บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ลูกคนรับใช้ (2)

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงน้าจะแก่ แต่น้าก็ไหวนะคุณธร” นางบอกเจ้านายหนุ่ม

“ครับ ผมรู้ว่าไหว แต่ร่างกายเราสำคัญ ไปตรวจร่างกายบ้างนะครับ เดี๋ยวมาเบิกกับคุณแม่ชม้อยได้ ใช่ไหมครับ พาน้าเข้มไปด้วยนะครับ” เขาบอกพลางส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้คนเป็นแม่

“แม่ก็นึกว่าจะออกให้แม่นิดกับพ่อเข้ม แต่ช่างเถอะ ไปตรวจสุขภาพกันทุกคนนั่นแหละ ทั้งนางและน้อยก็ไปด้วย ฉันจะออกค่าหมอให้เอง อย่างกนักเลย เงินทองของนอกกาย หามาก็ต้องใช้ ไม่ใช่เก็บไว้รักษาตัวเองตอนป่วยหนักใกล้ตายนะแม่นิด ไปพักเถอะ ให้นางกับน้อยอยู่ก็พอ แล้วแม่ดาไม่ไปเรียนเหรอวันนี้” นางถามถึงลูกสาวของนิดา

“วันนี้ยัยดาไม่มีเรียนค่ะคุณท่าน”

“อืม...บ่ายๆ ให้ไปนวดให้ฉันบนห้องหน่อยนะแม่นิด คิดถึงฝีมือนวดแม่ดาจริงๆ” นางบอก

“ค่ะ คุณท่าน” นางรับคำ

“อือ...ไปพักเถอะ แล้วหลังทานข้าวอิ่ม ฉันจะออกไปซื้อของข้างนอกให้พ่อเข้มผัวหล่อนเตรียมตัวด้วยล่ะ”

“ค่ะ คุณท่าน” นิดารับคำสั่งแล้วก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปทิ้งเหลือแต่เจ้านายทั้งสองและนางกับน้อยในห้องรับประทานอาหาร

“พ่อธร แม่จะไปเยี่ยมพ่อธิปที่ฝรั่งเศสนะอาทิตย์หน้า”

“ครับ เรื่องตั๋วเครื่องบินคุณแม่ให้ผมจัดการให้ไหมครับ”

“อือ...จัดการให้แม่เถอะ แม่ว่าจะไปสักหนึ่งเดือนนะพ่อธร จะอยู่ให้หายคิดถึงน้องชายเราสักหน่อย ไม่รู้ไปหลงแหม่มผมทองแล้วลืมแม่หัวขาวๆ คนนี้ไปแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้”

“คุณแม่ก็ คุณแม่ชม้อยยังสาวยังสวยนะครับ มองยังไงก็เหมือนพี่สาวมากกว่าแม่ผมนะเนี่ย” เขาชมเย้าหยอกแม่

“ปากหวาน แม่ล่ะอดอิจฉาหนูแป้ง คู่หมั้นลูกไม่ได้เลย”

“ทำไมต้องอิจฉาน้องแป้งด้วยครับ ไม่มีใครแทนแม่ชม้อยได้ แม่ก็รู้ ว่าแต่ไปหนึ่งเดือนไม่คิดถึงลูกชายทางนี้บ้างเหรอครับ” เขาถามท่าน

“ไม่คิดถึง แม่เบื่อหน้าเราไงถึงต้องไปหาพ่อตัวดีที่ฝรั่งเศส ว่าแต่เราเถอะ อย่าก่อเรื่องรู้ไหม เอาใจหนูแป้งด้วย แม่รู้นะว่าเราน่ะแอบทำอะไรลับหลังหนูแป้งบ้าง แต่แม่ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่ระวังด้วยล่ะ โรคมันเยอะ อีกอย่างเพลาๆ ลงบ้างก็ได้ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงานแล้ว ลูกไม่ควรทำแบบนี้แล้วนะ นึกถึงใจหนูแป้งด้วย”

“ครับผม ผมก็ไม่ได้เที่ยวตั้งแต่หมั้นกับน้องแป้งแล้วนะครับ เนี่ยผมก็จำศีลอยู่ ไม่ได้แตะต้องสตรีนางใดเลยช่วงนี้” เขาพูดตอบกลับ

“ให้จริงเถอะ จำศีลให้ถึงแต่งงานปีหน้าได้ยิ่งดี แม่ล่ะกลัวเหลือเกินว่าเราจะก่อเรื่องทำให้หนูแป้งเสียใจ หนูแป้งก็เหมือนลูกสาวแม่นะ แม่เห็นมาแต่เด็ก แถมเป็นลูกสาวของรุ่นน้องแม่สมัยเรียนด้วย อย่าทำอะไรให้ผู้ใหญ่ต้องบาดหมางกันก็พอ เข้าใจไหมพ่อธร เราน่ะอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” ชม้อยเอ่ยสั่งสอนลูกชายขณะตักข้าวต้มในชามทานไปด้วย แม้ว่าปีนี้จะอายุ 68 ปีแล้ว แต่นางยังคงแข็งแรง ถ้าคนไม่รู้จักคงคิดว่านางเพิ่งอายุ 50 ปีต้นๆ แน่นอน

“ครับ ที่รักของลูก ทานข้าวเถอะครับ”

“อือ...ลูกล่ะ วันนี้จะออกไปไหนหรือจะอยู่บ้าน”

“ไม่ไปไหนครับ อยู่บ้านดีกว่าขี้เกียจ”

“อือ...ดีแล้ว”

แล้วสองแม่ลูกก็สนใจทานข้าวตรงหน้าตัวเองต่อไม่พูดโต้ตอบกันอีกเมื่อหมดเรื่องจะคุยกันแล้ว

ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงวอร์มที่ใส่อยู่สั่นเตือนขณะเดินถือตะกร้าใส่เสื้อผ้าที่ปั่นแห้งแล้วจะไปตากที่ราวก็หยุดเดินแล้ววางตะกร้าในมือกับพื้นหญ้าแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมากดรับสาย

“ว่าไงภาพ”

“วันนี้ไปกินหมูกระทะกันไหม เราเลี้ยง” เขาชวนทันทีเมื่อเธอถาม

“ได้สิ ร้านเดิมไหม” เรื่องอะไรจะไม่รับปาก ก็ของฟรี

“ร้านเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวภาพขับรถไปรับที่บ้านนะ”

“หกโมงเย็นหน้าบ้านนะ”

“อือ...ตามนั้น แค่นี้แหละ แล้วเจอกัน” พอปลายสายกดตัดสายก็เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงวอร์มเหมือนเดิมพร้อมกับก้มหน้าจะหยิบยกตะกร้าผ้าขึ้นมาถือ แต่ก็ต้องหยุดมือเมื่อเห็นเงาดำๆ ตรงหน้าจึงเงยขึ้น ระดับที่เธออยู่และคือเสื้อยืดคอวีที่เว้าลึกทำให้คนตัวสูงมองเห็นร่องอกอวบอิ่มได้ถนัดจนเขาต้องเบือนหน้าหนีมองไปทางอื่นแม้จะอยากมองมันก็ตาม

“คุณธรมีอะไรให้ดารับใช้คะ” เธอถามเขาพร้อมมองไปยังแขนทั้งสองที่ยกขึ้นกอดอกของเขาและมองไปยังนิ้วนางข้างขวาที่ประกาศให้ผู้คนรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว

“จะไปไหนตอนหกโมง” เขาไม่ตอบ แต่ถามเธอแทน เพราะเขาได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์

“ไปกินข้าวค่ะ”

“แล้วข้าวที่บ้านฉันไม่มีรึไง หรือมันไม่อร่อยถึงได้อยากไปกินข้างนอก”

“คุณธรคิดมากไปแล้ว คือเพื่อนของดาจะเลี้ยงข้าวค่ะ”

“เพื่อนหรือแฟน? และกินข้าวหรือกินอย่างอื่นกันแน่” เขาพูดพร้อมก้มมองสำรวจร่างเล็กตรงหน้าที่สูงเพียงระดับอกของตนด้วยสายตาดูถูก

“คุณธร!”

“ฉันรู้ว่าฉันชื่อธร เรียกอยู่ได้ บอกมาว่ากินข้าวหรือกินกันบนเตียงกันแน่”

เผียะ!

ทันทีที่เขาพูดจาดูถูกจบ มือเล็กของอลิลดาก็ยกขึ้นตวัดฟาดหน้าหล่อของเขาเต็มแรงโกรธทันที

กรอด!

เสียงกัดกรามดังลอดออกมาจากไรฟันเมื่อหันหน้าที่โดนตบจนหน้าหันกลับมาก็ผลักร่างเล็กตรงหน้าอัดไปยังพุ่มไม้ข้างๆ พร้อมตัวเขาเคลื่อนตัวไปกักร่างเล็กไว้กับพุ่มไม้อย่างรวดเร็วและก็ฉวยโอกาสเอาคืนหล่อนทันที

“อ่ะ...อื้อ” ปากหนาของชนาธรณ์ฉกโฉบลงมาบดขยี้พร้อมกับมือหนาของเขาจับหัวไหล่เธอบีบแน่น อลิลดาพยายามดิ้นตัวหนีจากพุ่มไม้และพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่มือใหญ่ก็เคลื่อนมาบีบคางเธอล็อกไว้พร้อมปากของเขากัดริมฝีปากเธอจนเจ็บต้องยอมเปิดปากให้เขาสอดแทรกเรียวลิ้นขยะแขยงเข้ามาในโพรงปากเธอ

“อ่ะ...อื้อ” เสียงครางยังคงดังลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสอง ชนาธรณ์รับรู้ได้ทันทีว่านี่คือจูบแรกของหล่อน เพราะการที่อลิลดาเผลอจูบตอบกลับเขา แต่เป็นจูบเงอะงะและไร้เดียงสา มุมปากหนาก็ยกยิ้มพึงพอใจแล้วควานปลายลิ้นตวัดเกี่ยวดึงรั้งเรียวลิ้นเล็กภายในโพรงปากน้อยแสนหวาน

“อ่า...ปากหวานใช้ได้นี่ คงจูบแรกสินะ” เขาผละถอนจูบออกมาพร้อมกับตวัดลิ้นเลียริมฝีปากบนตัวเองแล้วมองสภาพของสาวน้อยตรงหน้าที่ตอนนี้ทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้นหญ้าอย่างคนหมดแรง เขาจึงโน้มหน้าก้มลงไปหาเธอพร้อมเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินจากไปว่า...

“หึหึ...ถึงกับอ่อนระทวยไปไม่เป็น เนี่ยแค่จูบ ถ้าโดนเอาจะไม่สลบเลยเหรอเด็กน้อย” นั่นคือประโยคที่เธอได้ยินและมันดังก้องในหูจนตอนนี้แม้ว่าเขาจะเดินจากไปนานแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel