บทย่อ
ตำแหน่งที่ไม่ต้องการ "เมียลับ" เธอคงเป็นได้แค่นี้ แม้จะรัก "ชนาธรณ์" มากแค่ไหน แต่ "อลิลดา" ก็เป็นได้แค่เพียงเมียลับของเขา ในเมื่อเขามีคู่หมั้นที่จะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว....แล้วเธอจะทำยังไงได้เมื่อตำแหน่งเมียลับนี้ทำให้เธออุ้มท้องลูกของเขาด้วย.....ระหว่างเธอกับคู่หมั้นเขาจะเลือกใคร คนที่คบกันมานานกับคนที่เป็นเพียงของชั่วคราวใกล้มือ ------ “ไม่ต้องมาแตะต้องดา ดาเช็ดเองได้ค่ะ” เธอบอกเขาพร้อมกับยกมือเช็ดแก้มตัวเองแรงๆ แล้วแหงนหน้ามองบนเพื่อให้น้ำตาหยุดไหล แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นดังลอดออกมาให้อับอายอยู่ดี ท่าทางอวดดีของอลิลดาทำให้ชนาธรณ์เม้มปากแน่น แล้วตอบโต้กลับไป “ฉันทำจนเธอท้อง ฉันก็ทำมาแล้ว แค่แตะต้องทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว” “นั่นมันก่อนหน้านี้ แต่ต่อไปนี้คุณธรไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องดาค่ะ ดาไม่ใช่ของคุณ” “แน่ใจว่าไม่ใช่ของฉัน หรือต้องให้ฉันทำตรงนี้ เธอจะได้จำได้ว่าฉันเป็นผัวเธอและเป็นพ่อของลูกเธอเด็กน้อย” ว้าย! มือใหญ่ผลักร่างเล็กให้ล้มลงไปกับพื้นพร้อมตัวเขาเคลื่อนตัวไปคร่อมทับกักร่างเธอไว้กับพื้นกระเบื้องเย็นๆ “อย่ามาทำแบบนี้นะคุณธร นี่มันกลางบ้าน” เธอดิ้นและดันเขาที่คร่อมทับตัวเองออกห่าง แต่เขาก็ตัวใหญ่หนักเหลือเกิน เรี่ยวแรงที่มีผลักดันเขาก็เหมือนกับผลักกำแพง เพราะมันไม่ไหวติงตามแรงผลักเลยสักนิด “ถ้าฉันจะทำ เธอก็ห้ามฉันไม่ได้หรอกดา เธอก็รู้จักฉันนี่ว่าฉันอยากได้ต้องได้ ฉันไม่สนใจหรอกนะว่านอกบ้านมีใครอยู่ เพราะฉันจะเอากับเมียตัวเองไม่ได้เอากับเมียชาวบ้าน”......
บทที่ 1 ลูกคนรับใช้ (1)
ร่างเล็กยืนแอบอยู่ที่พุ่มไม้มองไปยังในสวนที่ตอนนี้มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังยืนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เธอรู้สึกเจ็บปวดที่ที่ตรงนั้นไม่ใช่เธอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่คนตัวโตยืนพูดคุยด้วย ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาสวมแหวนหมั้นให้ในช่วงพิธีตอนเช้าที่ผ่านมา ตั้งแต่เล็กจนโตอลิลดา พร้อมใจ หรือ ดา วัย 20 ปี เธอเติบโตอยู่ภายใต้ชายคาของบ้านหลังใหญ่พฤกษารักษ์ แม่ของเธอเป็นแม่บ้านหรือเรียกว่าคนรับใช้นั่นเอง และเธอเป็นลูกคนรับใช้ก็ต้องเป็นคนรับใช้ตั้งแต่จำความได้ คอยรับใช้คุณๆ ในบ้านหลังใหญ่ ส่วนพ่อของเธอก็เป็นคนขับรถให้กับคุณนายของบ้าน ทุกคนในบ้านช่างมีบุญคุณท่วมหัวครอบครัวของเธอเหลือเกิน และคุณท่านก็ส่งเสียให้เธอเรียนหนังสือ ตอนนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง และวิชาที่เธอเลือกเรียนคือบัญชี เพื่อที่ในอนาคตจะได้มาทำงานตอบแทนพระคุณคุณท่านที่เลี้ยงดูและให้เธอได้เรียนหนังสือจบสูงๆ ตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม อีกแค่หนึ่งปีก็จะเรียนจบปริญญาตรีอย่างที่ตั้งใจแล้ว
“มาทำอะไรตรงนี้ลูก” นิดายื่นมือมาวางบนไหล่เล็กของลูกสาวพร้อมสายตามองไปตามสายตาของลูกสาวตนที่จ้องมองอยู่ แล้วก็ต้องถอนหายใจดังออกมา
เฮ้อ!
“ตัดใจซะเถอะลูก เรากับคุณธรมันคนละชนชั้นกัน อีกอย่างเขาก็หมั้นไปแล้วด้วย” นางบอกปลอบลูกสาวด้วยมองออกว่าหลายปีมานี้ลูกสาวนั้นมองลูกชายของเจ้าของบ้านเปลี่ยนไป
“หนูทำใจตั้งแต่แรกแล้วแหละแม่นิด เพราะหนูรู้ดีว่ายังไงกาอย่างหนูก็ไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองราชสีห์อย่างคุณธรหรอก” เธอหันมายิ้มให้แม่แล้วก็จับมือท่านที่ไหล่ตัวเองมากุมแน่นแล้วพาแม่เดินออกไปจากพุ่มไม้ที่ตนแอบอยู่
นิดารู้ดีว่าลูกสาวกำลังแสร้งยิ้มทำเป็นเข้มแข็ง เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอเดินผ่านหน้าห้องพักของลูกสาวก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาเบาๆ จากช่องของประตู แต่ทำยังไงได้ เมื่อโชคชะตาให้กำเนิดมาแบบนี้
สายตาคมเหลือบมองไปทางพุ่มไม้ที่ไหวโยกและเห็นหลังไวๆ ของคนสองคน ซึ่งเขาก็จำได้ดีว่าแผ่นหลังเล็กที่เดินจากไปคือใคร ชนาธรณ์ พฤกษารักษ์ หรือ ธร วัย 37 ปี ลูกชายคนโตของตระกูล และเป็นทายาทรุ่นที่ 21 ของโรงแรมพฤกษารักษ์ด้วย เขาคือผู้บริหารหนุ่มไฟแรงก็ว่าได้ เขามีน้องชายหนึ่งคนที่ไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ซึ่งปีหน้าชนาธิปจะกลับมาช่วยเขาบริหารโรงแรม
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะพี่ธร”
น้ำเสียงเล็กหวานเอ่ยชวนคู่หมั้นหนุ่มที่คบหาดูใจกันมาสี่ปี จากการแนะนำของครอบครัว พ่อของเธอเป็นรุ่นน้องของแม่ชายหนุ่ม จึงได้ไปมาหาสู่กันตั้งแต่เด็ก และเมื่อสี่ปีก่อน เธอและเขาก็ได้ตกลงคบหาดูใจกันเป็นแฟน และวันนี้ก็ได้ตกลงที่จะหมั้นหมายกัน ส่วนงานแต่งงานจะจัดขึ้นต้นปีหน้า ซึ่งก็มีเวลาอีกสิบเดือนจะถึงปีหน้า
“อือ...เข้าไปข้างในกันเถอะครับ” เขาโอบเอวเล็กเปราะบางของศศิญาภรณ์ วัย 28 ปี คู่หมั้นสาวตัวเองเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อตอนนี้เห็นว่าใกล้ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว งานหมั้นวันนี้จัดขึ้นเฉพาะในครอบครัวเท่านั้น มีเพียงครอบครัวของเขาและพ่อแม่ของหญิงสาวที่มาเป็นพยานในครั้งนี้ให้พวกเขาทั้งสอง ส่วนจะประกาศกับสื่อนั้นก็คงจะเป็นตอนใกล้ถึงฤกษ์แต่งงานต้นปีหน้านั่นแหละ เพราะตอนนี้สื่อต่างๆ ก็รับรู้มาตลอดว่าเขาและหญิงสาวเป็นแฟนกัน
เช้านี้เธอมีเรียน แต่ทุกวันก็ต้องตื่นเช้ามาช่วยงานแม่ในครัวและพี่ๆ คนอื่นด้วยแต่เช้า เมื่อเตรียมมื้อเช้าเสร็จตั้งโต๊ะทานข้าวให้เจ้านายเสร็จ อลิลดาก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปเรียนเหมือนที่เคยทำ และเมื่อออกมาจากบ้านเดินออกมาจนถึงหน้าปากซอยแล้วเดินไปรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ใกล้หน้าปากซอยก็ต้องเหลือบตาเลิกคิ้วมองรถยนต์คันหรูคุ้นตาที่วิ่งมาเทียบจอดตรงหน้าตนเอง
“คุณธร”
“ขึ้นรถสิ ฉันจะผ่านไปทางมหา’ลัยเธอพอดี” เขาลดกระจกลงบอกสั่งเธอ
“แต่รถเมล์กำลังมาแล้วค่ะ” เธอบอกเขาพร้อมมองไปทางรถเมล์ที่กำลังแล่นจะมาจอดตรงที่เขาจอด
“ฉันสั่งก็ขึ้นมาเถอะ เร็วเข้า! เดี๋ยวเขาก็จะมาจอดแล้ว” เขาเร่งเร้าเธอเมื่อรถเมล์แล่นมาใกล้ถึงแล้วเมื่อมองในกระจกมองหลัง
“แต่...”
“ขึ้นมา!” เสียงเข้มห้วนสั่งเด็ดขาดทำให้เธอต้องรีบเปิดประตูก้าวขาขึ้นไปนั่งบนเบาะพร้อมปิดประตูแล้วรถยนต์คันหรูก็ออกตัวทันทีโดยที่เธอยังไม่รัดเข็มขัดนิรภัยด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะคุณธร” เธอหันมายกมือไหว้ขอบคุณเขาหลังจากรัดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ แม้ไม่เต็มใจจะขึ้นรถมากับคนเผด็จการ แต่ก็ต้องขอบคุณที่เขาเมตตาจะมาส่ง
“อือ” เขาครางรับรู้แค่นั้นพร้อมมองถนนที่กำลังบังคับรถให้แล่นไปตามเส้นทางอยู่
“ว่าแต่คุณธรจะไปทำอะไรแถวมหา’ลัยของดาคะ” เธอถามเขาอย่างสงสัย เพราะทางไปที่เรียนเธอและเขามันคนละทาง
“จะไปรับน้องแป้งน่ะ” เขาบอกสั้นๆ และนั่นก็ทำให้อลิลดาไม่ถามต่อ เพราะว่าบ้านของคู่หมั้นของเขาต้องผ่านไปทางมหาวิทยาลัยเธอ
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ในกระเป๋าของสาวในชุดนักศึกษาดังขึ้นจนทำให้เขาหันมามองดูหน้าเธอที่กำลังก้มหน้าค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
“ฮัลโหลภาพ ดากำลังไป” เธอกรอกเสียงส่งไปในสายทันทีเมื่อกดรับสาย
“อือ...เรารอที่หน้าตึกนะ”
“ภาพไปรอเราในห้องเลยก็ได้ จะได้จองโต๊ะเรียนด้วย”
“อือ...ได้ ว่าแต่จะกินชานมไหม ภาพจะได้ซื้อให้”
“อือ...ไม่ต้องหวานมากนะ และน้ำเปล่าด้วยนะภาพ”
“ขนมไว้ขบเคี้ยวตอนเรียนไหม”
“ภาพเลี้ยงไหม” เธอถามพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์โดยที่วีรภาพไม่มีโอกาสได้เห็น แต่คนที่ได้เห็นคือชนาธรณ์และก็หมั่นไส้เหลือเกินที่เธอพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับคนในสาย
“แน่นอนอยู่แล้ว ป๋าภาพเลี้ยงเอง แล้วเจอกันนะดา”
“เจอกันภาพ ขอบคุณนะป๋าภาพ” ท้ายประโยคเธอเอ่ยเย้าหยอกอีกฝ่ายไป ก่อนจะกดวางสายแล้วเก็บเครื่องมือสื่อสารไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม
“แฟนเหรอ?” เมื่อเห็นว่าเธอวางสายไปแล้ว เขาก็ถามทันที
“เพื่อนค่ะ”
“เหรอ ผู้ชายกับผู้หญิงเขาเป็นเพื่อนกันได้ด้วยเหรอ”
“ค่ะ รบกวนคุณธรจอดตรงป้ายรถเมล์หน้ามหา’ลัยตรงหน้าด้วยนะคะ” เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงแล้วจึงชี้มือบอกเขา
“อือ” แล้วเขาก็เปิดไฟเลี้ยวเข้าชิดริมถนนทันทีเมื่อวิ่งรถใกล้มาถึงป้ายรถเมล์ และพอมาถึงก็จอดรถให้คนตัวเล็กในชุดนักศึกษาที่นั่งมาด้วยลงทันที แต่ยังไม่ทันที่อลิลดาจะลงรถ เขาก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“หัดตั้งใจเรียนให้สมกับที่แม่ฉันออกค่าเรียนให้ด้วย”
“คุณธรไม่ต้องห่วงค่ะ ดาตั้งใจเรียนทุกวิชาและตั้งใจจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาให้คุณท่านด้วยค่ะ” เธอตอบกลับแล้วเปิดประตูรถปลดเข็มขัดนิรภัยออกก้าวลงจากรถเดินจากไปทันที โดยที่ไม่สนใจว่าคนเผด็จการจะโต้ตอบกลับมาหรือไม่
“ปากเก่งจริงแม่คุณ ดีนะที่แต่งตัวเรียบร้อย ถ้าแต่งตัวสั้นรัดติ๋วเหมือนเด็กพวกนั้นคงได้เห็นไปถึงตับไตไส้พุง” เขามองไปยังนักศึกษาคนอื่นที่เดินรอบๆ ข้างอลิลดา แต่ละคนแต่งสั้นเสมอหูกันทั้งนั้น แต่มันก็ปกติ เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็แต่งกันทั้งนั้น
บรึ้น!
แล้วชนาธรณ์ก็กระชากตัวรถออกไปจากจุดที่จอดทันทีเมื่อมองไปยังร่างเล็กที่เดินหายลับไปกับกลุ่มนักศึกษาคนอื่นเข้าไปในมหาวิทยาลัยแล้ว
ชนาธรณ์ที่นอนบนเตียงมองไปยังร่างเล็กคุ้นตาที่กำลังเก็บเสื้อผ้าของเขาอยู่ที่มุมห้อง อลิลดากำลังเก็บเสื้อผ้าของเขาไปซักในเช้าวันหยุด ปกติวันหยุดเขาจะค้างที่คอนโด แต่เมื่อคืนเขากลับบ้านมาทานข้าวกับคุณแม่ชม้อยที่รัก และดึกจึงนอนค้างที่นี่ สงสัยอลิลดาจะไม่รู้ว่าเขาค้างที่นี่จึงถือวิสาสะเข้ามารบกวนเวลานอนพักผ่อนของเขาในตอนเช้า
“รีบเก็บรีบไปได้แล้ว ฉันหนวกหู” เขาบอกเธอพร้อมพลิกตัวนอนหันหลังให้เธอที่กำลังก้มเก็บเสื้อผ้าของเขาอยู่และคัดแยกเสื้อผ้าของเขาด้วย
“ขอโทษค่ะคุณธร ดาไม่รู้ว่าเมื่อคืนคุณค้างที่บ้าน” เธอบอกเขาพร้อมรีบทำงานของตัวเองให้เสร็จ
“อือ...ถ้ารู้แล้วก็รีบทำงานแล้วรีบออกไปซะ รำคาญ” เขาบอกจบก็ดึงรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวตัวเอง
ส่วนอลิลดาก็รีบเก็บเสื้อ กางเกง กางเกงบ็อกเซอร์และกางเกงชั้นในของเขาใส่ตะกร้าโดยไม่สนใจจะแยกผ้าอีก เพราะตอนนี้ต้องรีบออกไปจากห้องของเขาให้เร็วที่สุด ก่อนจะถูกไล่อีกครั้ง และเมื่อเก็บเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าครบหมดแล้วก็รีบถือเดินออกไปทันที
ปึก!
“รำคาญชะมัด!” ชนาธรณ์ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงทันทีเมื่อเสียงประตูห้องปิดแนบสนิท
“แล้วใครจะหลับต่อได้ล่ะตื่นแล้ว”
เขาบ่นพึมพำแล้วก้าวเท้าลงจากเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่า ดีนะที่เมื่อกี้เขานอนห่มผ้า ไม่งั้นอลิลดาได้ร้องกรี๊ดลั่นห้องแน่ เพราะเวลานอนเขาไม่ชอบใส่เสื้อผ้า เขาชอบนอนเปลือย
คุณนายชม้อยมองดูลูกชายที่เดินมานั่งทานข้าวได้ในเช้าวันหยุด ปกติแล้วชนาธรณ์จะตื่นสายในวันหยุดและจะนอนค้างที่คอนโด แต่เมื่อคืนอยู่คุยกับนางจนดึก นางเลยบอกให้นอนค้างที่บ้าน และเช้านี้นางก็ดีใจที่มีเพื่อนทานข้าวด้วย
“ตักข้าวได้แล้วแม่นิด” นางสั่งนิดาทันทีเมื่อลูกชายนั่งลง
“ค่ะ คุณท่าน” แล้วนิดาก็ตักข้าวต้มทะเลเสิร์ฟคุณท่านและลูกชายของคุณท่านทันที
“ขอบใจแม่นิด ไปไหนก็ไปเถอะ ให้น้อยกับนางมาดูแลก็ได้ หล่อนน่ะอายุเยอะแล้ว ไปพักบ้างก็ได้ ช่วงนี้ได้ยินพ่อเข้มผัวหล่อนบอกว่าหล่อนปวดหัวบ่อยๆ ไม่ใช่เรอะ!” ชม้อยบอกแม่บ้านของตนเองให้ไปพักผ่อน ด้วยรู้เรื่องสุขภาพของนิดามาจากเข้ม สามีของนางที่เป็นคนขับรถประจำตัวของตน
“ไม่เป็นไรหรอกคุณท่าน อิฉันแค่ปวดหัวเพราะนอนไม่พอเฉยๆ ค่ะ” นางบอกตอบ
“อือ...ได้ยังไง เดี๋ยวมาเป็นลมเป็นแล้งอีก หัดไปหาหมอบ้างนะ เงินทองน่ะจะเก็บไว้ทำไม ถ้าไม่อยากออกค่าหมอมาเบิกกับฉันได้ ฉันออกให้” นางบอกพร้อมส่ายหัวเล็กน้อยแล้วหยิบน้ำขึ้นมาจิบดื่มก่อนจะทานข้าว
“นั่นสิครับน้านิด ไปหาหมอก็ดีนะครับ สุขภาพเราสำคัญ เรื่องงานในบ้านก็ให้นางกับน้อยและดาทำก็ได้นี่ครับ ให้วัยรุ่นคนหนุ่มคนสาวเขาทำน่ะดีแล้ว” ชนาธรณ์เอ่ยเห็นด้วยกับคนเป็นแม่