ตอนที่ 9 ความรู้สึก 1
“แวะหาอะไรทานไหม หรือกลับไปทานที่บ้าน” วัชระถามฟางข้าว หลังจากเลี้ยวรถออกมาพ้นจากรั้วของมหาวิทยาลัย
“พี่เฟรมจะเลี้ยงข้าวเหรอคะ” ฟางข้าวถามเขาหน้าทะเล้น
“แน่นอนครับคุณหนู” เขาหัวเราะหญิงสาวเบาๆด้วยความเอ็นดู
“ล้อเล่นค่ะ กลับไปทานที่บ้านดีกว่าค่ะ”
“รับทราบครับผม งั้นพี่ตรงกลับบ้านเลยนะ”
“ค่า” ฟางข้าวตอบรับในขณะที่กำลังวุ่นวายกับการกดเชื่อมบลูทูธกับรถ ก่อนจะกดเลือกเพลงที่จะฟัง หลังจากที่เลือกเพลงที่ถูกใจได้แล้ว เธอก็เอนหลังพิงเบาะรถพลางฮัมเพลงเบาๆ
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองการกระทำของหญิงสาวสักพักก่อนจะหัวเราะเบาๆด้วยความเอ็นดู อย่างอารมณ์ดี เขาเองก็รู้สึกว่าตัวเขาไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะอย่างผ่อนคลายแบบนี้มานาน จนบางทีเขาก็รู้สึกว่า รอยยิ้มของเขาอาจจะมีไว้สำหรับเจ้าตัวแสบของเขาเพียงคนเดียว
ฟางข้าวนั่งมองข้างทางเพลิน หญิงสาวค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราไป จนวัชระขับรถมาถึงบ้าน เขาถึงได้เรียกให้เธอรู้สึกตัว หญิงสาวคว้ากระเป๋าแล้วลงจากรถไปโดยไม่รู้เลยว่าเธอได้ลืมโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ ซึ่งมันจะก่อปัญหาให้เธอในภายหลัง
หลังจากฟางข้าวลงจากรถไปวัชระก็มองสำรวจภายในรถว่าได้ลืมอะไรไว้หรือไม่ ก่อนจะเห็นโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของตนเองวางอยู่ที่ข้างประตูฝั่งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวแสบของเขานั่งอยู่ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์และหย่อนลงในกระเป๋ากางเกง ตั้งใจว่าจะเอาไปให้เจ้าของโทรศัพท์ที่ได้ลงจากรถไปก่อนหน้านี้และเดินสะลึมสะลือเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะก้าวลงจากรถและปิดล็อกจนเรียบร้อยก็เดินเข้าบ้านไป
“ข้าวขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เดี๋ยวข้าวลงมาค่ะ” ฟางข้าวบอกหัวหน้าแม่บ้าน หลังจากเดินเข้ามาภายในบ้านและเดินตรงขึ้นบันไดไปโดยไม่ได้แวะห้องนั่งเล่นเหมือนทุกครั้ง
“ข้าวล่ะครับป้าตา” พ้นหลังฟางข้าวไป ชายหนุ่มเพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน หันซ้ายหันขวาไม่เห็นฟางข้าว จึงหันไปถามผู้ที่อายุอาวุโสกว่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ขึ้นไปสักครู่นี่เองค่ะ บอกจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สักพักคงลงมาค่ะ จะให้ป้าจัดโต๊ะอาหารเลยไหมคะ”
“จัดเลยก็ได้ครับ” วัชระตอบก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้ เขาเดินไปหย่อนตัวนั่งรอหญิงสาวที่ห้องนั่งเล่น
หลังจากนั่งรอเพียงไม่นาน หญิงสาวที่เขากำลังรอก็เดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น ก่อนจะดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร ที่บนโต๊ะได้จัดเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว
ทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานในการรับประทานอาหารมื้อนี้ เนื่องจากฟางข้าวต้องรีบไปทำวิทยานิพนธ์ต่อเพราะใกล้ถึงกำหนดส่งเต็มที เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก
ครืด ครืด
“สวัสดีครับ” วัชระที่เพิ่งขึ้นมาบนห้องนอน กำลังเตรียมตัวจะเข้าห้องน้ำ หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับสายหลังจากที่มีสายเรียกเข้า ก่อนจะคิดได้ว่าเขาลืมเอาโทรศัพท์คืนให้ฟางข้าวไป
“อ้อ ขอโทษทีครับ เพื่อนข้าวใช่ไหม รอสักครู่นะครับ” เขาพูดกับปลายสาย หลังจากที่รับโทรศัพท์แล้วปลายสายเงียบไป ก่อนจะเปิดประตูห้องและเดินไปทางฝั่งห้องของฟางข้าว
ก๊อก ก๊อก
“คะ เปิดเลยค่ะ ข้าวไม่ได้ล็อก” ฟางข้าวเอ่ยบอกผู้ที่มาเคาะประตูห้องของเธอแล้วก้มหน้าสนใจหน้าจอต่อ โดยไม่รู้เลยว่าเสียงของเธอได้เล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์ที่ปลายสายกำลังถือสายรออยู่
“ข้าว” วัชระเปิดประตูเข้าไปภายในห้องส่วนตัวของฟางข้าว หลังจากที่เจ้าของห้องได้อนุญาตแล้ว
“อ้าว พี่เฟรม มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเธอ หันไปทักผู้เป็นพี่ ที่เข้ามาในห้องของเธอ
“พี่เอาโทรศัพท์มาให้ ข้าวลืมไว้ในรถ พี่เอาลงจากรถว่าจะเอามาให้ก็ลืมสนิท” เขาบอกก่อนจะวางโทรศัพท์ให้เธอบนโต๊ะตรงหน้าเธอ
“ข้าวลืมสนิทเลยค่ะ” ฟางข้าวเห็นโทรศัพท์ของเธอที่วัชระเอามาวางให้ ก็พลันคิดได้ ว่าเธอลืมเอาไว้จริงๆ
“อย่าลืมนักสิ ยังไม่ทันแก่เลยนะ ถ้าอย่างนั้นพี่กลับห้องก่อนนะ ข้าวจะได้ทำงานต่อ”
“ขอบคุณนะคะ” วัชระยิ้มให้ฟางข้าวก่อนจะจับศีรษะเธอโยกเบาๆและหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมปิดประตู
ทางด้านปลายสายที่โทรเข้ามา หลังจากที่การสนทนาที่เขากำลังฟังอยู่เงียบหายไป มือใหญ่กำหมัดแน่นจนมือสั่นก่อนจะกดวางสาย