บทย่อ
เมื่อโคแก่ตกหลุมรักหญ้าอ่อนที่อายุน้อยกว่า 15 ปี ความบ้ามุทะลุก็เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่แรกเจอ ... “คุณป๋าอะไร อยากจะเป็นพ่อหนูแล้วทำไมต้องมาลวนลามกันแบบนี้ด้วย” “คุณป๋าไม่ได้อยากเป็นพ่อ ไหนลองเรียกให้ชื่นใจสิเบบี๋ คุณป๋าน่ะ ” “ไม่เรียก ทำไมจะต้องเรียกแบบนั้นด้วย ถ้าจะให้เรียกขอเรียกตาแก่แทนละกัน คุณป๋าบ้าคุณป๋าบออะไรกัน เรียกแบบนั้นขนลุกตายเลย” ... “เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งทะเลาะกัน” ลูเซียสยกมือขึ้นห้าม “ขอขัดจังหวะแป๊บนึง เมื่อกี้หนูดีเรียกพี่ลูซว่าอะไรนะพี่ได้ยินไม่ชัด” “ก็คุณป๋าไงคะ” หนูดีตอบชัดๆ “แล้วทำไมต้องเรียกอย่างนั้นด้วย” ลูเซียสกลั้นยิ้มไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายเขาจะให้เรียกว่าอย่างนั้น แลเหมือนพ่อกับลูกอย่างไรอย่างนั้น ลูอิสเดาความคิดน้องชายออกเลยรีบพูดสวนออกไปก่อนที่เมียตัวน้อยจะโต้ตอบ “ฉันชอบและพอใจจะให้เรียกอย่างนั้น แล้วก็เลิกคิดว่าเหมือนพ่อกับลูกด้วยลูเซียส” ลูอิสพูดเสียงเข้ม ลูเซียสเองก็ไม่ได้อะไรได้แต่ไหวไหล่น้อยๆ วันนี้พี่ชายเขามีแต่เรี่องเซอร์ไพรส์ทั้งนั้น ... “ซีรีส์เพ้อฝันพวกนี้มันดีกว่าคุณป๋าตรงไหน พระเอกก็หน้าตางั้นๆ สู้คุณป๋าหนูไม่ได้เลยสักนิด “คุณป๋าอย่าเยอะได้ไหม หนูแค่ดูซีรีย์นะคะ ใครๆเขาก็ดูกันทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวสักหน่อย หากไม่ดูเดี๋ยวหนูคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง” ... รักเด็กหลงเด็กต้องยกให้เขาคนนี้
ตอนที่ 1 เธอต้องเป็นเมียของฉันเท่านั้น!!
ลูอิส วาเลนส์ ชายหนุ่มเลือดผสมสัญชาติไทย-อังกฤษ วัย 32 ปี ในชุดสูทสีเข้ม ก้าวลงจากรถเบนซ์คันงาม ที่ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูให้ ทุกวันเขาจะต้องเข้าไปนั่งบริหารงานโรงแรม แต่วันนี้แตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมา เพราะต้องเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวาเลนส์ อินเตอร์เนชันแนล ต่อจากบิดาที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่เขาได้มาที่นี่ในฐานะ ผอ.คนใหม่ ส่วนโรงแรมก็ได้ให้น้องชายอย่างลูเซียสเข้ามาบริหารแทน
“นายกลับไปก่อนเลยเจฟ” ลูอิสบอกลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“จะไม่ให้ผมอยู่ด้วยเหรอครับบอส เผื่อมีอไรผมจะได้ช่วยบอสได้” เจฟถามบอสหนุ่มรูปหล่ออย่างเป็นห่วง ถ้าเขาอยู่ด้วยยังสามารถช่วยงานได้
“ไม่ต้อง ตอนเย็นค่อยมารับฉัน กลับไปได้แล้ว มีอะไรฉันจะโทรหาเอง” เขามาทำงานเป็น ผอ.ไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตาม ลูอิสพูดจบก็ก้าวเดินเข้าไปในตึกผู้บริหารทันที
“หนูดี วันนี้ไปกินชาบูกันฉันอยากกินอะ ยัยวีต้าก็บอกว่าอยากกิน” สาวน้อยผิวขาวร่างท้วมนั่งเขย่าแขนเพื่อนคนสวย อย่างอ้อนๆ
“หวานแกนี่จะชวนฉันกินทุกเย็นเลยรึไง เมื่อวานขนม วันนี้ชาบู พรุ่งนี้อะไรอีกละยัยอ้วน” หนูดีแกล้งหยิกพุงเพื่อนเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“พรุ่งนี้ยังคิดไม่ออกเอาวันนี้ก่อนละกัน” หนูดีมองเพื่อนแล้วส่ายศีรษะไปมา
“หนูดี! หวานนน” สองสาวหันไปมองตามเสียงเรียก แล้วก็เห็นว่าวีต้าเพื่อนรักอีกคนหนึ่งของพวกเธอกำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยท่าทางตื่นตูมสุดๆ
“มีอะไรร้องเรียกซะเสียงดังลั่นเลย คนอื่นแตกตื่นกันหมดแกนี่” หนูดีเหลียวมองรอบๆ ตัว ก็เห็นว่ามีคนมองมาทางพวกเธอเยอะ เลยก้มศีรษะให้เป็นเชิงขอโทษที่เสียงดัง
“คืองี้ แป๊บนะ” วีต้าขยับแว่นให้เข้าที่เข้าทางแล้วพูดต่อ “ยัยฟ้าญาติแกถูกเรียกตัวไปห้อง ผอ.ยัยนั่นไปตบแย่งผู้ชายกับรุ่นน้องเกรด 11 ฉันเข้าห้องน้ำแล้วได้ยินเขาคุยกันเลยรีบวิ่งมาเล่าให้พวกแกฟังเนี่ย เหนื่อยชะมัด” วีต้าหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย
“ไปดูกัน” หนูดีลุกขึ้นเดินนำเพื่อนทั้งสองไปยังตึกผู้บริหาร จริงๆ แล้วเธอกับฟ้าใสไม่ค่อยจะถูกกัน แม้จะอยู่บ้านเดียวกันแต่ฟ้าใสก็ชอบหาเรื่องชวนทะเลาะได้ตลอดเวลา พ่อกับแม่ของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ทำให้คุณลุงพ่อของฟ้าใสที่เป็นพี่ชายของพ่อรับเธอมาดูแล คุณลุงรักเธอไม่ต่างจากลูกแต่คุณป้าแม่ของฟ้าใสนั้นไม่ชอบเธอ ถึงแม้จะไม่ชอบก็ต้องทนให้เธออยู่บ้านด้วย เนื่องจากคุณลุงไม่ยอมให้เธอไปอยู่ที่อื่นตามความต้องการของลูกและเมีย
“แล้วยัยฟ้ามันตบแย่งผู้ชายคนไหววะวีต้า”
“ไม่รู้วะ แล้วนั่นแกจะรีบเดินไปไหนดูดี รอพวกฉันด้วยสิ” วีต้าดึงแขนอวบของหวานให้วิ่งตามเพื่อน ที่เดินนำไปหลายก้าวแล้ว
“พวกแกก็อย่ามัวแต่คุยกันสิ รีบๆเดินตามมาเร็วๆ” หนูดีหันหลังมาพูดแล้วเดินเร็วเข้าไปในตึกโดยมีหวานกับวีต้าวิ่งตามมาติดๆ
สายตาคมจ้องมองนักเรียนสาวที่เป็นคู่กรณีกันนิ่ง ใบหน้าหล่อนั้นเรียบเฉยอย่างเดาอารมณ์ไม่ถูก สองสาวคู่กรณีนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสลดแม้แต่น้อย นั่งหน้าเชิด คอตั้ง ส่งสายตาจิกกัดกันเป็นระยะ ใบหน้าของทั้งสองคนมีรอยแดงจากนิ้วมือ เสื้อผ้านั้นหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิง เป็นภาพที่ไม่น่ามองสักนิด
“ทุเรศชะมัด” เสียงทุ้มพึมพำออกมา เป็น ผอ.วันแรกก็เจอเรื่องน่าปวดหัวซะแล้ว “ฉันจะเรียกผู้ปกครองของพวกเธอมา แล้วจะสั่งพักการเรียน” ลูอิสลุกขึ้นยืน เอามือล้วงกระเป๋า
“หนูไม่ผิด ผอ. จะสั่งพักการเรียนก็สั่งพักยัยแพรวาไปคนเดียว” ฟ้าใสพูดขึ้นเสียงดัง มองตาขวางไปยังแพรวา
“เหอะ! กล้าพูดนะว่าตัวเองไม่ผิด ไม่กระดากปากบ้างเหรอ” แพรวาสวนขึ้นอย่างไม่ยอม
ลูอิสมองนักเรียนสองคนที่เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร อย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเธอนี่ยังไม่สำนึกสินะ ตบตีกันในโรงเรียนจนถูกเรียกตัวเข้ามาพบแบบนี้ ยังปากเก่งกันได้นี่น่านับถือในความด้านของหน้าจริงๆ” แขนแกร่งเท้าลงบนโต๊ะทำงาน วาจาเจ็บแสบที่ลูอิสพูดออกมาทำให้เด็กสาวทั้งสองคนถึงกับสะอึก “ถ้าเป็นแบบนี้ฉันว่า ฉันเปลี่ยนบทลงโทษจากพักการเรียนเป็น ไปล้างห้องน้ำทุกพักกลางวัน และตอนเย็นตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน เผื่อพวกเธอจะได้รักและสามัคคีกันมากขึ้น ถ้าขัดคำสั่งหรือไม่ทำตามฉันจะไล่พวกเธอออก แล้วจะเชิญพ่อแม่ของเธอสองคนมารับรู้พฤติกรรมแย่ๆ มราพวกเธอได้ก่อเอาไว้”
“อะไรนะคะ” สองเสียงประสานกันดังลั่นอย่างตกใจ
“หนูทำไม่ได้ เกิดมายังไม่เคยต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้เลย แล้วอยู่ๆ ผอ.จะมาให้หนูทำ ไม่มีทางซะหรอก ให้ยัยแพรวานี่ทำไปคนเดียวเถอะค่ะ” เหอะ! อย่าว่าแต่ล้างห้องน้ำเลย จานที่บ้านเธอยังไม่ต้องเก็บล้างเองเลย แล้วห้องน้ำสกปรกๆ แบบนี้จะมาให้เธอทำ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น
“อย่ามาโยนให้กันแบบนี้นะพี่ฟ้า ฉันก็ไม่ทำเหมือนกัน” แพรวาจิกตาใส่สาวรุ่นพี่ เมื่อเห็นฝ่ายนั้นก็จ้องหน้าเธออย่างอยู่
“หยุดกัดกันได้แล้ว! ที่นี่โรงเรียนสอนให้ความรู้กับคน ไม่ใช่โรงเรียนสอนหมานะ เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไงกัน ถึงไม่เกรงกลัวอะไรเลย” อากรฟึดฟัดใส่กันในตอนแรกหายไป เมื่อโดนคำพูดเปรียบเปรยของ ผอ.หนุ่มหล่อ ไม่คาดคิดว่าหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้จะมีปากที่คมยิ่งกว่ากรรไกรเสียอีก “ฉันพูดคำไหนคำนั้น เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่มีข้อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น นี่ถือว่าฉันใจดีมากแล้วนะ ถ้าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ฉันจะไล่เธอออก ไปได้แล้ว!” ลูอิสเดินไปเปิดประตูให้นักเรียนคู่วิวาทออกไป ก็เห็นว่ามีนักเรียนยืนออกันอยู่แถวหน้าห้องทำงานของเขากันเต็มไปหมด “มีอะไรกันทำไมถึงมายืนอยู่หน้าห้องทำงานฉันเต็มไปหมด” เสียงเข้มเอ่ยถามบรรดาไทยมุงที่เริ่มจะแยกย้ายกันออกไปบ้างแล้ว
“เอ่อ คือว่าพวกเราแค่อยากมาเห็น ผอ.คนใหม่นะคะ” เด็กนักเรียนผู้หญิงที่อยู่มอต้นพูดเสียงเบาด้วยท่าทางกลัวๆ
“เห็นแล้วก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะที่ใครก็ขึ้นมาได้นะ พวก รปภ.นี่ยังไงถึงปล่อยให้พวกเธอขึ้นมาถึงนี่ได้” ลูอิสพูดด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง ตอนนี้ไทยมุงได้อันตธานหายไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่เด็กผู้หญิงสาวคนที่คาดว่าจะอยู่มอปลายยืนหลบมุมคุยกันอยู่ เพราะดูจากชุดเครื่องแบบที่สวมใส่ ลูอิสยืนกอดอกจ้องมองทั้งสามคนอย่างไม่วางตา และหนึ่งในนั้นก็ทำให้เขาเกิดความสนใจ
“พวกแก” หนูดีกระตุกแขนวีต้ากับหวานที่ยืนคุยกันอย่างออกรสเรื่องฟ้าใส แต่ก็เหมือนเพื่อนเธอจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยว่าตอนนี้มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ที่พวกเธอ ซึ่งเธอก็พอจะเดาออกว่าคงจะเป็นผู้อำนวยการคนใหม่
“อะไรของแกหนูดี” วีต้ากับหวานหันมามองเพื่อนที่สะกิดเรียกพวกเธอยิกๆ
“นั่น ผอ. คนใหม่ปะวะ เขามองพวกเรานานแล้วนะ” หนูดีกระซิบกระซาบกับเพื่อนเบาๆ
“ฉันว่าน่าจะใช่วะพวกแก หล๊อหล่ออ่ะ ต่างจากที่คิดเอาไว้มากเลยอ่า” หวานทำท่าเขินกำกระโปรงไว้แน่น
“ใช่ นึกว่าจะลงพุงหัวล้านๆ เหมือนเดิมซะอีก ผอ.หล่อขนาดนี้ทำให้ฉันอยากมาโรงเรียนทุกวันเลยว่าไหมพวกแก” วีต้ากับหวานยิ้มให้กันอย่างเคลิ้มๆ ต่างจากหนูดีที่ยืนจ้องหน้า ผอ.อย่างไม่ได้คิดอะไร เพราะเธอไม่ได้บ้าผู้ชายหล่ออยู่แล้ว
“พวกเธอเลิกทำหน้าเคลิ้มแล้วตามฉันเข้ามา” ลูอิสพูดเสียงดัง กวักมือเรียกสามสาวให้เดินตามเข้าไปในห้องทำงาน ทำให้เด็กสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างงงๆ
หวาน หนูดี และวีต้า ยืนก้มหน้าเรียงกันอยู่หน้ากระดานหน้าโต๊ะทำงานใหญ่ ลูอิสจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเรียวเล็กของเด็กนักเรียนผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงกลาง ที่มีผิวขาวอมชมพู ปากนิด จมูกหน่อย ดวงตาแวววาวสดใส ผมยาวสีน้ำตาลดัดลอนปล่อยลงมาคลอเคลียสองข้างแก้ม รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น น่าทะนุถนอม ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ลูอิสสะบัดใบหน้าไปมาอย่างต้องการจะเรียกสติตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง แล้วกระแอมเรียกเสียงตัวเอง
“เอาละ พวกเธอมาทำอะไรแถวหน้าห้องฉัน คนอื่นก็ลงกันไปหมดแล้วเหลือแต่พวกเธอ มีปัญหาอะไรกับฉันรึเปล่า” ลูอิสพูดรวมๆ กับทุกคนแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่ร่างบางของคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง หนูดีทำปากยื่นน้อยๆ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาตอบคำถาม
“คือว่า พวกเรามาดูยัยฟ้าใส เอ่อ คนที่ ผอ.เรียกพบนะคะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ ผอ.” ปากเล็กจิ้มลิ้มเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเถรตรง ไม่คิดจะโกหก เพราะว่าเธอมาดูจริงๆ ถ้าโกหกไปแล้วโดนจับได้มันจะน่าอายเปล่าๆ สายตากลมโตมองไปยังคนตัวโตที่นั่งพิงหลังไว้กับผนักเก้าอี้อย่างสำรวจ หน้าตาดีอย่างไม่มีที่ติ ถึงเธอจะไม่ค่อยชอบคนมีหนวดมีเครา แต่กับคนตรงหน้ามันไม่ได้ทำให้เธอดูว่าสกปรกเลยแม้แต่น้อย มันออกจะดูดีและสะอาดสะอ้านมาก เมื่อเริ่มรู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรที่ไม่เข้าท่า เด็กสาวก็รีบสะบัดหน้าตัวเองแรงๆเพื่อเรียกสติกับเข้าร่าง
ลูอิสมองดูการกระทำของเด็กสาวก็แต่ยิ้มในหน้า มือใหญ่วางประสานไว้บนหน้าตัก ถูกอกถูกใจในคำตอบตรงๆนั้นเป็นอย่างมาก ส่วนสองสาวก็ยืนเงียบปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนรักที่ช่างจำนรรจาเจรจาไป
“เธอเป็นเพื่อนเขาเหรอถึงต้องมาสอดส่องว่าเป็นยังไงบ้าง” ลูอิสเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ดูท่าทางก็รู้ว่าคงจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันแน่ๆ เพราะสองสาวนั่นออกไปตั้งนานแล้ว แต่ที่ถามก็แค่อยากจะหาเรื่องคุย เผื่อได้รู้อะไรดีๆ
“ไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นญาติ ที่ไม่ค่อยจะถูกกันต่างหากละ” เสียงหวานพึมพำเบาๆ ตัวเอง แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นคนหูดีอย่างลูอิสไปได้
“ไม่ถูกกันแล้วจะมาดูเขาทำไมละสาวน้อย หรือว่าเธอก็อยากจะลงสนามแย่งเจ้าเด็กนั่นเหมือนกัน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแข็งๆ จ้องมองหน้าหวานนิ่ง
“ไม่ใช่สักหน่อย” หนูดีโบกมือส่ายศีรษะเป็นพัลวัน คนอย่างเธอไม่มีทางลงมือแย่งชิงผู้ชายอยู่แล้ว ผอ.นี่ยังไงมากล่าวหาเธอเฉยเลย “ผอ.อย่ามาพูดให้หนูเสียหายนะ แฟนยังไม่เคยคิดที่จะมีเลย แล้วที่สำคัญหนูไม่ได้บ้าถึงขนาดจะไปตบแย่งผู้ชายเหมือนยัยนั่นสักหน่อย” ใบหน้าสวยงอง้ำลืมตัวมองค้อนคนตรงหน้า ลูอิสตีสีหน้านิ่งแต่ภายในใจกลับลิงโลดเมื่อได้ฟังคำพูดของเด็กสาว
“แกพูดดีๆ สิ นี่ ผอ.นะท่องเอาไว้” วีต้ากระซิบเสียงรอดไรฟัน แล้วยิ้มแหยๆ ให้กับคนที่นั่งจ้องพวกเธออยู่
“ฉันจะไปรู้เหรอ ไม่เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว” ลูอิสยักไหล่แล้วหันไปมองอีกสองสาวที่ยืนกันนิ่งเงียบ “เธอสองคนออกไปก่อน ฉันจะคุยกับเพื่อนของพวกเธอ”
“เอ่อ” วีต้ากับหวานอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่อยากปล่อยเพื่อนไว้คนเดียว มองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ถ้าจะลงโทษก็ลงโทษพวกเราให้เหมือนๆ กันนะคะ หนูสองคนก็มีส่วนรู้เห็นในการมาแอบดูด้วย” วีต้าเกาะแขนหนูดีเอาไว้แน่น กลัวว่าเพื่อนจะถูกลงโทษแค่คนเดียว
“ฉันไม่ได้จะลงโทษเพื่อนเธอ แค่จะขอคุยอะไรด้วยหน่อย ออกไปกันได้แล้วก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจลงโทษจริงๆ” หนูดีพยักหน้าให้เพื่อนเชิงว่าไม่เป็นไร สองสาวจึงยอมออกไป
“ผอ.มีอะไรรึเปล่าคะ” หนูดีเอียงคอถามอย่างน่ารักจนคนมองใจสั่น ลูอิสลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กสาว ถือวิสาสะจับแขนเรียวเล็กให้เดินไปที่โซฟา