ตอนที่ 2 ผู้ทรงอิทธิพลของหัวใจ (2)
“นั่งดูหนัง ฟังเพลงไปก่อนนะน้องแพรว พี่ขอเวลาเคลียร์งานก่อน เสร็จแล้วจะได้ออกไปหาอะไรอร่อยๆ ทาน” แพรวพิชชาพยักหน้า หมุนตัวเดินออกมายังมุมส่วนตัวของห้องทำงานใหญ่ที่มีทีวีจอขนาดยักษ์ และเครื่องให้ความบันเทิงอีกหลายอย่างแทน
ระหว่างที่ราฟาเอลตั้งหน้าตั้งตาทำงาน แพรวพิชชานั่งดูภาพยนตร์ฝรั่ง จู่ ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาโดยพลการไร้เสียงแจ้งจากเลขาหน้าห้อง สองหนุ่มสาวที่ต่างอยู่ในโลกของตัวเองพลันเงยหน้าขึ้นมองแทบจะพร้อมกัน
“พี่ไอด้า” แพรวพิชชาเอ่ยชื่อของผู้บุกรุกอย่างไม่ใคร่จะพอใจเท่าไหร่
“น้องแพรว กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ ว่าแต่กลับมาวันไหนล่ะ” สาวสวยหุ่นนางแบบนามว่าไอด้าถามเสียงอ่อนหวาน เอียงใบหน้าสวยเฉี่ยวมองคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาอย่างสำรวจอย่างตระหนี่ถี่ถ้วน
“แพรวเพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อวานนี้เองค่ะ” แพรวพิชชาตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรด้วย แต่ไม่ใช่สำหรับราฟาเอล
“มาทำไมอารดา บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบให้คนนอกมายุ่งวุ่นวาย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะมาเดินเล่นตามใจชอบได้”ราฟาเอลพูดด้วยน้ำเสียงห้วนจัดบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจอย่างที่พูดจริงๆ ร่างสูงสมาร์ทลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานมาหยุดยืนจ้องใบหน้าเฉี่ยวด้วยสายตาดุดัน
แพรวพิชชามองคนทั้งคู่อย่างสนใจ จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ชอบอารดาเลยสักนิดเดียว แม้จะเคยเจอหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม ดีแล้วที่พี่ชายของเธอไม่หลวมตัวไปชอบคนอย่างนี้ อยู่ต่อหน้าราฟาเอลก็จะทำเป็นว่ารักและเอ็นดูเธอ หน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ใครจะไปชอบลง
“ไอด้าไม่ได้มาเดินเล่นสักหน่อย แค่คิดถึงคุณเลยมาหากะว่าจะมาชวนออกไปหาอะไรทานตอนกลางวันด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอน้องแพรวที่นี่ พาน้องแพรวไปด้วยกันนะคะ” อารดายิ้มหวาน เข้าไปเกาะแขนแกร่งอย่างออดอ้อนออเซาะ บดเบียดร่างกายเข้าหาอย่างยั่วยวน แต่ในเวลาไม่ถึงนาทีก็ต้องเซถลาจนเกือบจะเสียการทรงตัว เพราะโดนราฟาเอลผลักออกอย่างไม่ใยดี
“ราล์ฟ!” เสียงฉุนเฉียวตะคอกเรียกชื่อชายหนุ่ม
“อย่าเอามือเธอมาโดนตัวฉันไอด้า” ราฟาเอลพูดเสียงเย็น
“ทำไมคุณต้องรุนแรงกับไอด้าด้วยคะ ไอดาเป็นแฟนคุณนะคะราล์ฟ อีกอย่างไอด้าเป็นลูกสาวของคนที่คุณร่วมลงทุนในโครงการคอนโดหรูมากมายทั่วกรุงเทพเลยนะ หากคุณพ่อรู้ว่าคุณปฏิบัติตัวกับไอด้าแบบนี้มันจะไม่เป็นผลดีกับตัวคุณเองนะราฟาเอล” อารดาหยิบยกบิดาขึ้นมาอ้าง เพื่อหวังให้ราฟาเอลฉุกคิดขึ้นมาแล้วทำดีกับเธอ
“ฉันไม่เคยตกลงเป็นแฟนกับเธอนะไอด้า อย่ามาทึกทักเอาเอง ฉันว่าฉันพูดเรื่องนี้กับเธอมาหลายรอบแล้วนะ นอนกับเธอฉันยังไม่เคยคิดอยากจะนอนด้วยเลย หยุดคิดเองเออเองได้แล้วอารดา ฉันกับพ่อเธอแค่ทำธุรกิจร่วมกัน อย่าได้ริอาจใช้ความคุ้นเคยระหว่างฉันกับพ่อเธอเป็นบันไดในการเข้าหาฉัน ทุเรศสิ้นดีพูดมาได้ยังไงว่าฉันเป็นแฟนกับเธอ การลงทุนทำธุรกิจไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเอาเธอมาทำเมียด้วย พูดกันตามหลักแล้วเงินฉันมีมากกว่าพ่อเธอมากมายหลายเท่า ไม่จำเป็นจะต้องง้อให้ใครร่วมทุนด้วยเลย พอเธอต่างหากที่เดินมาขอฉันเอง” ไม่ทันตั้งตัวราฟาเอลก็คว้าคางของไฮโซสาวแล้วบีบแน่น แววตาดุดันจ้องหน้างามเขม็ง
“ปล่อยไอด้านะราล์ฟ มันเจ็บ!” อารดาหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด พยายามจะแกะมือหนาออกแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสู้แรงที่มีมากกว่าไม่ไหว
“พี่ราล์ฟขา ค่อยๆ พูดกันก็ได้ค่ะ อย่าใช้ความรุนแรงกับพี่ไอด้าสิคะ เธอเจ็บแล้วนะคะนั่น ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงนะคะ ปล่อยเธอเถอะ” แพรวพิชชาเห็นแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ เลยช่วยพูดให้พี่ชายเธออารมณ์เย็นลง
“พี่จะเห็นแก่คำพูดของน้องแพรว แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่เห็นใจอารดาหรอกนะ” ราฟาเอลปล่อยมือออก เพียงคำพูดเห็นใจผู้อื่นของน้องน้อย เขาก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะไม่อยากให้คิดมาก อารดารีบจับคางของตัวเองเอาไว้ทันทีเมื่อได้รับอิสระจากอุ้งมือใหญ่ที่แข็งราวกับคีมเหล็ก
“แค่ก แค่ก” อารดาไอจนหน้าแดงเมื่อราฟาเอลปล่อย
“กลับไปได้แล้วอารดาที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ อย่าทำให้ความอดทนของฉันต่ำลงไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่เดือดร้อนคนเดียว ฉันจะทำให้พ่อของเธอเดือดร้อนไปด้วย หากเวลานั้นมาถึงสาวสังคมอย่างเธอคงไม่มีที่ยืนให้คนชื่นชม หรือเยินยออีกต่อไป คิดดูดีๆ ว่าอย่างสบายต่อไปหรืออยากลองลิ้มรสความลำบากบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่าเดิม” เสียงเข้มเอ่ยเรียบนิ่งแต่หนักแน่น ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องมานั่งรักษาภาพพจน์ให้ตัวเองดูดีกับผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างอารดา ไม่ใช่จะข่มขู่ให้หวาดกลัว แต่เขาจะทำอย่างที่ลั่นวาจาจริงๆหากยังไม่หยุดตอแย
“คุณห้ามทำอย่างที่พูดนะราล์ฟ ฉันอยู่ไม่ได้หากไม่มีเงินให้ใช้ ต่อไปฉันจะไม่มายุ่งกับคุณอีก ฉันไม่อยากเอาอนาคตมาเสี่ยงกับคนอย่างคุณอีกแล้วราฟาเอล ขอให้แก่ตายไปกับทรัพย์สมบัติของตัวเองเถอะ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! พ่อฉันไม่น่าหลวมตัวมาทำธุรกิจกับซาตานอย่างคุณเลย” อารดาพูดเสียงกร้าว แม้จะหวาดหวั่นไม่น้อยไม่พูดออกไปอย่างนั้น แต่ก็ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดีก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
“อย่ามานึกเสียดายเธอทีหลังนะคะพี่ราล์ฟ เพราะดูท่าแล้วงานนี้พี่ไอด้าคงไม่มาตามตื๊อพี่อีกแล้วแน่ๆ” แพรวพิชชาเย้ายิ้มๆ หลังจากสาวสวยพี่มาชอบพอพี่ชายจากไป
“ไม่มาตอแยอีกแล้วก็ดีน่ะสิ ตลอดหลายปีมานี้พี่ใจดีกับอารดามากจนเกินไป ถึงเวลาที่จะต้องกำจัดตัวน่ารำคาญออกไปให้พ้นๆจากชีวิตสักที และต่อไปนี้ก็หวังว่าจะไม่ต้องมาทนเห็นความน่ารำคาญของอารดาอีก” ราฟาเอลพูดอย่างสบายๆ
“รู้ตัวไหมว่าเมื่อกี้พี่ราล์ฟโหดขนาดไหน” แพรวพิชชาพึมพำ ลุกขึ้นยืนบนโซฟา ยกแขนขึ้นคล้องลำคอหนา โน้มใบหน้าเข้าไปหาหน้าเรียบนิ่งติดจะเย็นชาอย่างพิจารณา
“หน้าพี่มีอะไรติดอย่างงั้นเหรอ ถึงจ้องไม่วางตาเลย” ราฟาเอลยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างสงสัย
“มีความน่ากลัวติดอยู่ค่ะ” แพรวพิชชาแกล้งกระซิบเสียงเบาราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน ราฟาเอลส่ายหน้าให้กับความช่างแกล้งของคนตรงหน้า
“ถึงพี่จะร้ายหรือดูไม่ได้ในสายตาของใครๆ แต่คนเดียวที่พี่ไม่เคยอยากจะทำร้ายมีแต่เรานะน้องแพรว รู้ใช่ไหม” ราฟาเอลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แพรวรู้ค่ะ รู้ว่าพี่ราล์ฟรักและหวังดีกับแพรวเสมอมา ตั้งแต่วันที่เราได้อยู่ด้วยกันวันแรกจนถึงตอนนี้ แพรวเองก็รักพี่ราล์ฟ รักมากที่สุดในโลกเลยค่ะ” แพรวพิชชายิ้มจนตาเป็นรูปสระอิ กระชับท่อนแขนเล็กกับคอหนา คนถูกบอกรักอมยิ้มอย่างสุขใจ รวบเอวคอดกิ่วให้แนบชิดกับลำตัวมากขึ้น
“พี่ก็รักน้องแพรวมากที่สุดเหมือนกัน” รักมากจนไม่อยากจะให้ใครหน้าไหนมายุ่ง แค่คิดว่าจะโดนแย่งความรักและอ้อมแขนเล็กๆ ที่คอยกอดเขาแบบนี้ไป ก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว
“อื้อ พี่ราล์ฟกอดแพรวแน่นเกินไปแล้วนะคะ” มือบางทุบไหล่หนา เมื่อแรงกอดรัดมันแน่นมากจนเกินไป
“ขอโทษที เวลากอดน้องแพรวแล้วพี่ชอบลืมตัวทุกที” ราฟาเอลคลายอ้อมแขนออก
“เป็นอะไรคะ ทำหน้าเครียดอีกแล้ว หรือว่าพี่ราล์ฟกำลังคิดหาวิธีกำจัดผู้หญิงคนอื่นอีก” แพรวพิชชาพูดติดตลก
“พี่แค่คิดอะไรนิดหน่อย ไม่ได้จะกำจัดใครสักหน่อย พูดไปเรื่อยเลยเรา น้องแพรวดูหนังต่อเถอะ พี่จะไปทำงานต่อแล้ว”ราฟาเอลจับมือนุ่มออก แล้วจูบลงที่กลางฝ่ามือบาง
“ก็ได้ค่ะ” แพรวพิชชาไม่เซ้าซี้ต่อ หอมแก้มสากฟอดใหญ่ ก่อนจะปล่อยให้ราฟาเอลกลับไปทำงานต่ออย่างที่เขาต้องการ
ราฟาเอลกลับมานั่งจมกับความคิดของตัวเอง เห็นทีงานนี้เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว กลัวว่าหากทำอะไรชักช้าจนเกินไปจะโดนใครไม่รู้มาชิงตัดหน้าเอาน้องน้อยของเขาไปจากอ้อมอก หากเป็นอย่างนั้นเขาคงต้องบ้าตายแน่ อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งนมนาน เพื่อรอวันที่แพรวพิชชาพร้อมที่จะเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจด้วยความสมัครใจ
ภายใต้ใบหน้าเคร่งเครียดที่แสนจะคุ้นชิน มันไม่สามารถทำให้รู้ได้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ถ้าหากว่าไม่เล่าจะไม่มีใครรู้ความนึกคิดของพี่ชายเธอได้เลย แพรวพิชชามองหนังที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจอทีวีไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะคอยแต่จะลอบมองคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานอยู่บ่อยๆ
ห้องทำงานตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเพราะแพรวพิชชาดูหนังจบแล้ว และตอนนี้ก็กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร โซฟาตัวหรูยวบลงเมื่อราฟาเอลทิ้งตัวลงนั่ง สายตาคมเข้มทอดมองใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่ง ไล่สายตามายังริมฝีปากเป็นกระจับสวยสีชมพูสด มันเหมือนมีแรงดึงดูให้เขาโน้มใบหน้าลงไป จนกระทั่งปากของเขาแตะที่เรียวปากบาง
“พี่ขอชื่นใจหน่อยนะ”
ราฟาเอลพึมพำชิดกลีบปากนุ่ม แล้วค่อยๆ ละเลียดอย่างเชื่องช้า ไม่ได้ส่งลิ้นเข้าไปสำรวจความหวานฉ่ำในโพรงปากเล็ก พอเห็นว่าร่างเล็กขยุกขยิกเลยจำใจละริมฝีปากออก ใช้มือเกลี่ยที่หน้าผากเนี่ยนที่มีผมหน้าม้าบางๆ ปกคลุมอยู่ แล้วจรดจมูกโด่งลงไปหอม จัดท่าทางการนอนให้สบายขึ้นแล้วคลี่ผ้าห่มผืนหนาที่เดินไปเอาจากห้องนอน ที่อยู่ภายในห้องทำงานออกมาให้น้องน้อยได้คลุมกายแก้หนาวจากแอร์เย็นจัด
พอราฟาเอลเดินจากไป คนที่เขาคิดว่าหลับก็ลืมตาขึ้นมา นิ้วเรียวสวยแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง จริงๆเธอรู้สึกตัวตั้งแต่เขานั่งลงแล้ว แต่ที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมา เพราะต้องการจะแกล้งให้ตกใจเล่น ไม่คิดว่าเขาจะจูบเธอแบบนี้ ตอนนี้หัวสมองน้อยๆ ของเธอครุ่นคิดอย่างหนัก และไม่มีความกล้าพอที่จะถามออกไปตรงๆ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ใจเธอเต้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
แพรวพิชชานอนหน้านิ่วคิ้วขมวดพลิกตัวไปมาบนที่นอน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่ ราฟาเอลยิ้มในหน้าเมื่อคาดเดาได้ว่าน้องสาวนอกไส้คงจะรู้ว่าเขาได้ทำอะไรลงไป