บทที่ 3
“ผมทำได้อยู่แล้วครับ ว่าแต่ทางนั้นยอมแล้วหรือครับ”
“ไม่ต้องห่วง สบมยห. (สบายมากอย่าห่วง) ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว วันส่งตัวเข้าหอคือวันเกิดขอตาหวานวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนนี้” พะเยาว์บอก
“ตามนั้นครับคุณย่า”
ซึ่งวันที่คนเป็นย่าบอกก็อีกยี่สิบวันข้างหน้า ซึ่งเป็นวันที่เขาไม่อยากให้ถึงเลย
“ตอนนี้ตาหวานโตเป็นสาวแล้วนะคะ หน้าตาน่ารักเชียวค่ะไม่ได้เป็นเด็กเนื้อตัวมอมแมมเหมือนเมื่อก่อน คุณเตไม่ได้เห็นตาหวานนานแล้วนี่คะ น่าจะราวๆ ปีครึ่งเห็นจะได้ ถ้าเห็นตาหวานใกล้ๆ รับรองว่าคุณเตต้องเปลี่ยนคำพูดแน่ๆ ค่ะ” นมแม้นพูดขณะมองไปที่ตาหวาน “ส่วนเรื่องที่จะเป็นแม่ของลูกได้ไหม พอถึงเวลาก็เป็นแม่ได้เองค่ะ ไม่มีใครเกิดมาพร้อมจะเป็นพ่อและแม่นะคะ คุณเตบอกว่า ไม่รู้ว่าตาหวานจะเป็นแม่ได้ไหม แล้วคุณเตล่ะคะ เป็นพ่อคนได้หรือเปล่า” นมแม้นย้อนถาม มองหน้าเตศวรแล้วยิ้มอ่อนโยน
“ก็อย่างที่นมบอก เมื่อถึงเวลาก็เป็นได้เอง” เตศวรตอบกลับ จะว่าไปเขาไม่ได้เห็นหน้าตาหวานนานแล้ว มาที่นี่ครั้งใดไม่เคยเจอตาหวานสักที มันจะคาดกันตลอด ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจด้วย
“ตาหวานก็เหมือนกันค่ะ พอถึงเวลาก็เป็นแม่ได้เอง คุณเตอย่าเป็นกังวลไปเลยนะคะ เชื่อสายตาคุณท่านสิคะ คุณท่านตาแหลมจะตายไป” นมแม้นพูดอีกก็ถูกอีก “เข้าบ้านเถอะค่ะคุณท่านรออยู่ เดี๋ยวนมไปตามตาหวานก่อน คงจะเล่นเพลินไม่เอาผักมาให้ตามเคย”
เตศวรส่ายหัวระอากับพฤติกรรมเป็นเด็กของว่าที่แม่ของลูก ที่เขาเริ่มหนักใจว่า จะเป็นแม่ที่ดีในอนาคตได้หรือไม่
ตกเย็น
“ตาหวาน นังตาหวาน” เสียงยายนันร้องเรียกหลานสาวตัวดีที่เดินหาทั่วบ้านและรอบบ้านแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา นางจึงเดินไปทางหลังบ้านที่ปลูกต้นมะม่วงไว้หลายสิบต้น รวมทั้งต้นชมพู่ ต้นกล้วยแล้วตะโกนเรียก “อีหวาน มึงอยู่ไหน”
เจ้าของชื่อตอนนี้นั่งอยู่บนกิ่งไม้ของต้นมะม่วงต้นใหญ่ที่ออกลูกหลายสิบลูก ตาหวานชะโงกหน้ามองยายนันที่ยืนเท้าเอวอยู่ใต้ต้นไม้
“ยายจ๋า หนูอยู่นี่” ยายนันเงยหน้าตามเสียง
“มึงขึ้นไปทำไมบนนั้น ลงมาเดี๋ยวนี้เลย”
“ขึ้นมาเก็บมะม่วงไปให้คุณยาย” ตอบยายนันจบก็ปีนลงมาจากต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว
“นี่ไงยาย ได้หลายลูกเลย” ตาหวานชูถุงพลาสติกที่เอาขึ้นไปด้วย เพื่อใส่ลูกมะม่วงให้ยายนันดู
“มัวแต่เก็บมะม่วงอยู่ได้ นี่มันกี่โมงแล้วทำไมไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวก็ไปไม่ทันนัดหรอก” ยายนันเสียงเขียวใส่ มองหน้าหลานรักด้วยความไม่พอใจ แล้วที่นางต้องตามหาตัวตาหวานเป็นเพราะเย็นนี้ตาหวานมีนัดสำคัญที่ไร่เฟื่องฟ้า พะเยาว์สั่งให้ตาหวานไปร่วมงานเลี้ยงเล็กๆ ต้อนรับการกลับมาของเตศวร ถือเป็นการดูตัวไปในทีด้วย เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนที่เตศวรกับตาหวานไม่ได้เจอกัน
“โหยาย อีกตั้งชั่วโมงนึงเดี๋ยวค่อยอาบน้ำก็ได้ ขี่จักรยานไม่ถึงห้านาทีก็ถึง” ตาหวานอิดออด “ยายจะรีบไปไหนเนี่ย ไร่ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”
วันนี้ตาหวานทั้งตื่นเต้นและดีใจที่จะได้เจอเตศวร อันที่จริงเขามาถึงไร่เฟื่องฟ้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ทว่าพอเขามาถึงก็ขึ้นห้องนอนพักผ่อน เนื่องจากวันก่อนเขาต้องผ่าตัดเด็กเป็นโรคเท้าปุกนานถึงห้าชั่วโมงครึ่ง ก่อนเดินทางไปยังโรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งหนึ่งเพื่อผ่าตัดกระดูกเด็กอีกเครส เคสนี้ใช้เวลานานร่วมสี่ชั่วโมงกว่าจะแล้วเสร็จ เตศวรจึงหลับสนิททันทีที่หัวถึงหมอน พะเยาว์จึงจัดงานเลี้ยงต้อนรับหลานชายวันนี้แทน
“ไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย กว่าจะแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จก็ใกล้เวลาพอดี” ยายนันสั่ง
“ต้องแต่งหน้าด้วยเหรอยาย”
“ก็ใช่น่ะสิ แม่นายให้คนเอาชุดมาให้แก แขวนอยู่ที่บ้าน แล้วให้คนมาแต่งหน้าทำผมให้แกด้วย ตอนนี้ก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกัน ถ้าแกแต่งตัวธรรมดาฉันไม่เรียกแกให้เมื่อยตุ้มหรอก”
วันนี้ถือเป็นวันพิเศษ พะเยาว์ไม่อยากให้เตศวรมองว่าตาหวานยังเด็ก นางจึงสั่งซื้อชุดและให้ช่างแต่งหน้าทำผมมาเนรมิตให้ตาหวานเป็นสาวสวยโตเต็มวัย
“รู้แล้วน่ายาย”
“รู้แล้วก็รีบไปสิวะ ข้าไม่อยากให้แม่นายคอยนาน”
ตาหวานทำตามคำสั่งยายนัน เดินกลับเข้าไปบ้านไปใจเต้นไป ตื่นเต้นกับเวลาที่จะได้เจอหน้าเตศวรที่งวดเข้ามาทุกขณะ ทั้งๆ ที่ตาหวานรอคอยที่จะได้เห็นหน้าเขามานานแล้ว น่าจะไม่ตื่นเต้นแท้ๆ แต่ทว่าพอใกล้เวลาที่การรอคอยสิ้นสุดลง หล่อนกลับตื่นเต้น ไม่รู้ว่าหากได้เจอหน้าเขาจริงๆ จะประคองความตื่นเต้นได้หรือไม่