บทที่ 4
เวลาแห่งความตื่นเต้นของตาหวานเดินทางมาถึง หล่อนเดินเข้าไปในห้องทานอาหารของบ้านพะเยาว์ด้วยขาค่อนข้างสั่น แต่ดูเหมือนหัวใจจะสั่นยิ่งกว่า เมื่อเห็นเตศวรนั่งหันหลังให้ตน
พอเดินเข้าไปก็พบว่า วันนี้มีคนมาร่วมทานอาหารมื้อนี้ด้วยสามคน ซึ่งทั้งสามคนหันหน้ามาทางตน และเป็นคนที่ตาหวานไม่รู้จัก ได้แต่ส่งยิ้มให้ทั้งสามที่มองมาที่ตนด้วยสายตาแตกต่างอารมณ์
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเตศวร มองตาหวานด้วยความสนใจอย่างเปิดเผย เขายิ้มให้ตาหวานที่ก้าวเดินเข้ามา หญิงสาวที่นั่งตรงกลางหน้าตาสวยงาม ผิวพรรณดีราวกับเป็นลูกผู้ดี ใบหน้าสตรีผู้งดงามนิ่งเรียบ เสมือนไม่ยินดียินร้ายกับการเข้ามาของตาหวาน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นบุรุษที่มีลักยิ้มกลางแก้ม สายตาที่มองมายังตาหวานเปี่ยมด้วยมิตรไมตรี
เตศวรมองสีหน้าของเพื่อนทั้งสามที่แตกต่างอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แววตาของธนา ลูกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าทูเอส ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านพัฒนาการ ทำให้เตศวรรู้สึกได้ว่า ธนากำลังสนใจคนที่กำลังมอง ด้วยความอยากรู้หรืออะไรดลใจมิทราบได้ เตศวรหันหลังไปมองตามสายตาของธนา
“มาแล้วเหรอตาหวาน นั่งสิ นั่งใกล้ๆ เตนะลูก”
คำพูดของพะเยาว์เรียกความตกใจให้เตศวรมากทีเดียว เพราะตาหวานที่เขาเคยเห็นในอดีต ตรงกับข้ามกับตาหวานที่เห็นตอนนี้
เตศวรไม่ได้เจอตาหวานนานแล้ว ก็น่าจะราวๆ หนึ่งปีครึ่ง ครั้งล่าสุดที่เห็น เขาจำได้ว่าตาหวานสวมเสื้อยืดสีชมพูกับกางเกงยืนขาสั้นพอดีเข่า สวมรองเท้าผ้าใบกลางเก่ากลางใหม่ เส้นผมยาวปะบ่า วันนั้นตาหวานเอากล้วยน้ำว้ากับผักสวนครัวมาให้พะเยาว์ เขาได้มองตาหวานแวบเดียว โดยไม่ได้ทักทาย รูปลักษณ์ของตาหวานวันนี้ต่างกับวันนั้นลิบลับ
ตอนนี้หล่อนโตที่จะ ‘ทำ’ อะไรต่อมิอะไรได้แล้ว แค่คิดเพียงแวบเดียว ขนเส้นเล็กเส้นน้อยก็ลุกชัน รวมทั้งอย่างอื่นก็ลุกเช่นกัน
ตาหวานสวมชุดเดรสแขนกุดสีชมพูอ่อนแบบกระโปรงบานสั้นเหนือเข่า เส้นผมยาวสลวยถูกไดร์เป็นเส้นตรง ใบหน้าถูกเติมแต่งเพียงน้อยนิด คิ้วกันให้เป็นระเบียบ ริมฝีปากจิ้มลิ้มเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน หล่อนสวยใสเป็นธรรมชาติ แต่งนิดๆ หน่อยๆ เพิ่มความสวยงาม ซึ่งตาหวานก็สวยจริงๆ สวยกว่าแต่ก่อนหลายสิบเท่า ชุดที่ตาหวานสวมใส่ส่งเสริมให้ดูเป็นสาวเต็มวัย เตศวรมองว่าที่แม่ของลูกตาค้าง พะเยาว์ยิ้มเมื่อเห็นอาการของหลานชาย
“ค่ะคุณยาย” ตาหวานรับคำสั่ง เดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ว่างข้างเตศวร
“เอาล่ะ ย่าจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักตาหวานอย่างเป็นทางการนะ ผู้หญิงสวยๆ น่ารักคนนี้นี่แหละคือตาหวาน ตาหวาน เพื่อนๆ ของเตจ๊ะ...”
พะเยาว์แนะนำคนที่ไม่รู้จักกันได้รู้จักกัน ตาหวานที่อายุน้อยกว่า พนมมือไหว้สองหนุ่มกับหนึ่งสาว ก่อนหันมาไหว้เตศวรเป็นคนสุดท้าย
และนั่นทำให้ทั้งคู่ได้มองเห็นหน้ากันในระยะใกล้ หัวใจตาหวานสั่นเมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเตศวร ที่ความหล่อของเขาต้องพูดได้ว่า หล่อวัวควายตายล้ม
‘โอ๊ย!...อยากเป็นลม’
ตาหวานคิดในใจ
ส่วนเตศวรก็มองหน้าตาหวานนิ่ง พินิจมองเครื่องหน้าตาหวานที่วันนี้เสมือนนางฟ้าแปลงกาย เขาไม่คิดว่า ตาหวานจะโตเป็นสาวสะพรั่ง ทั้งที่เมื่อวานยังเห็นหล่อนกระโดดเชือกกับลูกคนงานอยู่เลย แต่วันนี้กลายเป็นคนละคน หล่อนไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ตาหวานเป็นแม่พันธ์สมกับที่พะเยาว์บอก
ตาหวานยิ้มเขิน หน้าระเรื่อ หลบสายตาของเตศวรที่เอาแต่จ้องมองตน ฝ่ามือทั้งสองข้างถูกันไปมา หัวใจก็เต้นแรงแล้วเต้นแรงอีก อยากเอาหน้ามุดใต้โต๊ะหลบสายตาร้อนแรงของเตศวร
สามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองดูเตศวรกับตาหวานสลับกันไปมา ธนาเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ตาหวานไม่ใช่ของตน เมื่อครู่เขาหลงลืมไปว่า ตาหวานกำลังเข้ามาอยู่ในฐานะใดของเพื่อนรัก ส่วนนทียิ้มกับความสวยใสของตาหวาน จนเขานึกอยากจะเป็นสาววัยใสบ้าง
กังสดาลพยายามระงับความไม่พอที่เห็นเตศวรให้ความสนใจตาหวานอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามักพูดกับตนเสมอว่า ตาหวานยังเด็ก เขาไม่อยากพรากผู้เยาว์ ไม่นิยมมีความสัมพันธ์กับสตรีที่มีอายุห่างกับตนสิบห้าปี ทว่าตอนนี้เตศวรทำให้หล่อนคิดว่า ทุกคำพูดของเขา ตรงกันข้าม