ตอนที่ 1 เธอต้องเป็นเมียของฉันเท่านั้น!! (2)
“นั่งก่อน” มือหนากดไหล่บางให้นั่งลง ส่วนตัวเองก็นั่งลงข้างเด็กสาวอย่างตีเนียน “เธอชื่ออะไรสาวน้อย” ขายาวนั่งไข่ห้างมือทั้งสองประสานไว้ที่หัวเข่า จับจ้องเรียวปากบางสีระเรื่อที่ขบกันตาปรอย ไม่ได้ฟังในสิ่งที่เด็กสาวบอก
“หนูดีค่ะ” เด็กสาวโบกมือไปมาตรงหน้าหล่อ เมื่อเห็นว่าเขาเหม่อมองเธอนานแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล มือบางเลยจับท่อนแขนแกร่งแล้วเขย่าเบาๆ จนคนสติหลุดรู้สึกตัว “ผอ.เป็นอะไรรึเปล่าคะ” ลูอิสมองมือน้อยที่จับแขนเขาเอาไว้ด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใยก็อมยิ้ม
“เปล่า ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ เมื่อกี้ฉันไม่ทันได้ฟัง” ลูอิสถามอีกครั้งเพราะเมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังจริงๆ
“ชื่อหนูดีค่ะ” เด็กสาวพูดอีกครั้ง
“อืม ชื่อน่ารักเหมาะกับตัวเลย” ลูอิสพึมพำเบาๆ “ว่าแต่เธอเรียนอยู่ชั้นไหนและอายุเท่าไหร่แม่หนูน้อย” แม้จะดูรู้ว่าคงอยู่มอปลาย แต่ก็อยากจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าอยู่ชั้นไหนและอายุเท่าไหร่กันแน่
“มอหกหรือว่าเกรดสิบสองนี่แหละค่ะ ส่วนอายุก็ 18 ปีค่ะ” รู้สึกเหมือนเธอมานั่งรายงานประวัติส่วนตัวให้เขาเลย
“อืม แล้วเธอมีแฟนรึยัง” ลูอิสถามเหมือนคำถามทั่วไปแต่ภายในใจกลับจดจ่อในคำตอบที่จะได้รับ
“ยังค่ะ” หนูดีส่ายหน้าไปมา ไม่เข้าใจว่าเธอมีแฟนหรือไม่มีแฟนมันจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาตรงไหน “แล้วผอ.จะอยากรู้ไปทำไมเหรอคะ” ปากเล็กๆ ถามออกไปไม่อยากเก็บความสงสัยเอาไว้
“ช่างสงสัยเสียจริง” ลูอิสยิ้ม “ถ้าอยากรู้ฉันก็จะบอกให้ ยื่นหูมาสิ” ด้วยความที่อยากรู้หนูดีเลยเอียงหูให้ ผอ.หนุ่มรูปหล่อที่แอบยกยิ้มอยู่คนเดียว “ฉันจะเอาเธอมาทำเมียนะสิคนสวย” เสียงทุ้มกระซิบชิดหูหอมกรุ่น คนฟังถึงกับตาค้างอ้าปากกว้างอย่างตกใจสุดขีด ค่อยๆ เงยหน้ามองชายหนุ่มที่กอดรัดเอวเธอเอาไว้แน่นอย่างอึ้งๆ แทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ
“ผอ.พูดเล่นใช่ไหมคะ” เด็กสาวถามเสียงเบาหวิว ตั้งรับไม่ทันเมื่อเจอคำพูดน็อคกลางอากาศแบบนี้ ได้แต่หวังว่าเขาจะแค่ล้อเล่นกับเธอเท่านั้น คนบ้าอะไรจะมาชอบกันได้แค่เวลาไม่ถึงสิบห้านาที นี่เขาชักจะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ
“ฉันไม่ได้พูดเล่น ฉันจะเอาเธอทำเมียจริงๆ สาวน้อย แล้วถ้าฉันเห็นว่าเธอสนใจไอ้หนุ่มหน้าไหนระวังมันจะเดือดร้อน และเธอก็จะได้เป็นเมียฉันเร็วขึ้น” ถ้าเพื่อนเขารู้คงว่าเขาบ้าแน่ๆ เจอกันได้ไม่กี่นาทีเขาก็ประกาศออกมาว่าจะเอาสาวน้อยคนสวยนี่มาทำเมีย แถมอายุน้อยกว่าเขาถึงสิบห้าปีและยังเรียนไฮสคูลอยู่เลย
“หนูไม่เอานะ หนูไม่ชอบคนแก่ อื้อ ปล่อย ไม่งั้นหนูจะไปแจ้งความว่า ผอ.ลวนลามหนูนะ” หนูดีดิ้นรนอยากออกจากห้องนี้ไป แต่ติดอยู่ที่แขนแข็งแรงที่เกาะเอวเธอเอาไว้เหนียวหนึบ
“ว่า ว่าที่ผัวแก่แบบนี้มันต้องถูกลงโทษ” มือหนาจับคางเรียวไว้แน่นแนบปากหยักบางเฉียบลงบนปากเรียวเล็กสีชมพู หนูดีที่โดนจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวตาโต พยายามจะผลักอกหนาออกห่าง มือบางทุบลงบนไหล่แกร่งเป็นพัลวัน ก่อนจะค่อยๆ อ่อนลง คล้อยตามคนประสบการณ์สูงที่ล่อหลอกให้ตกลงไปในหลุมพลางของความแปลกใหม่ เรียวแขนเล็กคล้องไว้ที่ลำคอหนาเพื่อเป็นที่ยึดเกาะ หลับตาพริ้ม ลมหายใจหอบสะท้าน ลูอิสมองอย่างพึงพอใจ ค่อยๆ บดเคล้าแทรกลิ้นสากของตัวเองเข้าไปควานหาน้ำผึ้งหวาน ไล่ต้อนลิ้นเล็กที่ด้อยประสบการณ์ เมื่อชิมความหวานจนพอใจ ลูอิสก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาดูดดึงที่ปากล่างแดงก่ำจากฤทธิ์จูบ นิ้วหัวแม่มือคลึงที่มุมปากเล็กเบาๆ หนูดีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ไม่กล้าสบสายตาคมที่กำลังจ้องมองเธอตรงๆ
“ผอ.ไม่มีสิทธิ์มาจูบหนูนะ แล้วอีกอย่างนั่นมันเป็นจูบแรกของหนูเลยนะ ทำไมต้องทำกับหนูแบบนี้ด้วย เจอกันไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาปล้นจูบเด็กนักเรียนแบบนี้ได้ยังไงกัน” หนูดีค่อยๆ หันมามองหน้าลูอิสตรงๆ ใบหน้าหวานบึ้งตึง ถูมือเช็ดปากตัวเองแรงๆ จนมันแดงเถือกไปหมด
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ จูบแรกของเธอเป็นของฉันมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เลิกทำหน้างอแล้วกลับไปเข้าเรียนได้แล้ว ถ้ายังงอแงไม่เลิกฉันจะไม่ให้เธอกลับไปเรียนแล้ว และจะยัดเยียดความเป็นสามีให้เธอแทน”
“พูดอะไรบ้าๆ หนูไม่มีวันยอมตกเป็นเมียน้อยหรือว่าเด็กในสต๊อกของ ผอ.หรอกเลิกคิดไปได้เลย” หนูดีตะโกนเสียงดัง ใบหน้าเนียนแดงก่ำอย่างโมโหแล้ววิ่งพรวดออกมาจากห้องทำงานหรูทันที
“หึ เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกสาวน้อย ใครจะว่าว่าฉันพรากผู้เยาว์ก็ยอม” ลูอิสพึมพำเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินกลับไปนั่งทำงานต่อด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“แกบ่นอะไรหนูดี” หวานถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่เพื่อนเธอกลับมาจากห้องของ ผอ.ก็เอาแต่นั่งพึมพำ แล้วก็หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว
“แกเครียดวะเล่ามาสักทีว่า ผอ.ให้แกอยู่คุยเรื่องอะไรต่อบอกมาเลยนะ ฉันกับยัยหวานอยากรู้ใจจะขาดแล้วเนี่ย” วีต้าเขย่าแขนเพื่อนรักที่เอาแต่ปิดปากเงียบ ถามมาตั้งนานแล้วก็ไม่ได้คำตอบ
“เอาไว้คุยหลังเลิกเรียนได้ไหม รับรองว่าฉันจะบอกแกสองคนทุกเรื่อง” เธอตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องของ ผอ.ให้กับเพื่อนได้ฟัง ไม่อยากจะปิดบังและจะได้ช่วยกันคิดหาทางหลีกเลี่ยง ผอ.ชีกอนั่น
“เออๆ” วีต้ากับหวานพยักหน้าอย่างรู้กันว่าเพื่อนคงไม่อยากเล่าในห้องเรียน ที่มีพวกอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านได้ยินแน่ๆ
หลังเลิกเรียนสามสาวเพื่อนซี้ก็มานั่งประจำการกันอยู่ที่ร้านชาบูแถวหน้าโรงเรียน ตามที่พื่อนสาวหุ่นอวบอย่างหวานเรียกร้องมาตั้งแต่กลางวัน และระหว่างกินหนูดีก็เล่าเรื่องที่เธอเจอมาเมื่อตอนกลางวันให้กับเพื่อนสาวทั้งสองคนได้ฟัง ซึ่งหวานกับวีต้านั้นตาโตแล้วตาโตอีกเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด
“แล้วแกจะทำยังไงต่อไปเนี่ย จากที่ฟังดูแล้วนะฉันว่า ผอ.ต้องไม่ปล่อยแกไปแน่ๆ เขาเล่นประกาศใส่หน้าว่าจะเอาแกทำเมียขนาดนั้น” วีต้าออกความคิดเห็น
“ฉันว่า ผอ.เขาจริงจังกับแกแน่เลยหนูดี ไม่อย่างนั้นคนระดับนั้น และอายุอานามก็มากกว่าตั้งสิบห้าปี จะประกาศออกมาว่าอยากได้เมียเด็กแบบแกเหรอ” หวานวางช้อนในมือแล้วพูดกับเพื่อนอย่างจริงจัง
“แกคิดว่า ผอ.จะโสดหรอหวาน หล่อ รวย แบบนั้น สาวๆคงติดตรึมหรือไม่ก็มีเมียอยู่แล้ว แต่อยากหากิ๊กเป็นเด็กเอาะๆ เหมือนที่พวกคนแก่ๆชอบทำกัน” วีต้าที่ชื่นชอบการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจเอ่ยขึ้น ถึงความน่าจะเป็นตามที่เธอคิด
“เออวะ ฉันลืมคิดถึงข้อนี้ไปได้ยังไงกันเนี่ย แกอย่าเงียบสิวะหนูดี นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะเนี่ย เอางี้ไหมแกไปบอกลุงแกให้ช่วยสิ ท่านรักแกจะตายไม่ปล่อยให้หลานสาวคนสวยตกอยู่ในกำมือ ผอ.หรอก”
“ฉันไม่อยากให้ลุงเดือดร้อนนะสิหวาน ฉันว่ารอดูท่าทีของตาลุงนั่นไปก่อนละกัน ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะเอาไงดี มืดแปดด้านไปหมด ขอกินเติมพลังก่อนเผื่อจะคิดอะไรออก” วีต้ากับหวานพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก็ช่วยกันตักนั่นตักนี่ให้หนูดีได้กิน หลังจากกินเสร็จต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านเนื่องจากเย็นมากแล้ว
“แกจะไม่ให้พ่อฉันไปส่งจริงหรอหนูดี” หวานถามอย่างเป็นห่วง
“อือ แกกลับไปเถอะ ฉันกลับรถเมล์เองได้” หวานโบกมือลาเพื่อนก่อนจะขึ้นรถไป ส่วนหนูดีก็เดินไปรอรถประจำทางที่ป้าย มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรสำหรับเธอเลยที่จะใช้รถสาธารณะในการเดินทาง เพราะปกติเธอก็กลับบ้านเองแบบนี้อยู่แล้ว แม้ว่าคุณลุงของเธอจะให้กลับบ้านพร้อมกับฟ้าใสที่มีคนรถมารับ แต่เธอก็ไม่เคยได้กลับเลยสักครั้งเนื่องจากญาติสาวของเธอไม่ยอม และเธอเองก็ไม่ได้อยากจะนั่งกับยัยนั่นอยู่แล้ว นั่งรอไปสักพักรถที่ผ่านหน้าหมู่บ้านก็มาจอดรับผู้โดยสาร หนูดีก็ก้าวขึ้นไปนั่งหยิบหูฟังขึ้นมาใส่เปิดเพลงฟัง
“บอสจะให้ขับตามไหมครับ” เจฟมองกระจกส่องหลังอย่างขอความคิดเห็นจากเจ้านาย เมื่อลูอิสพยักหน้าเจฟก็ขับรถตามรถเมล์คันดังกล่าวไป
เมื่อบ่ายเขาได้ให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนเอาประวัติของหนูดีมาให้อ่าน และให้เจฟช่วยหาข้อมูลอีกแรงทำให้เขาทราบว่า แม่แมวน้อยของเขาอาศัยอยู่กับครอบครัวของลุง ซึ่งก็คือพ่อของเด็กที่ชื่อฟ้าใสที่มีเรื่องตบตีในวันนี้ เนื่องจากพ่อและแม่ของเธอได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ นายบวรก็ได้พาหลานสาวเข้ามาอยู่ด้วยที่บ้าน แต่ภรรยาและลูกสาวของนายบวรไม่ชอบหนูดี คอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา ข้อนี้ทำให้เขาผูกใจเจ็บกับแม่ลูกมหาภัยนั่น
“น้องเขาน่ารักดีนะครับบอส” เจฟชวนเจ้านายคุยแล้วก็แอบเหลือบมองกระจกส่องหลังอยู่เนืองๆ
“อือ น่ารักมาก” ลูอิสรับคำเบาๆ ตอนแรกก็ไม่ได้จะให้เจฟขับรถตามมาหรอก บังเอิญเห็นว่าแม่แมวน้อยนี่กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนตอนเขาออกจากโรงเรียนพอดี เลยให้ลูกน้องหยุดรถรอดู แล้วเห็นว่าเดินมารอรถเมล์ กะจะชวนให้ขึ้นรถมาด้วยกันแล้ว แต่คิดว่าคงดื้อไม่ยอมแน่ๆ เลยให้เจฟขับรถตามมาแบบนี้
“น้องเขาลงรถแล้วครับบอส เราจะเอายังไงต่อดีครับ” เจฟจอดชะลออยู่ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน รอฟังคำสั่งจากเจ้านายว่าจะให้ทำอะไรต่อ
“กลับสิวะไม่น่าถาม” ลูอิสตอบแล้วมองตามหลังบอบางที่กำลังเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เมื่อเจฟออกรถลูอิสก็หันหน้ากลับมาพร้อมกับหลับตาลง