ตอนที่ 2 ผู้ทรงอิทธิพลของหัวใจ
แพรวพิชชาลุกขึ้นจากที่นอนแสนสุข เมื่อคืนเธอนอนหลับสบายมากไม่มีสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางคัน พี่ชายเธอออกไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะหลับลึกจริงๆ ลุกขึ้นจากที่นอนได้ก็ยืนบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้าออกจากร่างกาย แล้วสาวเท้าเดินไปที่หน้าต่างบานหรูเปิดผ้าม่านรับแสงแดดอ่อนๆ ของยามเช้า สายตากลมโตมองดูดอกไม้แสนสวยอย่างชื่นมื่น ต้องขอบคุณพี่ชายสุดที่รักที่ให้คนมาจัดแปลงดอกไม้ตรงกับหน้าต่างห้องนอนของเธอ
“สดชื่นจัง” แขนเรียวเสลากางออก แหงนหน้าขึ้นสูง มุมปากยกยิ้มกว้าง บ่งบอกว่าเจ้าตัวมีความสุขมากแค่ไหนในเช้าวันนี้
ชีวิตของเธอในตอนนี้มีความสุขมาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับจากราฟาเอลมันมากมายเหลือเกิน เขาไม่ใช่แค่ผู้มีพระคุณที่รับอุปการะเธอเอาไว้ แต่เขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ ใครที่ไม่เคยได้สัมผัสกับตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้จะคิดว่าเขาโอหัง สำหรับเธอขอเถียงหัวชนฝาหากมีใครว่าให้ได้ยิน
มือใหญ่ยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม สายตาคมก็ไม่ได้ละออกจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจ ฉบับภาษาอังกฤษที่อ่านอยู่แม้แต่น้อย ไม่ทันสังเกตว่ามีใครเข้ามา แพรวพิชชาเดินอ้อมไปทางด้านหลังของราฟาเอลด้วยท่าทางซุกซน แขนเรียวคว้ากอดที่ลำคอแกร่ง หอมแก้มสากซ้ายขวาฟอดใหญ่ แล้วก็ยิ้มอย่างชอบใจที่สามารถทำให้คนโดนขโมยหอมเลิกสนใจหนังสือพิมพ์
“เด็กซนแกล้งพี่อีกแล้ว” ราฟาเอลเปรยเบาๆ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ราล์ฟ ไม่ได้แกล้งแค่อยากเล่นด้วย ชีวิตคนเราต้องมีสีสันกันบ้างค่ะ” แพรวพิชชายิ้มตาหยี ยังไม่ยอมคลายวงแขนออกจากคอแกร่งของพี่ชาย ใบหน้าเล็กซบที่ไหล่หนา มองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องเธออย่างไม่วางตา
“พี่ไม่เถียงเราหรอกจ้ะ ว่าแต่เมื่อคืนนี้หลับสบายดีไหมน้องแพรว มื้อเย็นเลยไม่ได้กินเลย” ราฟาเอลยังไม่ละสายตาออกจากใบหน้าจิ้มลิ้มที่เกยคางไว้บนบ่าของเขา
“สบายมากเลยค่ะ นอนแบบไม่รู้สึกหิวสักนิด แถมตื่นมายังได้เห็นดอกไม้สวยๆ ที่แข่งกันออกดอกเต็มไปหมดด้วย ขอบคุณนะคะสุดหล่อของแพรว” เสียงใสๆ พูดอยู่ข้างหูราฟาเอลโดยที่เขาไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด
“พี่ดีใจที่น้องแพรวชอบ”
“แพรวชอบทุกอย่างที่พี่ราล์ฟให้ค่ะ”
“พี่น้องคู่นี้ทำไมยังไม่ทานข้าวกันอีกคะ” ป้านุ่มเดินถือเหยือกน้ำคั้นสดเข้ามาในห้องอาหาร มองดูสองพี่น้องที่อ้อนกันอยู่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู พอคุณหนูแพรวกลับมาอยู่บ้านคุณราล์ฟของนางก็มีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย
“ก็รอน้ำส้มคั้นสดๆ ของป้านุ่มอยู่ไงคะแพรวเลยยังทานไม่ได้ ต้องจิบให้คล่องคอก่อน” แพรวพิชชาปล่อยแขนออกจากราฟาเอล แล้วเดินมากอดร่างท้วมของมีบ้านเก่าแก่อย่างอ้อนๆ
“ไม่ต้องมาอ้อนป้าตอนนี้เลยค่ะ นั่งลงแล้วก็ทานข้าวเช้าได้แล้วค่ะคุณหนู เดี๋ยวก็ถูกคุณราล์ฟท่านดุเอาหรอกค่ะ” ป้านุ่มตีแขนเนียนเบาๆ ดันคนช่างอ้อนให้นั่งลงบนเก้าอี้
“รับทราบแล้วค่ะป้านุ่มคนสวย พี่ราล์ฟไม่กล้าดุแพรวมากหรอกค่ะ” แพรวพิชชายิ้มหวานให้ป้านุ่มและพี่ชาย
“ทานข้าวให้หมดนะคะคุณหนู มื้อเย็นเมื่อวานก็ไม่ยอมลงมาทาน ต้องชดเชยมื้อเช้าให้เยอะๆ” ป้านุ่มย้ำก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้เจ้านายได้ทานอาหารตามลำพัง
“ค่า” แพรวพิชชารับคำเสียงใส มือบางตักข้าวต้มปูหอมกรุ่นขึ้นมาเป่าเบาๆ พอเย็นลงจึงเอาเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีสายตาของราฟาเอลจับจ้องอยู่ตลอดเวลา จนคนถูกมองรู้สึกได้ “ทำไมพี่ราล์ฟไม่ทานล่ะคะ มองแพรวทานแบบนี้มันจะอิ่มได้ยังไง” คิ้วเรียวพันกันยุ่งอย่างไม่ชอบใจ ที่เห็นพี่ชายไม่ทานอะไรเลยนอกจากกาแฟ
“พี่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าน้องแพรวก็รู้” ราฟาเอลพูดเสียงเรียบ จะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีก แต่ถูกมือบางยึดเอาไว้สียก่อน
“ต่อไปนี้พี่ราล์ฟต้องทานข้าวเช้าทุกวันค่ะ ลดกาแฟลงตั้งแต่วันนี้เลยด้วย ข้าวเช้ามันสำคัญมากนะคะ ต่อไปนี้แพรวจะบังคับให้พี่ราล์ฟทานข้าวทุกวัน” แพรวพิชชาพูดเสียงเข้มเลียนแบบคำพูดพี่ชาย ตักข้าวต้มในชามตัวเองมาจ่อที่ปากหยักบางของราฟาเอล
“อ้าปากค่ะพี่ราล์ฟ” แพรวพิชชาสั่งพี่ชายที่ยังไม่ยอมเปิดปากออก ราฟาเอลส่ายศีรษะสุดท้ายก็ยอมเปิดปากออกแต่โดยดี
“พี่ทานแล้วน้องแพรวก็ทานต่อเถอะ อย่ามัวแต่ป้อนพี่ ตัวยิ่งเล็กๆอยู่” ราฟาเอลกลืนข้าวลงคอ มองคนข้างๆ ที่ยังไม่ยอมตักข้าวเข้าปาก ด้วยสายตาเป็นคำถาม
“ทานแค่คำเดียวไม่ได้ค่ะต้องทานให้หมดชาม มาค่ะเดี๋ยวแพรวจะเป็นคนป้อนพี่ราล์ฟเอง” แพรวพิชชายกชามข้าวของราฟาเอลมาไว้ข้างๆ ชามของเธอ ตักข้าวต้มป้อนพี่ชายสลับกับตัวเอง โดยที่คนหน้านิ่งไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น และไม่นานข้าวต้มแสนอร่อยก็เกลี้ยงชาม
“พี่ไม่เคยทานข้าวเช้าได้มากขนาดนี้มานานมากแล้ว” ราฟาเอลพูดหลังจากดื่มน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก
“ต่อไปนี้ต้องทานทุกวันนะคะ เพราะแพรวจะไม่ยอมให้พี่ราล์ฟดื่มกาแฟแทนข้าวอีกเด็ดขาด มันไม่ดีต่อสุขภาพ” แพรวพิชชาพูดเสียงจริงจัง
“พี่คงต้องยอมเราอีกแล้วใช่ไหม” ราฟาเอลโยกศีรษะเล็กเบาๆ อย่างเอ็นดู มุมปากยกยิ้มอย่างมีความสุข
“ใช่ค่ะพี่ราล์ฟต้องยอมแพรว เพราะแพรวรักและหวังดีกับพี่ราล์ฟจริงๆ” แพรวพิชชาขยิบตา
ร่างบางในชุดเดรสแขนกุดตัวสวยลายดอกกุหลาบสีชมพูสดเดินควงแขนพี่ชายในชุดสูทสีดำสนิทสุดหรูเข้ามาในบริษัท ด้วยเพราะไม่อยากอยู่บ้านเลยขอตามมา โดยมีแบรทกับโรมเดินตามมาห่างๆ พนักงานที่ยกมือขึ้นทำความเคารพราฟาเอลลอบมองแพรวพิชชาอย่างสนใจ จนคนถูกมองอดที่จะประหม่าไม่ได้เลยต้องชวนคนข้างกายคุย
“พวกเขาต้องคิดว่าแพรวเป็นแฟนพี่ราล์ฟแน่เลยค่ะ ดูสิมองกันใหญ่เลย สงสัยจะจำแพรวกันไม่ได้” แพรวพิชชาพูดติดตลกอย่างไม่ได้คิดอะไร ต่างกับราฟาเอลที่ใช้หางตามองน้องสาวนอกไส้ยิ้มๆ และปรับสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จะมองก็ปล่อยให้เขามองไปเถอะ ใครจะคิดอะไรยังไงเราห้ามไม่ได้หรอก และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งอธิบายความสัมพันธ์ของเราให้ใครเข้าใจ” ราฟาเอลมองมือที่เกาะแขนเขาเอาไว้ ก่อนจะปลดมือบางออก แล้วเขาฝ่ายเป็นโอบเอวคอดกิ่วแทน แบรทกับโรมที่เดินตามหลังมาต่างมองสบตากัน และยักคิ้วให้กันอย่างรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ค่ะ” แพรวพิชชายิ้มหวานไม่ได้โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
ราฟาเอลพาร่างบางมานั่งที่โซฟาภายในห้องทำงานหรูหรา ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และสิ่งที่ทำให้แพรวพิชชาไม่ชอบเอามากๆ ก็คือบาร์เครื่องดื่มขนาดกระทัดรัด ซึ่งมันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องมาอยู่ในนี้เลยสักนิด
“เข้ามาในห้องทำงานพี่ทีไรหน้างอทุกทีเลยน้องแพรว ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่เปลี่ยนจริงๆ ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาวเลย” ราฟาเอลยิ้มในหน้า ยกมือโยกศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู รู้ถึงสาเหตุว่าทำไมน้องสาวนอกไส้ที่เขาไม่เคยนับว่าเป็นน้องมาตั้งนานแล้ว
“ก็แพรวไม่ชอบที่พี่ราล์ฟเอาเหล้ามาไว้ในนี้นี่คะ ไม่รู้ว่าวันๆดื่มกี่แก้ว อยู่ใกล้มือขนาดนี้จะอดใจได้ยังไงกัน” แพรวพิชชามองค้อนพี่ชาย ปากก็ขมุบขมิบไม่หยุด ที่บ่นก็เพราะว่าห่วงสุขภาพของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าราฟาเอลจะรับรู้ความห่วงใยของเธอรึเปล่า
ราฟาเอลยิ้มน้อยๆ ก้าวเข้าไปประชิดร่างบางของคนที่บ่นเขาด้วยหัวใจแช่มชื่น ประคองไหล่กลมกลึงเอาไว้หลวมๆ
“ไม่ต้องมากอดเลย” แพรวพิชชาสะบัดหน้าหนีอย่างแง่งอน กอดอกทำท่าประท้วงกลายๆ
“พี่ไม่ค่อยได้ดื่มแล้ว เพราะกลัวคนแถวนี้จะบ่นพี่จนหูชาหากว่าเป็นอะไรไป” เขาเป็นอย่างที่พูดจริงๆเพราะทุกครั้งที่คุยกันน้องน้อยของเขาจะย้ำอยู่เสมอว่าอย่าดื่มเยอะ จนเขาปฏิบัติตามคำพูดกึ่งสั่งนั้นโดยอัตโนมัติ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้ดื่มเลยดีกว่า
“แน่นะคะ ไม่ใช่ว่าพูดเพื่อให้แพรวเลิกบ่น” แพรวพิชชาหรี่ตามองอย่างจับผิด
“โกหกแล้วพี่จะได้อะไรล่ะ หืม” คนอย่างเขาไม่มีคำว่าโกหกอยู่แล้ว ตรงไปตรงมาในทุกๆเรื่องไม่เว้นแม้แต่ความรู้สึก
“ถ้าพี่ราล์ฟยืนยันแพรวก็เชื่อค่ะ ถ้างั้นท่านประธานใหญ่ของบารานอฟก็ทำงานได้แล้วค่ะ แพรวจะนั่งรออยู่ที่โซฟา หรือถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะคะ แพรวยินดีช่วยพี่ราล์ฟทุกอย่างค่ะ” แพรวพิชชาแกะมือที่โอบบ่าเธอเอาไว้ออก แล้วจูงมือใหญ่ไปส่งยังโต๊ะทำงาน