ
“ไม่เห็นว่าแกจะชอบสักวิชาเลยวีต้า” หวานพูดแล้วหยิบขนมเข้าปาก
“พูดถูกใจจังหวาน ฮ่าๆ” หนูดีหัวเราะเสียงใส ก่อนจะหยุดลงเมื่อครูสอนคณิตจอมเนี๊ยบเดินเข้ามา เสียงเจี๊ยวจ๊าวในตอนแรกหยุดลงทันที เพราะครูคนนี้แกขึ้นชื่อเรื่องความดุ
“หนูดีคาบนี้เธอไม่ต้องเรียน เพราะ ผอ.เรียกให้เธอไปช่วยงาน ออกไปได้เลย ส่วนคนอื่นๆก็เรียนกันตามปกตินะจ๊ะ” พวกเพื่อนๆในห้องต่างโห่ร้องอย่างอิจฉาที่ไม่ต้องเรียนคณิต ส่วนคนที่โดนเรียกไปพ่นลมหายใจออกมาย่างแรง
“เรียกไปช่วยงานอะไรวะ” วีต้าหันมาถามอย่างสงสัย
“นั่นดิ ไว้ใจได้ไหมเนี่ย” หวานที่นั่งอยู่ข้างๆ กับหนูดีก็พูดขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ไม่อยากไปเลยพวกแกทำไงดีอ่ะ ฉันว่าฉันไปหลบในห้องสมุดดีไหมวะ” หนูดีถามความคิดเห็นเพื่อน สองสาวรีบส่ายหน้าพร้อมกัน
“ไม่ดีอ่ะ เกิด ผอ.บ้าขึ้นมาแกได้ซวยไปกันใหญ่ ฉันว่าแกเผชิญหน้าไปเลยดีกว่า หลบยังไงแกก็หลบไม่พ้นหรอก”
“ฉันเห็นด้วยกับวีต้านะ สู้ๆ เพื่อน” หวานยกกำปั้นขึ้นมาแล้วชกไปที่แขนหนูดีเบาๆ อย่างให้กำลังใจ แต่ยังไม่มีใครได้พูดอะไรต่อครูสาวใหญ่ก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“อ่าว ยังจะนั่งอยู่อีกรีบไปสิแม่หนูดีเดี๋ยวท่านจะรอนาน” ครูดุสิตาขยับแว่นพูดเสียงดัง เมื่อลูกศิษย์ยังนั่งอยู่ที่เดิม “ไปให้ไวเลยแม่คนนี้หนิ ถ้ายังชักช้าอยู่ฉันจะหักคะแนนเธอ” เมื่อโดนขู่หนูดีเลยจำใจต้องออกไป โดยมีสายตาของเพื่อนมองตามอย่างเป็นห่วง
หนูดีกรอกตาไปมาเมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของผู้อำวยการ วันนี้ดูตึกนี้จะมีการคุมเข้มมากขึ้น ไม่ปล่อยให้นักเรียนเข้ามาได้ง่ายๆ แล้ว ดีหน่อนที่เธอไม่ต้องยุ่งยากอะไร เพียงแค่บอกว่ามาพบ ผอ. รปภและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยที่ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ สร้างความแปลกใจให้เธอไม่น้อย เพราะเห็นนักเรียนคนอื่นโดนถามนู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด เด็กสาวส่ายหน้าเลิกคิดเรื่องอื่น แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่