บทที่ 2
แล้วเรื่องนี้เองที่ทำให้เตศวรปวดหัวอยู่หลายวัน เมื่อต้นเดือนก่อน พะเยาว์เรียกตนให้มาพบ พร้อมกับบอกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองให้รับรู้ จะพูดว่าบอกคงไม่ได้ต้องใช้คำว่า บังคับน่าจะเหมาะกว่า
“อะไรนะครับคุณย่า คุณย่าจะให้เด็กตาหวานมาเป็นแม่พันธ์หรือครับ” เตศวรถามพะเยาว์เสียงหลง สีหน้าตกใจเต็มที่
“ทำไมแกต้องทำเสียงสูงขนาดนั้น จะตกใจอะไรกันนักกันหนากะอีแค่ทำเหลนให้ฉัน” พะเยาว์ขึ้นเสียงใส่
“จะไม่ให้ผมตกใจได้ยังไงล่ะครับ ตาหวานอายุถึงยี่สิบหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมไม่เอาหรอก ผมไม่อยากพรากผู้เยาว์” เตศวรปฏิเสธ “อีกอย่างผมไม่ชอบกินเด็ก ยิ่งเด็กไม่รู้จักโต ผมยิ่งไม่ชอบ”
“ฮือๆ ฮือๆ” สิ้นเสียงหลานชาย พะเยาว์ก็ร้องไห้เสียงดัง เตศวรตกใจรีบถลาไปกอดคนเป็นย่า
“คุณย่าเป็นอะไรครับ”
“ฮือ...ฉันก็เป็นย่าที่หลานไม่สนใจใยดี ไม่ใส่ใจความรู้สึกไง ฮือ...ฉันอายุป่านนี้แล้ว อยากมีเหลนไว้อุ้มชูแต่แกก็ไม่มีเมียสักที พอฉันหาแม่ของลูกให้แกก็ไม่เอา ฮือ...มันน่าช้ำใจนัก ฮือ”
พะเยาว์ร้องไห้โฮ ก้มหน้าเอามือปิดตา แต่ก็กางนิ้วชี้และนิ้วกลางออก ลอดสายตามองนมแม้นแล้วกระพริบตาให้
“โถ คุณท่านของบ่าว อย่าเสียใจไปเลยค่ะ แม้นเองก็คงไม่มีโอกาสได้เลี้ยงลูกของคุณเต แม้นก็แก่ลงทุกวันๆ หูตาก็ไม่ดี คงไม่มีบุญอยู่ถึงวันนั้นแน่ ฮือ...คุณท่านเจ้าขา คุณท่าน ฮือ”
นมแม้นผสมโรงตามแผน ก่อนที่สองผู้สูงอายุจะประสานเสียงร้องไห้ดังระงม ราวกับว่าเสียใจอย่างสุดแสน เตศวรแทบจะเอามือกุมขมับก็ว่าได้
“ฮือ / ฮือ” สองผู้สูงวัยร้องไห้ต่อเนื่อง
“ดูสิดู มีหลายชายอยู่คนเดียวก็ทำให้ฉันไม่ได้ ฉันจะตายตาหลับไหมเนี่ย ฮือ” พะเยาว์ร้องไห้ไปเหลือบตาดูท่าทีหลายชาย “ฮือ แม้นเอ๊ย เราสองคนคงไม่มีวาสนาได้เห็นหน้าลูกของเตแน่ๆ ดูสิดูอายุก็ปาเข้าไปสามสิบห้าแล้วยังไม่มีแววมีเมีย แล้วฉันต้องรอถึงเมื่อไหร่เนี่ย ฮือ...เวทนาตัวเองเหลือเกิน”
ดราม่าไปอีก...เตศวรคิดในใจ มองดูพะเยาว์กับนมแม้นร้องไห้แล้วถอนใจ
“โอเคครับ ผมยอม” เสียงร้องไห้ของสองผู้สูงวัยหยุดลงทันที ทั้งคู่เงยหน้ามองเตศวร
“จริงนะ แกอย่าหลอกคนแก่นะ” พะเยาว์ถามย้ำ
“แต่ต้องมีข้อแม้นะครับ”
“ข้อแม้อะไร” พะเยาว์ถามต่อ
“จะไม่มีการแต่งงานระหว่างผมกับตาหวาน พอผมทำหน้าที่พ่อพันธ์สำเร็จ คุณย่าต้องไม่บังคับผมทำอะไรอีก”
เตศวรยังไม่อยากมีเมีย เขารักความเป็นโสด และไม่พร้อมจะหยุดทุกอย่างไว้ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว โดยเฉพาะเด็กกะโปโลนามว่าตาหวาน
“ได้ ตกลงตามนี้ หลังจากตาหวานท้อง แกจะไปไหนก็ไป มาวันที่ตาหวานคลอดก็พอ” พะเยาว์ยิ้มกว้างดีใจที่จะได้เหลน
“จริงๆ แล้วผมไม่จำเป็นต้องนอนกับตาหวานก็ได้นะครับคุณย่า วิวัฒนาทางการแพทย์สมัยนี้ล้ำหน้าจะตายไป ทำกิ๊ฟท์ก็ได้นะครับ” เตศวรพยายามหาทางออก
“ไม่ ฉันไม่เอาหรอกวิธีแบบนั้น” พะเยาว์กลับไม่เห็นด้วย “หรือว่าแกกลัวว่าความลับของแกจะรั่วไหล”
เตศวรทำหน้างงกับคำพูดที่ได้ยิน “ความลับ ผมมีความลับอะไรครับ”
“ก็ที่แกไม่อยากนอนกับตาหวาน โน้มน้าวให้ทำกิ๊ฟท์ไง เพราะแกกลัวว่า ฉันจะรู้ว่าแกเป็นเกย์ ชอบไม้ป่าเดียวกัน”
เตศวรทำหน้าตกใจ อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคนเป็นย่าจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั้งที่เขาแมนทั้งแท่ง
“ผมเป็นผู้ชายเต็มร้อยครับคุณย่า ทำไมคุณย่าถึงคิดว่าผมเป็นเกย์”
“เอ้า! ถ้าแกเป็นผู้ชายเต็มร้อยทำไมแกไม่มีเมีย ทำไมแกถึงบอกให้ทำกิ๊ฟท์ล่ะ” คนเป็นย่ามีคำถามกลับ “แกทำให้ฉันคิดแบบนี้เองนะ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบวิธีทำกิ๊ฟท์ หลานสาวพะยอมทำกิ๊ฟท์ตั้งกี่ครั้ง ไม่ติดสักที เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน พอทำลูกด้วยวิธีธรรมชาติแค่เดือนกว่าๆ ก็ท้องแล้ว แกก็ต้องทำได้สิ นอกจากจะทำไม่เป็น ทำเป็นแต่กับผู้ชายด้วยกัน”
พะเยาว์จี้ใจดำหลานชาย หันไปสบตากับนมแม้นที่ยิ้มให้
“คุณย่าดูถูกผม ผมจะทำให้คุณย่าดูว่า ผมนี่แหละแมนทั้งแท่ง แมนล้านเปอร์เซ็นต์ ตาหวานต้องท้องภายในสองเดือน”
เตศวรไม่ยอมให้ใครมาดูถูก เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พะเยาว์หันมายิ้มกับนมแม้นที่แผนสำเร็จไปด้วยดี
“ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันถือว่าแกไม่มีน้ำยา” พะเยาว์ไม่วายดูถูกล่วงหน้า