บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 จูบเดียวตราตรึง

ชนาธรณ์เหม่อลอยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตั้งแต่วันนั้นที่ฉวยโอกาสกับเด็กรับใช้ในบ้านก็ไม่อาจทำให้เขานอนหลับหรือลืมความหวานของโพรงปากเล็กช่างต่อปากต่อคำของเจ้าหล่อนไปได้เลย จนตอนนี้เขานั้นกระวนกระวายใจแปลกๆ หงุดหงิดเหมือนทำงานอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง มือหนายกขึ้นลูบไล้คลึงกลีบปากหนาตัวเองไปมาขณะนั่งมองไปยังด้านนอกหน้าต่างของห้องทำงาน

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะโต๊ะทำงานของเขาดังขึ้น จึงทำให้เขาได้สติหันกลับมามองคนที่เข้ามาใหม่ ซึ่งชนาธรณ์ไม่รู้เลยว่าหญิงสาวมาตั้งแต่เมื่อไหร่

“เหม่อลอยไปถึงไหนคะพี่ธร” น้ำเสียงเล็กหวานของศศิญาภรณ์เอ่ยทักถามคู่หมั้นหนุ่มทันทีเมื่อดึงลากเก้าอี้ตรงข้ามเขาออกมานั่ง

“พอดีคิดเรื่องงานเพลินๆ น่ะครับ ว่าแต่น้องแป้งมานานรึยังครับ”

“ยังค่ะ เพิ่งมาถึงเนี่ยแหละเลยเคาะเรียกสติพี่ธร ว่าแต่เย็นนี้ว่างไหมคะ ไปทานข้าวที่บ้านของแป้งกันนะคะ คุณพ่อกับคุณแม่อยากทานข้าวด้วยค่ะ” เธอบอกคู่หมั้นหนุ่ม

“ครับ พี่เคลียร์งานตรงนี้เสร็จ เราก็ไปกันเลยครับ”

“ค่ะ พี่ธร ว่าแต่ทำไมวันนี้แป้งมาไม่เห็นคุณยุทธ์เลขาของพี่ธรคะ” เธอถามถึงเลขาหนุ่มหน้าห้องของชายคนรัก

“เขาลาป่วยน่ะ เห็นว่าเมื่อวานปวดหัวหนักและมีไข้ พี่จึงให้ลาหยุด”

“อือ...ถึงว่าไม่เห็นเลขาจอมเข้มของพี่ธร”

“ก็มันงานของเขา เขาก็ต้องเข้มสิครับ พี่ขอทำงานก่อนนะ เราจะได้รีบไปบ้านของแป้งกัน เดี๋ยวช้ากว่านี้รถได้ติดหนักแน่นอน”

“ค่ะ ว่าแต่คุณป้าไปถึงฝรั่งเศสรึยังคะ”

“ถึงแล้วครับ เนี่ยตอนนี้คงกอดลูกชายคนเล็กจนขาดอากาศหายใจตายไปแล้วมั้งครับ”

“พูดไปนั่นพี่ธร ทำงานเถอะค่ะ แป้งไม่กวนแล้ว แป้งขอออกไปเดินถ่ายรูปเล่นแถวๆ โรงแรมนะคะ”

“ครับ พี่เสร็จงานจะโทรหานะ”

“ค่ะ ไปนะคะ” แล้วเธอก็ลุกเดินจากไปปล่อยให้คู่หมั้นหนุ่มนั่งทำงานต่อ

เฮ้อ!

เขาถอนหายใจพร้อมกับมือที่จับปากกาวางลงกับเอกสารตรงหน้าทันที

ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!

เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาสั่นเตือนขึ้น ทำให้ต้องมองไปยังหน้าจอที่โชว์เบอร์อยู่ มันเป็นเบอร์โทรของที่บ้าน เขาจึงคว้ามากดรับสายทันที

“สวัสดีครับ”

“คุณธร น้านิดเองนะคะ”

“ครับผม มีอะไรรึเปล่าครับ”

“คือแม่ของตาเข้มน่ะลื่นล้มในห้องน้ำ น้านิดกับเข้มเลยจะลากลับมุกดาหารไปดูแม่ย่าน่ะค่ะ” นางบอกกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ได้สิครับ แล้วมีค่ารถมีเงินไหมครับ เดี๋ยวผมโอนเงินให้น้านิดกับน้าเข้มไว้ใช้ในการเดินทางและไว้เป็นค่ารักษาแม่ของน้าเข้มด้วยนะครับ” เขาบอก

“น้ามีค่ะคุณธร ไม่ต้องโอน...” นางยังพูดไม่ทันจบ นายหนุ่มก็เอ่ยแทรกตอบกลับมาก่อน

“ได้ยังไงครับ น้านิดกับน้าเข้มทำงานที่บ้านผมมาตั้งแต่ผมเกิด เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน อย่าเกรงใจเลยครับ รีบไปเถอะครับ ผมจะโอนเงินให้นะครับ” เขาบอกพร้อมกดวางสายแล้วจัดการเข้าแอปพลิเคชันของธนาคารแล้วกดโอนเงินไปยังบัญชีของนิดาที่ทำเป็นรายการโปรดไว้ทันทีเป็นเงินจำนวนสามหมื่นบาท

“ให้ดาไปด้วยไม่ได้เหรอคะแม่นิด พ่อเข้ม ปีนี้หนูยังไม่เจอคุณย่าเลยนะคะ” อลิลดาที่กำลังช่วยพ่อกับแม่เก็บกระเป๋าเอ่ยขอ

“ไม่ได้หรอกลูก แม่เกรงใจคุณท่านและคุณธร หนูอยู่ดูแลรับใช้คุณธรที่นี่แหละดา” นิดาบอกลูกสาวด้วยเกรงใจ เพราะยอดเงินที่ข้อความแจ้งเตือนเมื่อกี้มันสามหมื่นบาทเชียว มันเยอะมาก แม้ไม่อยากรับ แต่ชนาธรณ์ก็บังคับอยู่ดี

“หนูไม่อยากอยู่ เพราะตอนนี้คุณท่านไปฝรั่งเศส ให้พี่นาง พี่น้อยดูแลก็ได้นี่คะ ถ้าไม่ให้หนูไปด้วย หนูไปพักหอพักกับแพงนะคะแม่” เธอบอกแม่

“ได้ยังไงลูก จะไปได้ยังไง ลูกต้องทำงานรับใช้ที่บ้านถึงแม้ว่าแม่กับพ่อไม่อยู่ หนูก็ต้องทำแทน และหนูเป็นอะไร ก็เห็นเมื่อก่อนอยากดูแลรับใช้คุณธรออก”

“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วนี่แม่ นะคะ แม่” เมื่อนึกถึงจูบวันนั้นที่พุ่มไม้ ที่เขาบังคับจูบเอาแต่ใจนั้นมันยังฝังใจและทำให้นึกถึงทุกคืนและหลับตาก็ฝันถึง

“หนูโตแล้วนะลูก ไม่ทำตัวเป็นเด็กสิ อีกอย่างลูกไปแล้วจะเรียนทันเพื่อนเหรอดา” เข้มเอ่ยบ้าง

“หนู...” ยังพูดไม่ทันจบ แม่เธอก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

“ไม่ต้องดื้องอแงเป็นเด็กเลย ช่วยแม่เก็บกระเป๋าได้แล้วดา หนูอยู่รับใช้คุณธรที่นี่แหละ มีอะไรก็ช่วยพี่น้อย พี่นางเขาล่ะ อย่าขี้เกียจ และถ้าหยุดก็ช่วยงานที่บ้าน ห้ามออกไปเที่ยว เพราะพ่อกับแม่ไม่รู้ว่าจะไปกี่วันและนานแค่ไหน เพราะย่าของเรายังไม่ฟื้นเลย อาขมโทรมาบอก”

“ก็ได้ค่ะ” เมื่อแม่ที่รักสั่งเสียงเข้มแล้วก็ต้องยอม แม้ไม่อยากจะอยู่กับเขาตามลำพังก็ตาม แม้ว่าในบ้านจะมีพี่นาง พี่น้อยอยู่ แต่เธอก็รู้สึกว่าระหว่างเธอกับเขา มันเริ่มไม่ปลอดภัยอีกแล้วตั้งแต่ที่เขาฉวยโอกาสขโมยจูบแรกเธอไปวันนั้น

ณ บ้านของศศิญาภรณ์ ตอนนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสุข ว่าที่ลูกเขย พ่อตาและแม่ยายพูดคุยกันสนุกสนานอย่างสนิทสนมจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงเวลาสองทุ่มแล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์วันหยุด ชนาธรณ์ลังเลในใจว่าควรไปนอนค้างที่คอนโดหรือที่บ้านดี แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้ที่บ้านมีคนที่ตนฉวยโอกาสไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนอนอยู่ก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

“วันหลังมาทานมื้อเย็นด้วยกันใหม่นะพ่อธร” อเนกเอ่ยกับว่าที่ลูกเขยที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถที่จอดที่โรงจอดรถของบ้านตน

“ครับ คุณน้า” แม้ว่าอีกไม่นานเขาจะแต่งงานกับลูกสาวอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่ชินที่จะเรียกอเนกว่า ‘พ่อ’ เขาเรียกท่านว่าคุณน้าคุ้นชินปากกว่า แต่งงานค่อยเรียก ‘พ่อ’ ก็ยังไม่สาย และศศิญาภรณ์เองก็ยังคงเรียกแม่เขาว่า ‘ป้า’ อยู่ แม้แม่ของเขาจะอยากให้หล่อนเรียก ‘แม่’ ก็ตามที

“ขับรถดีๆ นะพ่อธร” ศศิภาเอ่ยกับว่าที่ลูกเขยของตน

“ครับ คุณน้า”

“พี่ธรขับรถดีๆ นะคะ ถึงบ้านแล้วโทรบอกแป้งด้วยนะคะ ว่าแต่วันนี้ค้างที่บ้านหรือคอนโดคะ” เธอถามว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม

“พี่ว่าจะกลับไปค้างบ้านระหว่างที่คุณแม่อยู่ฝรั่งเศสกับธิป” เขาบอกคู่หมั้นสาวแล้วหันไปยกมือไหว้พ่อแม่ของเธอแล้วหมุนตัวเดินไปยังรถยนต์คันหรูของตนเอง

ส่วนครอบครัวของศศิญาภรณ์ก็พากันยืนมองคนตัวสูงที่เดินไปเปิดประตูรถจนติดเครื่องยนต์แล้วบังคับรถออกจากประตูรั้วบ้านใหญ่ตัวเองแล้วค่อยพากันหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ครอบครัวของศศิญาภรณ์เป็นครอบครัวที่ค้าขายอะไหล่รถยนต์นำเข้า ถือว่าร่ำรวยไม่ต่างจากครอบครัวของชนาธรณ์

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำต้องยกคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัยว่าใครกันมาเคาะประตูห้องตัวเองเวลานี้ มองดูนาฬิกาที่ติดผนังห้องก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ใครกัน พ่อกับแม่ก็ไปมุกดาหารกันแล้ว แล้วใครกัน และเสียงก็ดังขึ้นติดต่อกันอีกครั้ง

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

มือเล็กกุมปมผ้าเช็ดตัวที่พันรอบอกแน่นแล้วตะโกนถามคนที่อยู่หน้าห้องทันที

“พี่นาง พี่น้อยรึเปล่าคะ”

เงียบ!

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา มีเพียงเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นรัวๆ และแรงกว่าเดิม จากที่เคาะก็เป็นเสียงทุบ

ปัง! ปัง! ปัง!

“ใครคะ? ดาถามว่าใครคะ?”

เธอร้องตะโกนถามอีกครั้ง และมันก็เงียบเหมือนเดิมไม่มีเสียงตอบกลับมานอกจากเสียงทุบตีประตูจนเธอรู้สึกได้ว่าหากทุบตีแบบนี้ต่อไปคงได้พังแน่นอน

ปัง! ปัง! ปัง!

“ใคร! ฉันถามว่าใคร” เธอกุมผ้าเช็ดตัวที่พันอกแน่นแล้วมองหาสิ่งป้องกันตัว และรีบเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ แต่แล้วประตูที่ถูกทุบแรงๆ นั้นก็ถูกผลักเข้ามา

ปัง!

เท้าใหญ่ถีบยันเต็มแรงเมื่อใช้กุญแจสำรองที่นำติดมือมาด้วยเปิดไขเข้าไปในห้องของอลิลดาทันที

มือเล็กที่กำลังสาละวนกับการสวมใส่เสื้อผ้าหยุดค้างทั้งๆ ที่กำลังยกเท้าจะใส่กางเกงแล้วหันกลับไปมองผู้บุกรุกแล้วก็ต้องเบิกตาโตมองอย่างตกใจ ไม่อยากเชื่อสายตาว่าคือชนาธรณ์ เจ้านายหนุ่ม เธอเห็นเขาใช้มือดันปิดประตูพร้อมกับเสียงล็อกกลอนของประตู

แก๊ก!

“คุณธร!”

“ทำไมไม่เปิดประตูให้ฉัน”

“แล้วทำไมคุณไม่ตอบล่ะ ตอนที่ดาถาม แล้วเข้ามาในห้องของดาทำไมคะ”

เธอถามเขาพร้อมกับปล่อยกางเกงที่ถือในมือทิ้งแล้วเดินไปหลบข้างตู้เสื้อผ้าและกำปมผ้าเช็ดตัวแน่นด้วยกลัวว่ามันจะหลุด และกลัวว่าคนตัวโตจะกระชากมันออกไป ตอนนี้ในหัวของอลิลดาเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ แล้วทำไมเขาถึงเข้ามาในห้องเธอในยามดึกดื่นแบบนี้

“ฉันแค่...” เขานิ่งเงียบไปเมื่อตอบไม่ได้ว่ามาที่นี่ทำไม และสายตาของเขามันก็จ้องมองแต่เนินอกอวบอิ่มที่ดุนดันเป็นเนินสวยงามโผล่พ้นจากผ้าเช็ดตัวที่เธอจับกำแน่นอยู่ในตอนนี้ แล้วเสียงกลืนน้ำลายเหนียวๆ ก็ดังขึ้น

อึก!

“แค่อะไรคะ คุณธรเข้ามาทำไมคะ” เธอถามเขาพร้อมก้มลงคว้าหยิบกางเกงที่ทิ้งก่อนหน้านี้ขึ้นมาปิดเนินอกอวบอึ๋มของตัวเองให้พ้นสายตาคมเข้มที่กำลังจดจ้องมองมายังเนินอกของตน เธอรู้ว่าตอนนี้อันตรายมากแค่ไหน แต่จะหนีไปไหนได้ เมื่อเขายืนขวางอยู่ตรงหน้า และประตูห้องก็อยู่ด้านหลังของเขา

“นั่นสินะ ฉันมาทำไม” เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พอมาถึงบ้านจะขึ้นไปยังบ้าน เท้าของเขามันก็พาเดินมาที่หน้าห้องเธอ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่หน้าห้องของอลิลดาแล้ว จะหมุนตัวกลับไปก็ไม่ทันแล้ว เมื่อสมองของเขาสั่งให้ยกมือเคาะประตูห้องนอนเธอ

“นั่นสิคะ คุณธรมาทำไม ออกไปจากห้องดาได้แล้วค่ะ ดาจะนอนแล้ว” เธอบอกไล่เขา

“อือ” เขาพยักหน้าครางรับรู้ แต่เท้าเขาไม่ได้ก้าวเดินถอยหนีหรือหมุนตัวเดินออกจากห้องเธอ แต่เขากำลังก้าวย่างเข้ามาหาเธอที่หลบอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กของห้องแคบๆ ของเธอ

“เดินมาทำไม หยุดเลยนะ แล้วออกไปจากห้องของดาด้วยค่ะ เดี๋ยวพี่นาง พี่น้อยก็มาเห็นหรอก” เธอบอกไล่เขา

“น้อยกับนางคงดูละครที่ห้องของนาง คงไม่มาเห็นฉันหรอก” เขาตอบกลับ เพราะทางจะเดินมาถึงห้องพักเธอที่อยู่สุดมุมของตึกพักคนรับใช้นั้น เขาได้ยินเสียงของนางและน้อยหัวเราะคิกคักกับละครอยู่

“แต่คุณธรก็ไม่ควรมาอยู่ในห้องของดาแบบนี้ ออกไปเลยนะ”

เธอบอกเขาแม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะหดตัวเข้าหาผนังที่พิงอยู่ แต่เหมือนว่าคนตัวโตจอมเผด็จการจะเดินเข้ามาใกล้ทุกที และตอนนี้ก็มาหยุดยืนตรงหน้าเธอ เธอหายใจติดขัดก้มมองเท้าตัวเองพร้อมมือเล็กกำปมผ้าเช็ดตัวที่อกแน่นด้วยกลัวว่ามันจะหลุด ถ้าหลุดไปคือเขาได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าเธอแน่นอน

“นี่ก็บ้านฉัน จะไล่ฉันไปน่ะคิดก่อนสิดา”

เขาไม่ยอมถอยห่างหรือยอมทำตามที่หล่อนบอกสั่ง เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ นำพากลิ่นสบู่อ่อนๆ ของอลิลดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำเข้าปอด มันสดชื่นเหลือเกิน และเขาก็ต้องการมากกว่าที่จะได้แค่หายใจแบบนี้ เขาโน้มหน้าโงตัวที่สูงสง่าของตนเองลงไปหาคนตัวเล็กที่หดตัวพิงผนังห้องแล้วก็น่าขันสิ้นดี

หึหึ

“กลัวฉันเหรอ” เขาถามพร้อมยื่นมือมาเชยคางมนที่ก้มหน้าของเธอให้แหงนเงยขึ้นมองสบตาตนเอง ทันทีที่ได้มองจ้องริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เคยบดจูบมาแล้วครั้งหนึ่งก็อดใจเต้นแรงสั่นไหวไม่ได้ ชนาธรณ์จำได้ดีว่าปากอวบอิ่มช่างพูดของหล่อนนั้นหวานแค่ไหน และไม่รอช้าที่จะได้ลิ้มรสมันอีกครั้ง เขาโน้มลงไปบดจูบทาบทับบดแนบริมฝีปากหนาตัวเองกับกลีบปากอวบอิ่มของอลิลดาทันที

“อ่ะ...อื้อ” เป็นอีกครั้งที่เธอโดนเขาฉวยโอกาสบังคับจูบ ดวงตาเล็กกลมโตเบิกกว้างตกใจ มือที่กำปมผ้ารีบยกขึ้นมาทุบตีดันมือเขาออกห่างจากคางตัวเอง แต่เขาก็จับล็อกคางเธอแน่นเหลือเกิน และการที่พยายามดิ้นหนีนั้นทำให้ผ้าที่รัดอกแน่นหนาหลุดลุ่ยร่วงไปกองที่พื้นทันที

“อ่ะ...อื้อ” มือใหญ่ข้างที่ว่างของเขาก็เคลื่อนมากอบกุมเต้าอวบอูมของหล่อนพร้อมกับเคล้าคลึงหนักหน่วงเป็นจังหวะพร้อมเรียวลิ้นหนาพยายามดุนดันกอดเกี่ยวตวัดรัดคลึงเรียวลิ้นเล็กของเจ้าหล่อนผูกรั้งไว้กับลิ้นสากของตนเอง

“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดเร่าคลึงจูบกันของทั้งสอง แม้อีกคนจะไม่ปรารถนา แต่ก็เผลอจูบตอบยามเขาสอดลิ้นเร่าร้อนไปควานกินความหวานในโพรงปาก เรียวลิ้นของชนาธรณ์ดุนดันกระพุ้งแก้มของเธอหยอกเย้า ก่อนจะมาคลอเคลียตวัดเกี่ยวรั้งเรียวลิ้นเล็กของหล่อนอีกครั้ง ส่วนมือที่ล็อกคางสวยก็เปลี่ยนมากอบกุมหน้าอกอีกข้างที่ว่างของเธอแล้วเพิ่มแรงบีบเร่าคลึงเฟ้นเอาแต่ใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel