ตอนที่ 3 มันหมายความว่าอะไร
แพรวพิชชาตื่นมาอีกทีก็ราวๆ บ่ายโมงกว่า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อแสงไฟมันส่องเข้ากระทบนัยน์ตาจังๆ ร่างบางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ ไม่ทันสังเกตว่าภายในห้องทำงานไม่ได้มีเพียงเธอและราฟาเอลสองคนเท่านั้น
“อื้อ! เมื่อยจัง” เสียงใสๆ บ่นงึมงำกับตัวเอง ตาก็ยังไม่ยอมลืมขึ้นมา ยังคงหลับพริ้มอยู่เช่นเดิม
ราฟาเอลมองเลยคู่สนทนามามองน้องสาวที่นั่งหาวให้หวอดๆ ผมยุ่งๆ มันดูน่ารักปนเซ็กซี่เล็กๆ มองแล้วเพลินตาเป็นบ้า แต่ที่ทำให้ขัดใจก็คือแม่คุณทูนหัวของเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่ ถ้าไปนอนในที่ที่ไม่มีเขาอยู่ไม่รู้จะเป็นยังไงไม่อยากจะคิดเลยให้ตาย
“น้องแพรว” ราฟาเอลเรียกคนที่กำลังนั่งบิดตัวด้วยเสียงนิ่งๆ เพราะไม่อยากจะให้ใครได้เห็นมุมน่ารักๆ เวลาตื่นนอนของน้องสาวสุดที่รัก แพรวพิชชาหันไปมองตามเสียงเรียกแล้วยิ้มแหยๆ แขนที่ชูขึ้นสูงรีบยกลงในทันที เมื่อเห็นสายตาของผู้สูงวัยที่กำลังนั่งคุยธุระกับราฟาเอลมองเธอยิ้มๆ
“ขอโทษค่ะ” แพรวพิชชายิ้มแหย รีบยกมือขึ้นไหว้ขอโทษแขกของพี่ชาย ก่อนจะจัดท่านั่งของตัวเองให้เรียบร้อยขึ้น กิริยาที่แสดงออกไปเมื่อกี้ไม่รู้ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหน
“ไม่เป็นไรครับ ทำตัวตามสบายเลยครับคุณหนู ผมคุยธุระกับคุณราล์ฟจะเสร็จแล้ว” ชายสูงวัยยิ้มอย่างใจดี แล้วหันกลับไปคุยกับราฟาเอลต่อ
“เอาตามที่เราคุยกันไว้นะครับ วันนี้ขอบคุณมากที่คุณพิชัยปลีกเวลามาคุยกับผม” ราฟาเอลลุกขึ้นยืนจับมืออวบอูมตรงหน้า อย่างรู้สึกขอบคุณจากใจ
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ผมจะจัดการตามที่คุณต้องการ ผมกลับก่อนนะครับ ไว้ค่อยนัดเจอกันอีกหากมีเรื่องที่ต้องแก้ไข” นายพิชัยยิ้มให้กับหญิงสาวหนึ่งเดียวภายในห้องทำงานใหญ่ พยักหน้าให้แพรวพิชชาที่ยกมือขึ้นไหว้ลาอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกไป
“ขอโทษนะคะที่ไม่ทันได้สังเกตว่าพี่ราล์ฟมีแขก” แพรวพิชชาก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด เมื่ออยู่กันตามลำพังกับราฟาเอล
“จะขอโทษทำไม พี่ไม่ได้คิดจะว่าอะไรสักหน่อย ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น พี่จะพาไปทานข้าว นี่ก็เลยมื้อกลางวันมามากแล้ว ถ้าไม่ทานเดี๋ยวจะปวดท้องเอา” ราฟาเอลดึงข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นยืน แล้วดันหลังบางให้หันไปในทิศที่ตั้งของห้องน้ำ
“งั้นรอสักครู่นะคะท่านประธานใหญ่ แพรวขอเวลาสิบนาที” แพรวพิชชาพูดอย่างกระตือรือร้น รีบสาวเท้ายาวๆ ไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้กระเพาะน้อยๆ ของเธอก็เริ่มส่งเสียงร้องประท้วงออกมาบ้างแล้ว
ราฟาเอลพาน้องสาวคนสวยมาร้านอาหารไทยบรรยากาศสบายๆ ที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสมองออกไปนอกร้านอย่างพึงพอใจ โดยมีสายตาคมดุคอยจับจ้องอยู่ที่ใบหน้านวลเนียนตลอดเวลา แพรวพิชชาทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ในใจของเธอรู้สึกแปลกๆ แถมเหตุการณ์ที่ถูกขโมยจูบไปในช่วงที่ราฟาเอลคิดว่าเธอหลับก็รบกวนจิตใจเธอย่างหนัก พยายามจะไม่คิดมันแต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะถามออกไปใจจะขาดแต่ความกล้าก็มีไม่มากพอ
“ทำไมทำหน้ายุ่งขนาดนั้นคนสวย มีอะไรจะถามพี่รึเปล่าน้องแพรว” ราฟาเอลถามคนหน้ายุ่ง ทั้งที่ในใจเขารู้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่
แพรวพิชชามองหน้าหล่อเหลาของพี่ชายอย่างครุ่นคิด ปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น ความคิดในหัวตีกันให้ยุ่งว่าจะถามในสิ่งที่สงสัยออกไปดีหรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไรออกมา อาหารที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ
“ทานข้าวก่อนแล้วค่อยตอบคำถามของพี่ทีหลัง” ราฟาเอลเห็นท่าทางอึดอัดของแพรวพิชชาก็ให้เวลาคิด ไม่ได้เร่งรีบจะเอาคำตอบในตอนนี้
“ค่ะ” แพรวพิชชารีบพยักหน้าตกลง หยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้สายตาจดจ่ออยู่ที่อาหารน่าตาน่าทานที่เธอและราฟาเอลช่วยกันสั่งแทน
“ทานเยอะๆ นะ” ราฟาเอลตักเนื้อปลาชิ้นโตมาวางบนข้าวสวยร้อนๆ ในจานของแพรวพิชชา
“ขอบคุณค่ะ พี่ราล์ฟก็ต้องทานเยอะๆ เหมือนกันนะคะ” แพรวพิชชาก็ไม่น้อยหน้าตักกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตที่แกะเปลือกออกแล้ววางในจานราฟาเอลเป็นการตอบแทน
ราฟาเอลกับแพรวพิชชานั่งทานอาหารกันเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบอะไร จนกระทั่งอิ่มแพรวพิชชาก็นึกออกว่าก่อนหน้านั้นคุยอะไรค้างเอาไว้
“อิ่มแล้วเราไปกันเถอะ พี่ไม่ชอบนั่งแช่ในร้านอาหารนานๆ” ราฟาเอลไม่รอช้ารีบเรียกพนักงานคิดเงินทันที
“พี่ราล์ฟไม่ทานของหวานก่อนเหรอคะ” แพรวพิชชาท้วงเพราะอยากจะทานของหวานต่อ
“ไว้ค่อยทาน ตอนนี้ออกจากร้านกันได้แล้ว” ราฟาเอลตัดบทลุกขึ้นเดินมาดึงข้อมือบางให้ลุกจากเก้าอี้ ไม่สนใบหน้างอของคนที่อยากจะทานของหวาน
“พี่ราล์ฟจะรีบไปไหนคะ เดินช้าๆ ก็ได้ขาแพรวสั้นกว่าพี่ราล์ฟตั้งเยอะ” แพรวพิชชาบ่นกระปอดกระแปด ราฟาเอลได้ยินดังนั้นจึงลดการก้าวขาให้สั้นลง เพื่อให้น้องสาวได้เดินตามทัน
“พี่ก็จะพากลับบ้านไง จะได้ไปคุยเรื่องที่น้องแพรวคิดมากอยู่ในตอนนี้” ราฟาเอลพูดหน้านิ่ง กระชับมือที่จับอยู่ที่ข้อมือบางแน่น
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะแพรวไม่ได้คิดมากอะไรสักหน่อย แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเท่านั้นแหละค่ะ” แพรวพิชชาปดคำโต
“งั้นเหรอ” ราฟาเอลพูดเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ดันไหล่บางให้เข้าไปนั่งในรถ แล้วปิดประตูจากนั้นก็เดินอ้อมเพื่อไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ
แพรวพิชชานั่งเงียบไปตลอดทาง ราฟาเอลเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเองจนกระทั่งถึงบ้าน
“พี่ราล์ฟไม่เข้าบ้านเหรอคะ” แพรวพิชชาถามเมื่อราฟาเอลยังไม่ดับเครื่องยนต์ เหมือนกับว่ากำลังจะออกไปไหนต่อ
“พี่จะกลับเข้าไปทำงานต่อ เย็นนี้น้องแพรวไม่ต้องรอทานข้าวพร้อมพี่นะ เพราะพี่อาจจะกลับดึก” ราฟาเอลพูดโดยที่ไม่มองหน้าของแพรวพิชชา
“พี่ราล์ฟโกรธอะไรแพรวรึเปล่าคะ ทำไมถึงต้องเย็นชากับแพรวด้วย ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย” แพรวพิชชาตัดพ้อ ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ พี่ชายถึงทำท่าทางเฉยชากับเธออย่างนี้โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
“พี่ไม่ได้โกรธอะไรน้องแพรวครับสบายใจได้” ราฟาเอลมองเสี้ยวหน้างอง้ำอย่างอ่อนใจ
“ถ้าไม่ได้โกรธพี่ราล์ฟก็ต้องอยู่กับแพรว ไม่ใช่จะกลับเข้าไปในบริษัทอีก อย่ามาหาเรื่องหลบหน้าแพรวนะคะ มีอะไรไม่พอใจอะไรก็คุยกันตรงๆ สิคะ” แพรวพิชชาเกาะแขนแกร่งเอาไว้แน่น ซบหน้าลงบนต้นแขนหนาอย่างอ้อนๆ เธอไม่ชอบให้ราฟาเอลทำท่าทางห่างเหินและเย็นชากับเธอ เพราะชีวิตนี้เธอเหลือเพียงแค่พี่ราล์ฟคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่เป็นครอบครัวของเธอ
“งั้นก็ปล่อย แล้วลงไปคุยกันดีๆ” ราฟาเอลกดจมูกลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างมันเขี้ยว
แพรวพิชชาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะปล่อยแขนแกร่งให้เป็นอิสระ แล้วรีบเปิดประตูรถลงไปยืนรอราฟาเอลที่ด้านนอกด้วยความรวดเร็ว
ราฟาเอลเดินนำเข้ามาในห้องทำงาน มือทั้งสองข้างล้วงไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วหมุนตัวเผชิญหน้ากับคนที่เดินตามหลังมาเงียบๆ สายตาคมกล้าจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่ง