3
“ไม่มีคืน ขอเป็นเดือนหน้านะ” ยิหวาตอบเพื่อนสาว
“เธอรู้ได้ยังไงว่ายายนาราพูดแบบนี้กับฉัน” สุทธิดาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ลูกหนี้มักพูดแบบนี้ และถ้าเดือนหน้าเธอไปทวง ยายนาราก็จะบอกว่าขอคืนเป็นเดือนหน้านะ เงินไม่พอ เดือนหน้าไปทุกเดือน สุดท้ายก็ไม่จ่ายอยู่ดี”
“แม่นยังกับตาเห็น”
“ไม่ได้แม่นเลย เพราะเห็นลูกหนี้ชอบเป็นแบบนี้กับเจ้าหนี้มาหลายรายแล้ว หลายคนถึงไม่ชอบให้หยิบยืมเงินยังไงล่ะ เพราะพอจะไปทวงบางคนก็อาย ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินของเราแท้ ๆ ดีไม่ดีโดนโกรธเข้าให้อีก ทะเลาะกันไม่มองหน้ากัน ลูกหนี้ก็หาเรื่องชิ่งหนีอย่างเนียน ๆ เรียกว่าทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนไง จริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบไม่ใช่มาโกรธกลบเกลื่อน ชวนทะเลาะแล้วก็หาเรื่องไม่จ่ายหนี้”
“ไม่น่าหลวมตัวเลย” สุทธิดาบ่น
“ให้ยืมเยอะไหม”
“แสนนึง” สุทธิดาพูดอย่างเซ็งๆ
“ตั้งแสนนึง ไม่น่าเลยธิดา หวาคิดว่าธิดาต้องทำใจแล้วละ ขนาดเงินจะใช้นารากรยังไม่มีต้องมาหยิบยืมเธอเลยธิดา แล้วธิดาคิดว่าเขาจะมีเงินมาคืนธิดาเหรอ” คนที่เป็นหนี้ส่วนใหญ่คือหมุนเงินไม่ทัน ใช้เงินเกินตัว แล้วพอยืมเงินก็ยังหมุนเงินไม่ทันอยู่เหมือนเดิม แล้วจะมีปัญญาที่ไหนเอาเงินมาคืนเจ้าหนี้กันล่ะ
“เงินน่ะไม่เสียดายหรอก ถ้าเพื่อนเดือดร้อนจริงๆ มากกว่านั้นฉันก็ให้ได้ แต่ฉันหมั่นไส้ที่ยายนาราโพสต์แต่การใช้ชีวิตกินหรูอยู่แพง แต่เที่ยวไปยืมเงินคนอื่น ถ้าไม่มีก็ไม่ควรไปอวดให้ใครเห็นว่ามีไม่ใช่เหรอ นี่แหละคือที่ฉันอยากทวงเงินคืน หมั่นไส้เสียจริง”
“คราวหลังก็ไม่ต้องให้ยืมอีก” ยิหวาบอกเพื่อนสาว
“นอกจากจะขี้งกแล้วยังขี้เสือกแล้วก็ขี้ยุด้วยนะ เธอมีสิทธิ์อะไรมานินทาฉันลับหลัง แล้วก็ห้ามไม่ให้ธิดาให้ฉันยืมเงินหึยายหวา” นารากาโผล่เข้ามาผลักไหล่ของยิหวาจนเซ
“นี่นารา เธอทำอะไรนี่ ทำร้ายยิหวาทำไม”
“ก็มันเป็นยายเพื่อนปากดี เสียดายคบกันมาตั้งนาน ไม่คิดเลยว่าลับหลังเธอจะแทงข้างหลังฉันแบบนี้”
“ฉันเปล่านะ ฉันแค่ไม่อยากให้ธิดาผิดใจกับเธอ ยืมเงินแล้วไม่คืน จะมีปัญหากันในภายหลังนะ” ยิหวาพยายามอธิบาย
“เลิกพูดได้แล้ว ประเด็นก็คือเธอยุธิดาไม่ให้ฉันยืมเงินนั่นแหละ ใครมันจะไปวิเศษวิโสแบบเธอกันล่ะ มีเงินเยอะแยะมากมาย”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี ที่ยิหวามีเงินเพราะเขารู้จักเก็บ ไม่เหมือนเธอใช้เงินเกินตัว ชอบอวดรวยหน้าเฟซบุ๊ก แต่จริง ๆ ไม่มีเงิน” สุทธิดาตอกกลับจนนารากรโกรธจัด
“ใช่สิ ฉันทำอะไรก็ไม่ดีเหมือนยายยิหวาสินะ งั้นเราเลิกคบกันไปเลยธิดา” นารากรสะบัดหน้าใส่เพื่อน ก่อนจะกระแทกเท้าเดินจากไป
“ฉันพูดอะไรผิดนี่ โกรธฉันเฉยเลย” สุทธิดาหน้ายุ่ง
“เธอไม่ได้พูดผิดหรอก แต่ยายนารากรแกล้งทำเป็นโกรธแล้วก็เลิกคบกับเธอ เพราะอยากชิ่งหนีหนี้หลักแสนที่เขาหยิบยืมเธอไง”
“เออจริงด้วย ฉันไม่ยอม”
“ยิ่งไม่ยอมก็จะยิ่งทะเลาะกัน ธิดาก็ต้องโทษตัวเองด้วยนะว่า ไม่น่าให้ยืมเงินเลย เพราะนาราใช้เงินฟุ่มเฟือย ให้ยืมไปเขาก็ไม่มีเงินมาคืนหรอก”
“เธอเลยต้องมาซวยไปด้วย แย่จริง” สุทธิดาบ่นอุบ
“ซวยยังไงเหรอ” ยิหวาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เธอกับยายธิดาคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ยายนั่นเลิกคบฉันไปแล้วแถมยังโกรธเธอไปด้วย ก็คงเลิกคบเหมือนกัน”
“แล้วแต่นารากรเลย เพื่อนมันมีความหมายมากกว่านั้น เพราะเพื่อนที่ดีคือสมบัติล้ำค่าในชีวิตเหมือนเธอไงธิดา เอาเงินเอาทองอะไรมาแลกฉันก็ไม่ยอมหรอก เพราะจะหาเพื่อนดี ๆ แบบเธอไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นถ้าเราเตือนด้วยความหวังดี แล้วเขาไม่ฟัง เราก็ควรปล่อยเขาไป เพราะเรามีเรื่องสำคัญ ๆ ในชีวิตที่ต้องทำมากกว่าไปตามง้อคนที่อยากเลิกคบเรา”
“ขอบใจนะยิหวา ตอนแรกฉันไม่สบายใจ แต่พอฟังเธอพูดแล้วสบายใจขึ้นมาเลย ภพนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีเธอเป็นแฟน”
“ยอกันเกินไปแล้วจ้ะ ภพมาพอดีเลย”
“หวาเรียบร้อยหรือยัง” ไวภพเอ่ยถามแฟนสาว
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ” ยิหวาตอบรับด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
“งั้นเราไปก่อนนะธิดา” ยิหวาเอ่ยขอตัว
“ไปก่อนนะธิดา” ไวภพเองก็เอ่ยขอตัว ก่อนจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์พาแฟนสาวกลับไปส่งที่ห้องพัก และรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
เขาเองก็เช่าอยู่ห้องใกล้ ๆ กับยิหวา ไม่ได้พักห้องเดียวกันเพราะยิหวาเป็นคนรักนวลสงวนตัวมาก ๆ ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับใครง่าย ๆ เขาเองก็จีบยิหวาอยู่หลายปี ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งด้วยกัน จนยิหวายอมใจอ่อนเป็นแฟนด้วยก็ตอนเรียนอยู่ปีสาม ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะล่วงเกินเธอให้ต้องเสียหาย เธอถนอมร่างกาย เก็บพรหมจรรย์เอาไว้ให้เขาในวันแต่งงาน เขาก็จะรอสิ่งสำคัญล้ำค่าที่เธอมอบให้
เป็นแฟนกันกอดกัน หอมแก้มกันเป็นเรื่องธรรมดา เขาเคยมีบ้างที่ขอเธอ แต่ยิหวาไม่ให้เขาก็ไม่รบเร้า เพราะไม่อยากหักหาญน้ำใจของเธอ
รุ่งเช้าของวันใหม่ นารากรทำเมินเพื่อนรักทั้งสอง ยิหวากับสุทธิดามองหน้ากันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร อยากเมินก็เมินไป นารากรคงคิดว่าทำแบบนี้ไม่ต้องใช้หนี้ที่หยิบยืมไปเพราะโกรธกันอยู่ แต่สุทธิดาก็ได้เห็นน้ำใจของเพื่อนก็คราวนี้ คบกันมาตั้งหลายปี ช่วยเหลือกันมา ทำนิสัยเสีย ๆ แบบนี้ใส่กัน พอมีงานมีเงินก็ลืมตัว เลิกคบกันไปก็ดี
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” นารากรเดินชนกับชายหนุ่มคนหนึ่งจึงเอ่ยขอโทษขอโพย ยิ่งพอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าอีกฝ่ายหล่อเหลาดูดี เธอก็ยิ้มหวานส่งไปให้เขาในทันที
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหมคะ” นารากรรีบเสนอตัวในทันทีเพราะถูกตาต้องใจอีกฝ่ายเหลือเกิน หล่อแบบนี้ถ้าได้เป็นแฟน ควงไปไหนมาไหน เธอต้องฮอตที่สุดในบริษัทแน่ ๆ
“ผมมาสัมภาษณ์งานน่ะครับ ไม่ทราบว่าต้องเดินไปห้องไหนเหรอครับ” โอบกิจเอ่ยอย่างสุภาพ
“ทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวนาราพาไปนะคะ ฉันชื่อนารากรค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอยื่นมือไปให้เขาจับ